• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:302ab404eaa235be613e1bc71dcc97e5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\"><u>ต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์</u></span></strong>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\"><u></u></span></strong>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\"><img border=\"0\" width=\"238\" src=\"/files/u9074/1022.jpg\" height=\"300\" style=\"width: 164px; height: 213px\" /></span></strong>\n</p>\n<p>\n<br />\nชาวจีนในประมาณ 2600 ปี ก่อนคริสตกาล ได้เป็นคนประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณ ขึ้นมา <br />\nเรียกว่า ลูกคิด (Abacus) ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของเครื่องคำนวณและคอมพิวเตอร์<br />\nพ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Blaise Pascal ได้ออกแบบเครื่องช่วยในการคำนวณ<br />\nโดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง<br />\nพ.ศ. 2337 กอดฟริด ฟอนไลบ์นิช (Gottfried von Leibniz)ชาวเยอรมันได้ประดิษฐ์เครื่องคำนวณ<br />\nที่มีขีดความสามารถสูง สามารถคูณและหารได้ บุคคลผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตเครื่องจักรคำนวณคือ <br />\nชาร์ลส์ แบบเบจ (Charles Babbage) ชาวอังกฤษ <br />\nในปีพ.ศ. 2343 เขาประสบความสำเร็จสร้างเครื่องคำนวณ ที่เรียกว่า Difference engine ต่อมา<br />\nในปีพ.ศ.2439 ฮอลเลอริชได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตจำหน่ายเครื่องจักรช่วยในการคำนวณ <br />\nชื่อ บริษัท คอมพิวติง เทบบูลาติงเรดคอสดิง <br />\nหลังจากนั้นในปีพ.ศ.2467 ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อบริษัทไอบีเอ็ม (International Business Machine: IBM)<br />\nแนวคิดในการประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ของแบบเบจนั้นก้าวหน้ามากโดยเฉพาะแนวคิดทางด้าน<br />\nการใช้โปรแกรมควบคุมการทำงานโดยอัตโนมัติ แบบเบจได้ริเริ่มแนวคิดเกี่ยวกับการใช้คำสั่งเลือกแบบมีเงื่อนไข <br />\nเครื่องวิเคราะห์ที่แบบเบจวิเคราะห์ขึ้นอาจกล่าว ได้ว่าเป็นแนวคิดเดียวกับการ ทำงานของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน <br />\nแต่แบบเบจก็ไม่สามารถสร้างเครื่องวิเคราะห์นี้ให้เป็นจริงได้เนื่องจากเป็นความคิดที่ล้ำยุคเกินไป <br />\nจึงทำให้ไม่มีช่างฝีมือคนใดสามารถผลิตฟันเฟืองต่างๆ ตามที่เขาต้องการได้ <br />\nแบบเบจถึงแก่กรรมก่อนที่จะได้ทราบว่าแนวคิดของเขานั้น สามารถ เป็นจริงได้ในเชิงไฟฟ้าไม่ใช่เชิงกล <br />\nแบบเบจจึงได้รับสมญานามว่า เป็น บิดาแห่งคอมพิวเตอร์\n</p>\n<p>\nแหล่งที่มาเนื้อหาhttp://www.oknation.net/blog/roo-hitech/2007/06/11/entry-1\n</p>\n<p>\nแหล่งที่มาของรูปhttp://www.geocities.com/suporn_n2002/Devel.html\n</p>\n<p>\n <span style=\"color: #ff0000\"><u><strong></strong></u></span></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p> ยุคของคอมพิวเตอร์อิเลกทรอกนิกส์<br />\nแบ่งได้เป็น4ยุค<br />\n     <span style=\"color: #0000ff\">ยุคที่1 (First Genration)</span> มีลักษณะเป็นอิเลกทรอนิกส์ดิจิตอล ใช้วงจรสูญญากาศ จึงมีขนาดใหญ่ <br />\nมีความร้อนมาก มีความเร็วในการทำงานเป็น วินาที มีการนำสื่อประเภทดรัมแม่เหล็ก <br />\nใช้ภาษาเครื่องจักร และภาษาแอสแซมบลี<br />\n     <span style=\"color: #0000ff\">ยุคที่ 2 (Second Generation)</span> นำอุปกรณ์ที่เรียกว่า ทรานซิสเตอร์ มาแทนหลอดสูญญากาศ <br />\nนอกจากนั้นยังใช้วงแหวนแม่เหล็ก เป็นหน่วยความจำเก็บข้อมูลแทนหลอดสูญญากาศ <br />\nจึงทำให้การทำงานมีความเร็วเพิ่มมากขึ้นเป็น มิลลิวินาที ภาษาที่ใช้คือ COBOL FORTAN ALGOL <br />\n     <span style=\"color: #0000ff\">ยุคที่ 3 (Third Generation)</span> มีการนำวงจรเบ็ดเสร็จ (IC) ที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะไว้ได้หลายวงจร <br />\nวงจรนี้สามารถทำงานได้เท่ากับทรานซิสเตอร์หลายร้อยตัว ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดที่เล็กลง <br />\nมีความเร็วเพิ่มมากขึ้นเป็นไมโคร วินาที ภาษาที่ใช้คือ PL/1 RPG<br />\n     <span style=\"color: #0000ff\">ยุคที่ 4 (Fourth Generation)</span> ใช้วงจรเบ็ดเสร็จขนาดใหญ่ คือเทคโนโลยีวงจรเบ็ดเสร็จ <br />\nหรือทรานซิสเตอร์เป็นจำนวนมากมาลงในแผ่นซิลิกอน ไมโครโปรเซเซอร์ <br />\nเป็นการบรรจุวงจรที่สำคัญสำหรับฟังก์ชันงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดมาลงในชิปตัวเดียว <br />\nถือเป็นสมองของคอมพิวเตอร์ ภาษาที่ใช้คือ BASIC PASCAL\n</p>\n<p>\nแหล่งที่มาเนื้อหาhttp://www.geocities.com/suporn_n2002/devel1.html\n</p>\n<p><!