• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:8594b91e034ad912e4aa80445401e587' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000; font-family: Times New Roman\">            การเมืองการปกครองหลังการเปลี่ยนแปลงการกครอง พ.ศ.2475-2489 </span></span>\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span style=\"color: #000000\">                  <span lang=\"TH\">หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง</span>  <span lang=\"TH\">เมื่อ</span>  <span lang=\"TH\">พ.ศ.</span> 2475  <span lang=\"TH\">ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว</span>  <span lang=\"TH\">รัชกาลที่ </span>7  <span lang=\"TH\">ขึ้นครองราชย์นั้น</span>  <span lang=\"TH\">สังคมไทยได้ก้าวสู่ความเป็นอารยะตามแบบตะวันตก</span>  <span lang=\"TH\">โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเจริญที่ปรากฏอยู่ในรูปของวัตถุไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง</span>  <span lang=\"TH\">รถไฟ</span>  <span lang=\"TH\">ไฟฟ้า</span>  <span lang=\"TH\">ประปา</span>  <span lang=\"TH\">เขื่อนชลประทาน</span>  <span lang=\"TH\">โรงพยาบาล</span>  <span lang=\"TH\">ระบบการสื่อสารคมนาคม</span>  <span lang=\"TH\">ที่ทำการรัฐบาล</span>  <span lang=\"TH\">ห้างร้าน</span>  <span lang=\"TH\">และตึกรามบ้านช่อง</span>  <span lang=\"TH\">ตลอดจนเครื่องใช้อันทันสมัย</span>  <span lang=\"TH\">อันมีเจ้านายและชนชั้นสูงเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง</span> <span lang=\"TH\">ส่วนชาวบ้านสามัญชนเป็นผู้ตาม</span>         <span lang=\"TH\">นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงในขนบธรรมเนียมบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับการปกครองระบบใหม่</span>  <span lang=\"TH\">ทั้งนี้เพราะรัฐบาลต้องติดต่อกับชาติอื่น ๆ ทั่วโลก</span>  <span lang=\"TH\">จึงต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทยให้เป็นสากลและสอดคล้องกับความเป็นไปของโลก</span>  <span lang=\"TH\">แต่ให้คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยไว้ที่เด่นชัดในสมัยนั้นก็คือเรื่องการแต่งกายในสมัย <b>จอมพล ป. พิบูลสงคราม</b></span>   <span lang=\"TH\">เป็นนายกรัฐมนตรี  ( พ.ศ. </span>2481-2487 )  <span lang=\"TH\">ได้มีบัญญัติเรียกว่า</span>  <b>“ <span lang=\"TH\">รัฐนิยม </span>“</b>  <span lang=\"TH\">ซึ่งเป็นการปลุกระดมอย่างรุนแรง</span>  <span lang=\"TH\">ซึ่งแสดงนโยบายของประเทศว่าต้องการให้ประชาชนคนไทยรักหวงแหนและภูมิใจในความเป็นไทย</span>  <span lang=\"TH\">เช่น</span>  <span lang=\"TH\">ให้ข้าราชการแต่งเครื่องแบบตามที่กำหนด</span>  <span lang=\"TH\">ห้ามสวมกางเกงแพร ให้ทักทายกันด้วยคำว่า  </span>“ <span lang=\"TH\">สวัสดี </span>“  <span lang=\"TH\">ห้ามกินหมาก</span>  <span lang=\"TH\">ให้สวมหมวกทุกครั้งที่ออกจากบ้าน</span>  <span lang=\"TH\">ใช้คำขวัญปลุกใจทุกเช้าก่อนเรียน</span>  <span lang=\"TH\">การยกเลิกบรรดาศักดิ์โดยให้ใช้เพียงชื่อ</span>  <span lang=\"TH\">สกุล</span>  <span lang=\"TH\">เหมือนคนทั่วไป</span>  <span lang=\"TH\">การเคารพธงชาติ  และเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงมหรสพ</span>  <span lang=\"TH\">ฯลฯ</span><o:p></o:p></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span style=\"color: #000000\">      <span lang=\"TH\">สภาพสังคมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  พ.ศ.