• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('บล็อกของ pnp31241', 'blog/16426', '', '3.145.176.99', 0, 'b96855ad4c2755110fcf547b196d9d30', 555, 1727522014) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:8221acb73c242249050bbbd603dd1817' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\">\n</div>\n<p class=\"style4\">\nเมื่อประมาณ 350 ถึง 280 ล้านปีในอดีตพืชต่างๆที่ตายแล้วจะทับถมและเน่าเปื่อยผุพังอยูใต้แหล่งน้ำและโคลนตม เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก เช่นแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิด ซากพืชเหล่านี้จะจมลึกลงไปในผิวโลกภายใต้ความร้อนและความดันสูง ซากพืชเหล่านี้ซึ่งอยู่ในภาวะที่ขาดหรือมีออกซิเจนจำกัดจึงเกิดการย่อยสลายอย่างช้าๆ โครงสร้างหลักของพืชเป็นเซลลุโลส น้ำและลิกนินซึ่งสารเหล่านี้ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจนและออกซิเจน เมื่อถูกย่อยสลายให้มีโมเลกุลเล็กลงคาร์บอนจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีปริมาณคาร์บอนตั้งแต่ร้อยละ 50 โดยมวลหรือมากกว่าร้อยละ 70 โดยปริมาตรส่วนไฮโดรเจนและออกซิเจนจะเกิดเป็นสารประกอบอื่นแยกออกไป\n</p>\n<p class=\"style4\">\nถ่านหินที่พบและนำมาใช้งาน สามารถจำแนกตามอายุการเกิดหรือปริมาณคาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบให้ดังรูป\n</p>\n<p class=\"style4\">\nพีต เป็นถ่านหินในขั้นเริ่มต้นของกระบวนการเกิดถ่านหิน ซากพืชบางส่วนยังสลายตัวไม่หมดและมีลักษณะให้เห็นเป็นลำต้น กิ่งและใบ มีสีน้ำตาลจนถึงสีดำ มีความชื้นสูง เมื่อนำพีตมาเป็นเชื้อเพลิงจึงต้องผ่านกระบานการไล่ความชื้นหรือทำให้แห้งก่อน ความร้อนที่ได้จากการเผาพีตจะสูงกว่าที่ได้จากไม้ จึงนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อการให้ความร้อนในบ้านและผลิตไฟฟ้า ข้อดีของพีตคือมีปริมาณร้อยละของกำมะถันต่ำกว่าน้ำมันและถ่านหินชนิดอื่นๆ\n</p>\n<p class=\"style4\">\nลิกไนต์ หรือถ่านหินสีน้ำตาล เป็นถ่านหินที่มีซากพืชเหลืออยู่เล็กน้อย ลักษณะเนื้อเหนียวและผิวด้าน มีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าพีต เมื่อติดไฟมีควันและเถ้าถ่านมาก ลิกไนต์ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับให้ความร้อนและใช้เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า\n</p>\n<p class=\"style4\">\nซับบิทูมินัส เป็นถ่านหินที่เกิดมานานกว่าลิกไนต์มีสีน้ำตาลจนถึงสีดำ ลักษณะผิวมีทั้งผิวด้านและเป็นมัน มีทั้งเนื้อเนื้ออ่อนร่วนและแข็ง มีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าลิกไนต์ ใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าและงานอุตสาหกรรม\n</p>\n<p class=\"style4\">\nบิทูมินัส เป็นถ่านที่เกิดนานกว่าซับบิทูนัสมีเนื้อแน่นและแข็ง มีทั้งสีตาลจนถึงสีดำมีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าซับทูมินัส ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการถลุงโลหะและนำมาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงเคมีอื่นๆ ได้\n</p>\n<p class=\"style4\">\nแอนทราไซต์ เป็นถ่านหินที่มีอายุการเกิดนานที่สุดมีสีดำ ลักษณะเนื้อแน่น แข็งและเป็นมัน มีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าถ่านหินชนิดอื่นจุดไฟติดยาก เมื่อติดไฟจะให้เปลวสีน้ำเงินจางๆ มีควันน้อยให้ความร้อนสูงและไม่มีสารอินทรีย์ระเหยออกมาจากการเผาไหม้\n</p>\n<p class=\"style4\">\nปริมาณร้อยละของธาตุองค์ประกอบในถ่านหินชนิดต่างๆ เมื่อเทียบกับไม้แสดงในตาราง 12.1\n</p>\n<p align=\"center\" class=\"style5\">\nปริมาณขององค์ประกอบ ( ร้อยละโดยมวล )\n</p>\n<table align=\"center\" cellPadding=\"0\" cellSpacing=\"0\">\n<tbody>\n<tr>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n ชนิดของสาร\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n C\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n H\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n O\n </p>\n</td>\n<td width=\"66\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n N\n </p>\n</td>\n<td width=\"72\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n S\n </p>\n</td>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n ความชื้น\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n ไม้\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 50\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 