--pagebreak--><!--pagebreak--></p><p><span style=\"color: #ff0000\"><u><strong>องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์</strong></u></span>\n</p>\n<p>\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u9074/mkljkljk.jpg\" height=\"150\" /><br />\nระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วนด้วยกัน คือ <br />\n     <span style=\"color: #3366ff\"><strong>ฮาร์ดแวร์ (Hardware)</strong></span>\n</p>\n<p>\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u9074/lhjkljk.jpg\" height=\"300\" /><br />\nคือลักษณะทางกายของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ <br />\nและ อุปกรณ์รอบข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น <br />\nฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย <br />\nหน่วยรับข้อมูล ( input unit ) <br />\nหน่วยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรือ CPU <br />\nหน่วยความจำหลัก <br />\nหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit ) <br />\nหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (secondary storage unit ) <br />\nหน่วยรับข้อมูล จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ จากนั้น <br />\nหน่วยประมวลผลกลาง จะนำไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมากให้ผู้ใช้รับทราบทาง หน่วยแสดงผลลัพธ์ <br />\nหน่วยความจำหลัก จะทำหน้าที่เสมือนเก็บข้อมูลชั่วคราวที่มีขนาดไม่สูงมากนัก <br />\nการที่ฮาร์ดแวร์จะทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ <br />\nส่วนการทำงานได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นอยู่กับหน่วยความจำหลักของเครื่องนั้น ๆ ข้อเสียของหน่วยความจำหลักคือ <br />\nหากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในหน่วยความจำหลักจะหายไป ในขณะที่ข้อมูลอยู่ที่ หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง <br />\nจะไม่สูญหายตราบเท่าที่ผู้ใช้ไม่ทำการลบข้อมูลนั้น รวมทั้งหน่วยเก็บข้อมูลสำรองยังมีความจุที่สูงมาก <br />\nจึงเหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หรือเก็บข้อมูลไว้ใช้ในภายหลัง <br />\nข้อเสียของหน่วยเก็บข้อมูลสำรองคือการเรียกใช้ข้อมูลจะช้ากว่าหน่วยความจำหลักมาก </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>     <strong><span style=\"color: #3366ff\">ซอฟต์แวร์ (Software)</span></strong> <br />\nคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทำงานใดๆ <br />\nเนื่องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ <br />\nโดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง <br />\nและมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา<br />\nซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ <br />\nซอฟต์แวร์ระบบ (System Software ) <br />\nซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software ) <br />\nซอฟต์แวร์ระบบ โดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็นส่วนควบคุมทำงานต่าง ๆ <br />\nของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการทำงานอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการได้ต่อไป ส่วน ซอฟต์แวร์ประยุกต์ <br />\nจะเป็นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการทำงานต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน<br />\n    <strong><span style=\"color: #3366ff\"> บุคลากร (Peopleware)</span></strong> <br />\nเครื่องคอมพิวเตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่องทำงาน เรียกบุคลากรเหล่านี้ว่า ผู้ใช้ หรือ ยูเซอร์ (user) <br />\nแต่ก็มีบางชนิดที่สามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องใช้ผู้ควบคุม อย่างไรก็ตาม <br />\nคอมพิวเตอร์ก็ยังคงต้องถูกออกแบบหรือดูแลรักษาโดยมนุษย์เสมอ <br />\nผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบ่งได้เป็นหลายระดับ เพราะผู้ใช้คอมพิวเตอร์<br />\nบางส่วนก็ทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่บางส่วนก็พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น <br />\nทำให้มีความชำนาญในการใช้โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ นิยมเรียกกลุ่มนี้ว่า เพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user) <br />\nผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึงผู้ที่ได้ศึกษาวิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ <br />\nทั้งในระดับกลางและระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะนำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์และพัฒนาใช้งาน <br />\nและประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีก <br />\nนักเขียนโปรแกรม (programmer) ก็ถือว่าเป็นผู้เชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน <br />\nเพราะสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ต่อไป</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>     <span style=\"color: #3366ff\"><strong>ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information)</strong></span>\n</p>\n<p>\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u9074/fghfgh_0.jpg\" height=\"150\" /><br />\nในการทำงานต่าง ๆ จะต้องมีข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่ถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล <br />\nเพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ซึ้งในปัจจุบันมีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นข้อมูล<br />\nในการดัดแปลงข้อมูลให้ได้ประสิทธิภาพโดยแตกต่างๆระหว่าง ข้อมูล และ สารสนเทศ คือ <br />\nข้อมูล คือ ได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ คือ ได้จากข้อมูลไม่ผ่านกระบวนการหนึ่งก่อน <br />\n     <span style=\"color: #3366ff\"><strong>กระบวนการทำงาน (Procedure)</strong></span> <br />\nกระบวนการทำงานหรือโพรซีเยอร์ หมายถึง ขั้นตอนที่ผู้ใช้จะต้องทำตาม <br />\nเพื่อให้ได้งานเฉพาะอย่างจากคอมพิวเตอร์ซึ่งผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องรู้การทำงานพื้นฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์ <br />\nเพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่อง ฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ <br />\nถ้าต้องการถอนเงินจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้<br />\n1.จอภาพแสดงข้อความเตรียมพร้อมที่จะทำงาน <br />\n2.สอดบัตร และพิมพ์รหัสผู้ใช้ <br />\n3.เลือกรายการ <br />\n4.ใส่จำนวนเงินที่ต้องการ <br />\n5.รับเงิน <br />\n6.รับใบบันทึกรายการ และบัตร <br />\nการใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ นั้นมักจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน <br />\nและเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานด้วยจึงต้องมีคู่มือการปฏิบัติงานที่ชัดเจน <br />\nเช่น คู่มือสำหรับผู้ควบคุมเครื่อง (Operation Manual) คู่มือสำหรับผู้ใช้ (User Manual) เป็นต้น\n</p>\n<p>\nแหล่งที่มาเนื้อหาhttp://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20intro2.htm<br />\nแหล่งที่มารูปhttp://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20intro2.htm \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\"><u><strong></strong></u></span></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p> สรุปสาระสำคัญและข้อคิดเห็น <br />\nต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์<br />\nชาวจีนในประมาณ 2600 ปี ก่อนคริสตกาล ได้เป็นคนประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณ <br />\nขึ้นมา เรียกว่า ลูกคิด (Abacus) ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของเครื่องคำนวณและคอมพิวเตอร์<br />\nพ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Blaise Pascal <br />\nได้ออกแบบเครื่องช่วยในการคำนวณโดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง<br />\nพ.