การปกครอง<สมัยอยุธยาตอนกลาง>ร.ร.ศีลาจารพิพัฒน์ ม.4/1
อาณาจักรอยุธนาสถาปนาโดยพระรามาธิบดีที่ 1
มีเมืองที่สำคัญ 2 เมืองคือ ลพบุรีกับสุพรรณบุรี ลพบุรีเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมลัทธิศาสนาและวิชาการด้านต่างๆ สุพรรณบุรี เป็นศูนย์กลางของกำลังคนมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี
การเมืองระดับสูง(อยุธยาตอนต้น) เป็นการแย่งชิงอำนาจของ 2 ราชวงศ์ ระหว่างราชวงศ์อู่ทองและราชวงศ์สุพรรณบุรี มีการแข่งส่งทูตไปเมืองจีนเพื่อสร้างฐานะของตนในอยุธยา เพราะการรองรับจากจีนซึ่งเป็นมหาอำนาจในเอเชีย เท่ากับเป็นการเสริมความมั่นคงทางอำนาจทางการเมืองของกษัตริย์อยุธยา
การขยายอำนาจทางการเมืองของอยุธยา ทำให้เกิดการแข่งขันและขัดแย้งกับพม่า โดนเฉพาะการแย่งชิงอำนาจเหนือเชียงใหม่และอาณาจักรมอญ(พม่าตอนล่าง) ทำให้อยุธยาพ่ายแพ้พม่าในพ.ศ. 2112 และถูกพม่าทำลายลงในพ.ศ. 2310(เสียกรุงครั้งที่ 2)
1. ระดับภายใน หมายถึง ค้าขายเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและของจำเป็นระหว่างชาวบ้าน ชาวเมืองหรือชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ เพื่อการดำรงชีวิตประจำวันภายในสังคม
2. การค้ากับต่างชาติภายนอก...การค้าระดับนี้ผูกขาดโดยรัฐบาลเพียงผู้เดียว "ระบบพระคลังสินค้า"
-ระยะแรก : การค้ากับต่างประเทศ
ค้าเรือสำเภากับจีน...กษัตริย์เป็นผู้ผูกขาดการค้าและใช้ลูกเรือชาวจีนในการทำการค้า การค้าเป็นในรูปของความสัมพันธ์ทางบรรณาการ
-ระยะหลัง : การค้ากับต่างประเทศ
ค้าขายกับดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ต่อมาถูกตะวันตก(โปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส และฮอลันดา) และญี่ปุ่นเข้ามาชิงตลาดค้า เพื่อเข้ามายึด "ระบบการค้าของเอเชีย"
การปกครองสมัยอยุธยาตอนกลาง
การปกครองเริ่มตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นต้นมา หลังจากที่ได้ผนวกเอาอาณาจักรสุโขทัยมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา โดยมีลักษณะสำคัญ 2 ประการคือ
1. จัดการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง
2. แยกกิจการฝ่ายพลเรือนกับฝ่ายทหารออกจากกัน
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดฯให้มีตำแหน่งสมุหกลาโหมรับผิดชอบด้านการทหาร นอกจากนี้ยังได้ทรงตั้งหน่วยงานเพิ่มขึ้นมา อีก 2 กรม คือ
กรมมหาดไทย มีพระยาจักรีศรีองครักษ์เป็นสมุหนายก มีฐานะเป็นอัครมหาเสนาบดี มีหน้าที่ควบคุมกิจการพลเรือนทั่วประเทศ
กรมกลาโหม มีพระยามหาเสนาเป็นสมุหพระกลาโหม มีฐานะเป็นอัครมหาเสนาบดี มีหน้าที่ควบคุมกิจการทหารทั่วประเทศ
-กรมเมือง (เวียง) มีพระนครบาลเป็นเสนาบดี
- กรมวัง มีพระธรรมาธิกรณ์เป็นเสนาบดี
-กรมคลัง มีพระโกษาธิบดีเป็นเสนาบดี
- กรมนา มีพระเกษตราธิการเป็นเสนาบดี
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงยกเลิกการปกครองแบบเดิมทั้งหมด แล้วจัดระบบใหม่ดังนี้
1 .) หัวเมืองชั้นใน ยกเลิกเมืองหน้าด่านแล้วเปลี่ยนเป็นเมืองชั้นใน มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ผู้ปกครองเมืองเหล่านี้เรียกว่า ผู้รั้ง พระมหากษัตริย์จะเป็นผู้แต่งตั้งขุนนางในกรุงศรีอยุธยา ทำหน้าที่ผู้รั้งเมือง ต้องรับคำสั่งจากในราชธานีไปปฏิบัติเท่านั้นไม่มีอำนาจในการปกครองโดยตรง
2) หัวเมืองชั้นนอก (เมืองพระยามหานคร) เป็นหัวเมืองที่อยู่ภายนอกราชธานีออกไป จัดเป็นหัวเมืองชั้นตรี โท เอก ตามขนาดและความสำคัญของหัวเมืองนั้น เมืองเหล่านี้มีฐานะเดียวกันกับหัวเมืองชั้นใน คือขึ้นอยู่ในการปกครองจากราชธานีเท่านั้น
3) หัวเมืองประเทศราช ยังให้มีการปกครองเหมือนเดิม มีแบบแผนขนบธรรมเนียมเป็นของตนเอง มีเจ้าเมืองเป็นคนในท้องถิ่นนั้น ส่วนกลางจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในด้านการปกครอง แต่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย
การปกครองส่วนท้องถิ่น แบ่งการปกครองเป็นหน่วยย่อย โดยแบ่งเป็น
1) บ้าน หรือหมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้าน มีผู้ว่าราชการเมืองเป็นหัวหน้า จากการเลือกตั้งจากหลายบ้าน
2) ตำบล เกิดจากหลายๆ หมู่บ้านรวมกันมีกำนันเป็นหัวหน้ามีบรรดาศักดิ์เป็น พัน
3) แขวง เกิดจากหลายๆ ตำบลรวมกัน มีหมื่นแขวงเป็นผู้ปกครอง
4) เมือง เกิดจากหลายๆ แขวงรวมกัน มีผู้รั้งหรือพระยามหานครเป็นผู้ปกครอง
ต่อมาในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
1. การจัดทำสารบัญชี (หรือสารบาญชี) เพื่อให้ทราบว่ามีกำลังไพร่พลมากน้อยเพียงใด
2. สร้างตำราพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นตำราที่ว่าด้วยการจัดทัพ การเดินทัพ การตั้งค่าย การจู่โจมและการตั้งรับ ส่วนหนึ่งของตำราได้มาจากทหารอาสาชาวโปรตุเกส
3. การทำพิธีทุกหัวเมือง ซักซ้อมความพร้อมเพรียงเพื่อสำรวจจำนวนไพร่พล (คล้ายกับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลในปัจจุบัน)
นาย วาทิตย์ หมื่นปทุม ม.4/1 เลขที่15
แหล่งอ้างอิง
เนื้อหาน้อยไปนะ เพราะสมัยพระบรมไตรโลกนาถนี้ มีกากรปรับปรุงอาณาจักรเยอะมากเลย ให้เพิ่มเติมเนื้อหาอีกนะจ๊ะ