6\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 43\n </p>\n</td>\n<td width=\"66\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"72\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n -\n </p>\n</td>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n *\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n พีต\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 50-60\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 5-6\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 35-40\n </p>\n</td>\n<td width=\"66\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 2\n </p>\n</td>\n<td width=\"72\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 75-80\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n ลิกไนต์\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 60-75\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 5-6\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 20-30\n </p>\n</td>\n<td width=\"66\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"72\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 50-70\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n ซับบิทูมินัส\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 75-80\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 5-6\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 15-20\n </p>\n</td>\n<td width=\"66\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"72\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 25-30\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n บิทูมินัส\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 80-90\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 4-6\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 10-15\n </p>\n</td>\n<td width=\"66\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"72\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 5\n </p>\n</td>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 5-10\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n แอนทราไซต์\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 90-98\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 2-3\n </p>\n</td>\n<td width=\"60\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 2-3\n </p>\n</td>\n<td width=\"66\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"72\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 1\n </p>\n</td>\n<td width=\"102\" vAlign=\"top\">\n<p class=\"style8\">\n 2-5\n </p>\n</td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n<p class=\"style4\">\nการเผาไหม้คาร์บอน ( แกรไฟต์ ) จะให้พลังงานความร้อน 32.8 กิโลจูลต่อกรัม แต่การเผาไหม้ถ่านหินให้พลังงานความร้อนเฉลี่ยประมาณ 30.6 กิโลจูลต่อกรัม จึงกล่าวได้ว่าพลังงานความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้ถ่านหินขึ้นอยู่กับปริมาณของคาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบในถ่านหิน การเผาไหม้ถ่านหินแต่ละชนิดที่มีมวลเทากัน จะให้พลังงานความร้อนแตกต่างกันตามปริมาณคาร์บอนที่มีอยู่ในถ่านหินซึ่งมีลำดับจากน้อยไปมากดังนี้ แอนทราไซต์ บิทูมินัส ซับบิทูมินัส ลิกไนต์และพี\n</p>\n<div class=\"field field-type-text field-field-author\">\n<div class=\"field-items\">\n<div class=\"field-item odd\">\n<div class=\"field-label-inline-first\">\n<strong>สร้างโดย: </strong>\n</div>\n<p>kainoi_eukhyukkie\n</p></div>\n</div>\n</div>\n<div class=\"field field-type-text field-field-link\">\n<div class=\"field-items\">\n<div class=\"field-item odd\">\n<div class=\"field-label-inline-first\">\n<strong>แหล่งอ้างอิง: </strong>\n</div>\n<p><a href=\"http://school.obec.go.th/mclschool/6.2.1.r/4.htm\" title=\"http://school.obec.go.th/mclschool/6.2.1.r/4.htm\">http://school.obec.go.th/mclschool/6.2.1.r/4.htm</a>\n</p></div>\n</div>\n</div>\n', created = 1727522024, expire = 1727608424, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:8221acb73c242249050bbbd603dd1817' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