ศ. 2337 กอดฟริด ฟอนไลบ์นิช (Gottfried von Leibniz)ชาวเยอรมัน<br />\nได้ประดิษฐ์เครื่องคำนวณที่มีขีดความสามารถสูง สามารถคูณและหารได้ <br />\nบุคคลผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตเครื่องจักรคำนวณคือ <br />\nชาร์ลส์ แบบเบจ (Charles Babbage) ชาวอังกฤษ ในปีพ.ศ. 2343 <br />\nเขาประสบความสำเร็จสร้างเครื่องคำนวณ ที่เรียกว่า Difference engine ต่อมา<br />\nในปีพ.ศ.2439 ฮอลเลอริชได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตจำหน่ายเครื่องจักร<br />\nช่วยในการคำนวณ ชื่อ บริษัท คอมพิวติง เทบบูลาติงเรดคอสดิง <br />\nหลังจากนั้นในปีพ.ศ.2467 ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อบริษัทไอบีเอ็ม (International Business Machine: IBM)<br />\nยุคของคอมพิวเตอร์อิเลกทรอกนิกส์<br />\nแบ่งเป็น4ยุค<br />\nยุคที่1 (First Genration) <br />\nยุคที่ 4 (Fourth Generation)<br />\nยุคที่ 2 (Second Generation) <br />\nยุคที่ 3 (Third Generation) <br />\nองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ <br />\nระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วนด้วยกัน คือ <br />\n     ฮาร์ดแวร์ (Hardware) <br />\nฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย <br />\nหน่วยรับข้อมูล ( input unit ) <br />\nหน่วยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรือ CPU หน่วยความจำหลัก <br />\nหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit ) <br />\nหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (secondary storage unit ) <br />\n     ซอฟต์แวร์ (Software) <br />\nซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ <br />\nซอฟต์แวร์ระบบ (System Software ) <br />\nซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software ) <br />\n     บุคลากร (Peopleware) <br />\nผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบ่งได้เป็นหลายระดับ <br />\nเพราะผู้ใช้คอมพิวเตอร์บางส่วนก็ทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น <br />\nแต่บางส่วนก็พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น <br />\nทำให้มีความชำนาญในการใช้โปรแกรมประยุกต์ต่างๆนิยมเรียกกลุ่มนี้ว่าเพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user) <br />\n     ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) <br />\nข้อมูล คือ ได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ คือ ได้จากข้อมูลไม่ผ่านกระบวนการหนึ่งก่อน <br />\n     กระบวนการทำงาน (Procedure) <br />\nเช่น การใช้เครื่อง ฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ ถ้าต้องการถอนเงินจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้<br />\n1.จอภาพแสดงข้อความเตรียมพร้อมที่จะทำงาน <br />\n2.สอดบัตร และพิมพ์รหัสผู้ใช้ <br />\n3.เลือกรายการ <br />\n4.ใส่จำนวนเงินที่ต้องการ <br />\n5.รับเงิน <br />\n6.รับใบบันทึกรายการ และบัตร\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1720207034, expire = 1720293434, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:302ab404eaa235be613e1bc71dcc97e5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:71af520207f5b5896d5e3d94e12ada34' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\"><u>ต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์</u></span></strong>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\"><u></u></span></strong>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\"><img border=\"0\" width=\"238\" src=\"/files/u9074/1022.jpg\" height=\"300\" style=\"width: 164px; height: 213px\" /></span></strong>\n</p>\n<p>\n<br />\nชาวจีนในประมาณ 2600 ปี ก่อนคริสตกาล ได้เป็นคนประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณ ขึ้นมา <br />\nเรียกว่า ลูกคิด (Abacus) ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของเครื่องคำนวณและคอมพิวเตอร์<br />\nพ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Blaise Pascal ได้ออกแบบเครื่องช่วยในการคำนวณ<br />\nโดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง<br />\nพ.