</span> 2475 <span lang=\"TH\">ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย</span>  <span lang=\"TH\">ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ</span>  <span lang=\"TH\">คือ</span><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">ประชาชนขึ้นมาเป็นเจ้าของประเทศและมีบทบาทในการปกครองประเทศด้วยกระบวนการกฎหมายรัฐธรรมนูญ </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">ชนชั้นกลาง</span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">  <span lang=\"TH\">พวกพ่อค้า</span>  <span lang=\"TH\">ปัญญาชน</span>  <span lang=\"TH\">ขึ้นมามีบทบาทในสังคมแต่ผู้กุมอำนาจยังคงได้แก่ทหารและข้าราชการ </span><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">นายทุนเติบโตจากการค้าและอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมีอิทธิพลและบทบาทจนได้เปรียบในสังคม </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">เกิดช่องว่างในสังคมทำให้ชาวไร่</span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">  <span lang=\"TH\">ชาวนา</span>  <span lang=\"TH\">และกรรมกรมีฐานะและชีวิตอยู่กับความยากจนและถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคม </span><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">สมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย</span></b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span style=\"color: #000000\"> <span lang=\"TH\">การปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทย ได้ดำรงอยู่จนถึง พ.ศ. </span>2475 <span lang=\"TH\">จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ ในวันที่</span> 24 <span lang=\"TH\">มิถุนายน พ.ศ. </span>2475 <span lang=\"TH\">มีข้าราชการทหารและพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้แก่การปฏิวัติขึ้น โดยทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ</span><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครองดังกล่าว มีดังนี้</span></b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span></span> </p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span style=\"color: #000000\">     1. <span lang=\"TH\">เกิดจากอิทธิพลของการมีแนวความคิดในเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้านข้าราชการที่ได้รับการศึกษามาจากยุโรป</span><br />\n     2. <span lang=\"TH\">ฐานะทางการคลังของรัฐบาลเกิดทรุดลง ทำให้ต้องตัดรายจ่ายในด้านต่างๆ ลง ซึ่งรวมถึงบัญชีเงินเดือนของข้าราชการฝ่ายต่างๆ ด้วยจึงเกิดความไม่พอใจขึ้นมา</span><br />\n     3. <span lang=\"TH\">คณะผู้ก่อการหลายคน มีความรู้สึกว่า ตนไม่ได้รับการยอมรับในความสามารถจากเจ้านายบางพระองค์ คณะผู้ก่อการ ซึ่งเรียกว่าตัวเองว่า &quot;คณะราษฎร&quot; ได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้น โดยมีพระยามโนปกรณ์ นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ได้ประกาศให้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช </span>2475 <span lang=\"TH\">เมื่อวันที่ </span>27 <span lang=\"TH\">มิถุนายน พ.ศ. </span>2475 <span lang=\"TH\">และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช</span> 2475 <span lang=\"TH\">เมื่อวันที่ </span>10 <span lang=\"TH\">ธันวาคม </span>2475 <span lang=\"TH\">ใช้รูปแบบการปกครองระบบรัฐสภา</span></span></span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\">           ระยะหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง</span></span></span>\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"></span></span><o:p><span style=\"font-family: Tahoma\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\">    </span></span></span><span style=\"font-family: Tahoma\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\">นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. </span>2475 <span lang=\"TH\">เป็นต้นมากิจการสื่อสารทั้งในด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคมซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบ ของกรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทั้งในด้านการให้บริการ การปรับปรุงการบริหารงาน การปรับปรุงกฎหมาย ตลอดจนการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในกิจการสื่อสารของประเทศ ซึ่งอาจกล่าวโดยสรุปได้ดังนี้</span></span> <span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\"></span><o:p>  </o:p></span></span></span></span></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p><span style=\"font-family: Tahoma\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p>        การไปรษณีย์</o:p></span></span></span></span></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p><span style=\"font-family: Tahoma\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้เปิดบริการไปรษณีย์ชนิดใหม่หลายบริการ เช่น บริการพัสดุไปรษณีย์เก็บเงินในประเทศ</span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">, <span lang=\"TH\">บริการซองและบัตรตอบรับ</span>, <span lang=\"TH\">บริการรับฝากไปรษณีย์ภัณฑ์ประเภทพัสดุย่อยต่างประเทศ</span>, <span lang=\"TH\">บริการไปรษณีย์สนามหรือบริการรับฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์และพัสดุไปรษณีย์สนามชายแดน</span>,<span lang=\"TH\">บริการเช็คไปรษณีย์</span>, <span lang=\"TH\">บริการรับฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของกระทรวงทบวงกรมโดยไม่ต้องผนึกตราไปรษณียากร</span>, <span lang=\"TH\">บริการพัสดุไปรษณีย์ต่างประเทศโดยเรียกเก็บจากค่าธรรมเนียมเท่ากับไปรษณีย์ภัณฑ์ประเภทจดหมาย แต่บริการนี้ระงับไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองและเริ่มให้บริการใหม่อีก เมื่อ พ.ศ.</span> 2495 <span lang=\"TH\">บริการใช้เครื่องประทับไปรษณียากร รวมทั้งจัดพิมพ์จดหมายอากาศขึ้นจำหน่าย ฉบับละ </span>2 <span lang=\"TH\">บาท และอนุญาตให้ส่งจดหมายอากาศไปยังประเทศปลายทางต่าง ๆ ได้ทั่วโลกด้วย เป็นต้น</span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงงานปฏิบัติการไปรษณีย์ เพื่อให้สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ดีขี้น กล่าวคือ ได้กำหนดให้ผู้รับจำหน่ายตราไปรษณียากร ทำการนำจ่ายไปรษณีย์ภัณฑ์ธรรมดาด้วย รวมทั้งได้เปิดที่ทำการไปรษณีย์รถด่วนสายใต้ขึ้นเป็นที่ทำการไปรษณีย์รถไฟเคลื่อนที่ขบวนแรก เมื่อ พ.ศ. </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">2478 <span lang=\"TH\">ได้ขยายการใช้ที่ทำการไปรษณีย์รถไฟเคลื่อนที่ในเส้นทางอื่น ๆ จนครบทุกสายใน พ.ศ. </span>2495 <span lang=\"TH\">โดยกรมไปรษณีย์โทรเลขได้ทำความตกลงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเปิดที่ทำการไปรษณีย์รถไฟเคลื่อนที่อย่างสมบูรณ์แบบในขบวนรถด่วนทุกสายที่มีการเปิด-ปิดถุง คัดแยกส่งต่อและรับส่งมอบไปรษณีย์ภัณฑ์ตามรายทาง และจัดเจ้าหน้าที่ของกรมไปรษณีย์โทรเลขเข้าปฏิบัติงานครบชุดไม่ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. </span>2479 <span lang=\"TH\">ได้มีการจัดตั้งที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตอำเภอขึ้นเป็นครั้งแรกที่อำเภอบางพลีใหญ่สมุทรปราการโดยทำความตกลงกับกระทรวงมหาดไทยมอบให้นายอำเภอ หรือปลัดผู้เป็นหัวหน้ากิ่ง -อำเภอรับทำการไปรษณีย์ขึ้น ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอโดยได้รับค่าตอบแทนโดยเรียกว่า<b> ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตอำเภอ</b> และได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการฝากส่งธนาณัติในประเทศ ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อบริการจดหมายเหตุและหนังสือพิมพ์จดทะเบียนเป็น บริการหนังสือพิมพ์ตราสิน เปลี่ยนการกำหนดค่าฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ ในประเทศตามอัตราระยะทางมาเป็นอัตรามาตรฐานและใช้อยู่จนถึงปัจจุบันนี้</span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">นอกจากนี้ในปี พ.