การเกิดถ่านหิน

เมื่อประมาณ 350 ถึง 280 ล้านปีในอดีตพืชต่างๆที่ตายแล้วจะทับถมและเน่าเปื่อยผุพังอยูใต้แหล่งน้ำและโคลนตม เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก เช่นแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิด ซากพืชเหล่านี้จะจมลึกลงไปในผิวโลกภายใต้ความร้อนและความดันสูง ซากพืชเหล่านี้ซึ่งอยู่ในภาวะที่ขาดหรือมีออกซิเจนจำกัดจึงเกิดการย่อยสลายอย่างช้าๆ โครงสร้างหลักของพืชเป็นเซลลุโลส น้ำและลิกนินซึ่งสารเหล่านี้ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจนและออกซิเจน เมื่อถูกย่อยสลายให้มีโมเลกุลเล็กลงคาร์บอนจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีปริมาณคาร์บอนตั้งแต่ร้อยละ 50 โดยมวลหรือมากกว่าร้อยละ 70 โดยปริมาตรส่วนไฮโดรเจนและออกซิเจนจะเกิดเป็นสารประกอบอื่นแยกออกไป

ถ่านหินที่พบและนำมาใช้งาน สามารถจำแนกตามอายุการเกิดหรือปริมาณคาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบให้ดังรูป

พีต เป็นถ่านหินในขั้นเริ่มต้นของกระบวนการเกิดถ่านหิน ซากพืชบางส่วนยังสลายตัวไม่หมดและมีลักษณะให้เห็นเป็นลำต้น กิ่งและใบ มีสีน้ำตาลจนถึงสีดำ มีความชื้นสูง เมื่อนำพีตมาเป็นเชื้อเพลิงจึงต้องผ่านกระบานการไล่ความชื้นหรือทำให้แห้งก่อน ความร้อนที่ได้จากการเผาพีตจะสูงกว่าที่ได้จากไม้ จึงนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อการให้ความร้อนในบ้านและผลิตไฟฟ้า ข้อดีของพีตคือมีปริมาณร้อยละของกำมะถันต่ำกว่าน้ำมันและถ่านหินชนิดอื่นๆ

ลิกไนต์ หรือถ่านหินสีน้ำตาล เป็นถ่านหินที่มีซากพืชเหลืออยู่เล็กน้อย ลักษณะเนื้อเหนียวและผิวด้าน มีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าพีต เมื่อติดไฟมีควันและเถ้าถ่านมาก ลิกไนต์ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับให้ความร้อนและใช้เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า

ซับบิทูมินัส เป็นถ่านหินที่เกิดมานานกว่าลิกไนต์มีสีน้ำตาลจนถึงสีดำ ลักษณะผิวมีทั้งผิวด้านและเป็นมัน มีทั้งเนื้อเนื้ออ่อนร่วนและแข็ง มีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าลิกไนต์ ใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าและงานอุตสาหกรรม

บิทูมินัส เป็นถ่านที่เกิดนานกว่าซับบิทูนัสมีเนื้อแน่นและแข็ง มีทั้งสีตาลจนถึงสีดำมีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าซับทูมินัส ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการถลุงโลหะและนำมาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงเคมีอื่นๆ ได้

แอนทราไซต์ เป็นถ่านหินที่มีอายุการเกิดนานที่สุดมีสีดำ ลักษณะเนื้อแน่น แข็งและเป็นมัน มีปริมาณออกซิเจนและความชื้นต่ำแต่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่าถ่านหินชนิดอื่นจุดไฟติดยาก เมื่อติดไฟจะให้เปลวสีน้ำเงินจางๆ มีควันน้อยให้ความร้อนสูงและไม่มีสารอินทรีย์ระเหยออกมาจากการเผาไหม้

ปริมาณร้อยละของธาตุองค์ประกอบในถ่านหินชนิดต่างๆ เมื่อเทียบกับไม้แสดงในตาราง 12.1

ปริมาณขององค์ประกอบ ( ร้อยละโดยมวล )

ชนิดของสาร

C

H

O

N

S

ความชื้น

ไม้

50

6

43

1

-

*

พีต

50-60

5-6

35-40

2

1

75-80

ลิกไนต์

60-75

5-6

20-30

1

1

50-70

ซับบิทูมินัส

75-80

5-6

15-20

1

1

25-30

บิทูมินัส

80-90

4-6

10-15

1

5

5-10

แอนทราไซต์

90-98

2-3

2-3

1

1

2-5

การเผาไหม้คาร์บอน ( แกรไฟต์ ) จะให้พลังงานความร้อน 32.8 กิโลจูลต่อกรัม แต่การเผาไหม้ถ่านหินให้พลังงานความร้อนเฉลี่ยประมาณ 30.6 กิโลจูลต่อกรัม จึงกล่าวได้ว่าพลังงานความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้ถ่านหินขึ้นอยู่กับปริมาณของคาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบในถ่านหิน การเผาไหม้ถ่านหินแต่ละชนิดที่มีมวลเทากัน จะให้พลังงานความร้อนแตกต่างกันตามปริมาณคาร์บอนที่มีอยู่ในถ่านหินซึ่งมีลำดับจากน้อยไปมากดังนี้ แอนทราไซต์ บิทูมินัส ซับบิทูมินัส ลิกไนต์และพี

สร้างโดย: 

kainoi_eukhyukkie

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 252 คน กำลังออนไลน์