ศ. 2337 กอดฟริด ฟอนไลบ์นิช (Gottfried von Leibniz)ชาวเยอรมันได้ประดิษฐ์เครื่องคำนวณ<br />\nที่มีขีดความสามารถสูง สามารถคูณและหารได้ บุคคลผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตเครื่องจักรคำนวณคือ <br />\nชาร์ลส์ แบบเบจ (Charles Babbage) ชาวอังกฤษ <br />\nในปีพ.ศ. 2343 เขาประสบความสำเร็จสร้างเครื่องคำนวณ ที่เรียกว่า Difference engine ต่อมา<br />\nในปีพ.ศ.2439 ฮอลเลอริชได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตจำหน่ายเครื่องจักรช่วยในการคำนวณ <br />\nชื่อ บริษัท คอมพิวติง เทบบูลาติงเรดคอสดิง <br />\nหลังจากนั้นในปีพ.ศ.2467 ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อบริษัทไอบีเอ็ม (International Business Machine: IBM)<br />\nแนวคิดในการประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ของแบบเบจนั้นก้าวหน้ามากโดยเฉพาะแนวคิดทางด้าน<br />\nการใช้โปรแกรมควบคุมการทำงานโดยอัตโนมัติ แบบเบจได้ริเริ่มแนวคิดเกี่ยวกับการใช้คำสั่งเลือกแบบมีเงื่อนไข <br />\nเครื่องวิเคราะห์ที่แบบเบจวิเคราะห์ขึ้นอาจกล่าว ได้ว่าเป็นแนวคิดเดียวกับการ ทำงานของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน <br />\nแต่แบบเบจก็ไม่สามารถสร้างเครื่องวิเคราะห์นี้ให้เป็นจริงได้เนื่องจากเป็นความคิดที่ล้ำยุคเกินไป <br />\nจึงทำให้ไม่มีช่างฝีมือคนใดสามารถผลิตฟันเฟืองต่างๆ ตามที่เขาต้องการได้ <br />\nแบบเบจถึงแก่กรรมก่อนที่จะได้ทราบว่าแนวคิดของเขานั้น สามารถ เป็นจริงได้ในเชิงไฟฟ้าไม่ใช่เชิงกล <br />\nแบบเบจจึงได้รับสมญานามว่า เป็น บิดาแห่งคอมพิวเตอร์\n</p>\n<p>\nแหล่งที่มาเนื้อหาhttp://www.oknation.net/blog/roo-hitech/2007/06/11/entry-1\n</p>\n<p>\nแหล่งที่มาของรูปhttp://www.geocities.com/suporn_n2002/Devel.html\n</p>\n<p>\n <span style=\"color: #ff0000\"><u><strong></strong></u></span></p>\n', created = 1720207034, expire = 1720293434, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:71af520207f5b5896d5e3d94e12ada34' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ประวัติและความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

รูปภาพของ dsp6017

ต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์


ชาวจีนในประมาณ 2600 ปี ก่อนคริสตกาล ได้เป็นคนประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณ ขึ้นมา
เรียกว่า ลูกคิด (Abacus) ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของเครื่องคำนวณและคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Blaise Pascal ได้ออกแบบเครื่องช่วยในการคำนวณ
โดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง
พ.ศ. 2337 กอดฟริด ฟอนไลบ์นิช (Gottfried von Leibniz)ชาวเยอรมันได้ประดิษฐ์เครื่องคำนวณ
ที่มีขีดความสามารถสูง สามารถคูณและหารได้ บุคคลผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตเครื่องจักรคำนวณคือ
ชาร์ลส์ แบบเบจ (Charles Babbage) ชาวอังกฤษ
ในปีพ.ศ. 2343 เขาประสบความสำเร็จสร้างเครื่องคำนวณ ที่เรียกว่า Difference engine ต่อมา
ในปีพ.ศ.2439 ฮอลเลอริชได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตจำหน่ายเครื่องจักรช่วยในการคำนวณ
ชื่อ บริษัท คอมพิวติง เทบบูลาติงเรดคอสดิง
หลังจากนั้นในปีพ.ศ.2467 ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อบริษัทไอบีเอ็ม (International Business Machine: IBM)
แนวคิดในการประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ของแบบเบจนั้นก้าวหน้ามากโดยเฉพาะแนวคิดทางด้าน
การใช้โปรแกรมควบคุมการทำงานโดยอัตโนมัติ แบบเบจได้ริเริ่มแนวคิดเกี่ยวกับการใช้คำสั่งเลือกแบบมีเงื่อนไข
เครื่องวิเคราะห์ที่แบบเบจวิเคราะห์ขึ้นอาจกล่าว ได้ว่าเป็นแนวคิดเดียวกับการ ทำงานของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
แต่แบบเบจก็ไม่สามารถสร้างเครื่องวิเคราะห์นี้ให้เป็นจริงได้เนื่องจากเป็นความคิดที่ล้ำยุคเกินไป
จึงทำให้ไม่มีช่างฝีมือคนใดสามารถผลิตฟันเฟืองต่างๆ ตามที่เขาต้องการได้
แบบเบจถึงแก่กรรมก่อนที่จะได้ทราบว่าแนวคิดของเขานั้น สามารถ เป็นจริงได้ในเชิงไฟฟ้าไม่ใช่เชิงกล
แบบเบจจึงได้รับสมญานามว่า เป็น บิดาแห่งคอมพิวเตอร์

แหล่งที่มาเนื้อหาhttp://www.oknation.net/blog/roo-hitech/2007/06/11/entry-1

แหล่งที่มาของรูปhttp://www.geocities.com/suporn_n2002/Devel.html

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 593 คน กำลังออนไลน์