ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้
ในกรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client)
ระบบเครือข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่อสาร เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึ่งของโลก ซึ่งข้อมูลต่างๆ อาจเป็นทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วแก่ผู้ใช้ ซึ่งความสามารถเหล่านี้ทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ
ระบบเครือข่ายแบ่งตามลักษณะการทำงาน แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ระบบเครือข่ายรวมศูนย์กลาง (Centralized Networks) ระบบเครือข่าย Peer-to-Peer และระบบเครือข่าย Client/Server
1) ระบบเครือข่ายแบบรวมศูนย์ (Centralized Network) เป็นการวางทรัพยากรสำคัญ เช่น File server, Database server เป็นต้น เอาไว้ในบริเวณเดียวกันหรือที่ศูนย์กลาง มีเครื่องเทอร์มินัลที่เชื่อมต่อโดยตรงด้วยสายเคเบิล การประมวลผลอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์หลักซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลาง ซึ่งการบริหารจัดการเครือข่ายแบบรวมศูนย์นี้ทำได้ง่ายกว่ารูปแบบอื่น ๆ ข้อดีประการหนึ่งคือมีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถจัดการทรัพยากรที่สำคัญได้ในที่เดียวกัน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางควรตั้งอยู่ในห้องปิด ล๊อกหรือมีการป้องกันภัยเป็นอย่างดี การ backup ข้อมูลสามารถทำได้สะดวกจากที่เดียว ข้อเสียคือหากศูนย์กลางมีปัญหาจะทำให้ทั้งระบบใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการวางระบบค่อนข้างสูงเนื่องจากต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Server) ที่มีสมรรถนะค่อนข้างสูงและต้องมีระบบสำรองที่ดีเพื่อไม่ให้การใช้งานในระบบเครือข่ายหยุดชะงัก
2) ระบบเครือข่าย Peer-to-Peer คือ รูปแบบของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในความหมายที่ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดบนเครือข่าย คือ Peer (ท่า) ที่มีความเท่าเทียมกัน โดยที่เครื่องแต่ละเครื่องหรือเครื่องทั้งหมดในเครือข่ายสามารถที่จะเป็นทรัพยากรของระบบ และมีหน้าที่จัดเตรียมไฟล์ เครื่องพิมพ์ หรือแม้แต่เป็นที่เก็บข้อมูลให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ในขณะเดียวกันเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดนี้จะต้องมีขีดความสามารถในการทำงานได้ด้วยตนเอง โดยมีทรัพยากรอยู่ภายในเครื่อง เช่น ดิสต์สำหรับเก็บข้อมูล มีหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลที่เพียงพอ เพื่อทำให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างอิสระ (Stand alone) ได้ ตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่สนับสนุนเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer ได้แก่ Windows Workstation ระบบเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer มีความง่ายในการจัดตั้ง ราคาถูก และสะดวกต่อการบริหารจัดการ ข้อเสียของระบบนี้คือ การถูกจำกัดด้วยขนาด และไม่มีการออกแบบในเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ ผู้ใช้แต่ละรายต้องรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยและบริหารจัดการเครื่องของตนเอง
BitTorrent เป็นเทคโนโลยี peer-to-peer หนึ่งที่ช่วยให้สมาชิกผู้ใช้ไคลเอ็นต์สามารถแบ่งปันไฟล์ขนาดใหญ่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกง่ายดาย ซึ่งทำให้มีผู้ใช้นิยมแบ่งปันไฟล์วิดีโอของภาพยนต์ตลอดจนไฟล์เพลงผ่านเครือข่ายของ BitTorrent เป็นจำนวนมากจนเกิดเป็นคดีละเมิดฯ ในช่วงที่ผ่านมา
3) ระบบเครือข่ายแบบ Client/Server เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และมีการใช้กันอย่างกว้างขวางมากกว่าระบบเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer เนื่องจากสนับสนุนให้มีลูกข่ายได้เป็นจำนวนมาก และยังสามารถเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายแพลตฟอร์ม(Platform) ระบบนี้สร้างขึ้นโดยมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นศูนย์กลางจำนวน 1 เครื่องหรือมากกว่า เช่นเดียวกับระบบเครือข่ายแบบรวมศูนย์กลางคือมีการบริหารจัดการจากส่วนกลาง แต่ต่างกันตรงที่ระบบเครือข่าย Client/Server คือจะใช้เครื่องที่เป็นศูนย์กลางที่มีสมรรถนะน้อยกว่าแบบรวมศูนย์ เนื่องจากเครื่องลูกข่ายสามารถประมวลผลและมีพื้นที่จัดเก็บ
บส352 เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูล อ.แววตา เตชาทวีวรรณ
ภาคการเรียนที่ 1/2549
4
ข้อมูลเป็นของตนเอง ดังนั้นจึงลดภาระเครื่องที่เป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ระบบเครือข่าย Client/Server ยังสนับสนุนระบบ Multiprocessor จึงสามารถขยายขนาด หรือเพิ่มจำนวนผู้ใช้ได้ตามต้องการ รวมทั้งการเพิ่มเครื่องเซิร์ฟเวอร์เข้าไปในระบบเครือข่ายซึ่งช่วยกระจายภาระของระบบได้ และสามารถรองรับข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นได้ การบริหารเครือข่ายค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนกว่าแบบรวมศูนย์ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จะต้องมีความสามารถในการใช้ระบบปฏิบัติการเครือข่าย เช่น Windows Server, Novell NetWare เป็นต้น ซึ่งระบบปฏิบัติการเหล่านี้มีความซับซ้อนมากกว่าระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะโดยทั่วไป นอกจากนี้การรักษาความปลอดภัยทำได้ยากกว่า ข้อดีของการจัดวางเครือข่ายแบบClient/Server คือ ค่าใช้จ่ายในการจัดวางต่ำกว่าแบบรวมศูนย์ เพราะว่าไม่จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ที่มีสมรรถนะสูงมากนัก นอกจากนี้ยังสนับสนุนการทำงานแบบ Multi-user สามารถเพิ่มผู้ใช้ได้จำนวนมาก แต่ถ้าเปรียบเทียบกับระบบเครือข่าย Peer-to-Peer ระบบ Client/Server นั้นราคาแพงกว่า และมีความยุ่งยากในการติดตั้งมากกว่า รวมทั้งต้องการบุคลากรบริหารจัดการระบบโดยเฉพาะ