ศ. </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">2493 <span lang=\"TH\">ได้มีการริเริ่มนำรถยนต์ขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ ขนบุรุษไปรษณีย์ไปส่งตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อช่วยให้การนำจ่ายเร็วขึ้น นำรถจักรยานยนต์สองล้อมาใช้ในการนำจ่ายไปรษณีย์-ภัณฑ์มีการจัดสร้างตู้ไปรษณีย์ชนิดปูนซิเมนต์ขึ้น และได้ยกเลิกค่าไปรษณียากรสำหรับเครื่องอ่าน สำหรับคำเสียจักษุเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของ สหภาพสากลไปรษณีย์ และที่สำคัญอย่างยิ่งในปี พ.ศ. </span>2501 <span lang=\"TH\">ได้มีการนำสายพานลำเลียง (</span>Conveyor Belt) <span lang=\"TH\">มาใช้ในการขนถ่ายถุงไปรษณีย์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์กลางด้วย</span><o:p></o:p></span> </o:p></span></span></span></span></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p><span style=\"font-family: Tahoma\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span></span></span></span></o:p></span></p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n       การโทรคมนาคม\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">                  <span lang=\"TH\">กรมไปรษณีย์โทรเลขได้เปิดบริการโทรคมนาคมชนิดใหม่หลายบริการ เช่น บริการรับโฆษณาประกาศการค้าขายการทำมาหากินในเชิงการค้า อุตสาหกรรมและวิชาชีพโดยทางวิทยุกระจายเสียง</span>, <b><span lang=\"TH\">บริการวิทยุโทรศัพท์ประชุม</span> (Coference Conversation) <span lang=\"TH\">ระหว่างไทย-เยอรมัน ในปี พ.ศ. </span>2477</b>, <span lang=\"TH\">บริการวิทยุโทรศัพท์กับประเทศญี่ปุ่น</span>, <span lang=\"TH\">บริการรับฝากวิทยุถึงและจากสถานีวิทยุเรือ</span>, <span lang=\"TH\">บริการโทรเลขด่วนพิเศษของโทรเลขรัฐบาล</span>,<span lang=\"TH\">บริการโทรเลขข่าวน้ำฝนของกรมอุตุนิยมวิทยาและบริการโทรพิมพ์สายตรง</span> (Leased Telegraph Circuit Service) <span lang=\"TH\">เป็นต้น</span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"> </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\">นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงระบบและมาตรฐานในการให้บริการ โดยมีการนำเอาเครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีการสื่อสาร สมัยใหม่มาใช้อย่างกว้างขวาง เช่น จัดตั้งสถานีวิทยุการบินขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา อุดรธานีและ สุราษฎร์ธานี และจัดตั้งสถานีวิทยุการบินที่เกาะสมุย เป็นแห่งสุดท้าย ในปี พ.ศ. </span>2481 <span lang=\"TH\">สั่งซื้อเครื่องชุมสายโทรศัพท์ต่อเอง (ระบบ </span>Step by Step) <span lang=\"TH\">จากประเทศอังกฤษ</span>, <span lang=\"TH\">เปลี่ยนแปลงวิธีการของวิทยุโทรศัพท์จากระบบสี่เส้น (</span>Four-Wire System) <span lang=\"TH\">มาเป็นระบบสองเส้น ( </span>Two - Wire System )<span lang=\"TH\">และในปี พ.ศ. </span>2478 <span lang=\"TH\">ได้มีการนำเครื่องพรางเสียง(</span>Secrecy Device) <span lang=\"TH\">มาใช้รักษาความลับในการพูดโทรศัพท์ </span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">         </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\">ในปีพ.ศ.</span>2488<span lang=\"TH\">รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีคำสั่งให้กรมไปรษณีย์โทรเลขเตรียมเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงไว้สำรองยามสงครามในกรณีที่เครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง ของกรมโฆษณาการขัดข้องหรือถูกทำลายที่ตึกกรมไปรษณีย์โทรเลขเก่าหน้าวัดเลียบโดยทดลองส่งกระจายเสียง เป็นครั้งคราว ซึ่งเรียกชื่อสถานีว่า </span>1 <span lang=\"TH\">ปณ.</span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">             <span lang=\"TH\">อนึ่ง ในปี พ.ศ. </span>2496<span lang=\"TH\">มีเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งในวงการโทรคมนาคม ที่ควรจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ คือ นายสมาน บุญยรัตพันธ์ นายช่างกรม ไปรษณีย์โทรเลขคิดค้นเครื่องโทรพิมพ์ภาษาไทยสำเร็จ โดยติดตั้งกลไกระบบ </span>Spacing Control Machanism <span lang=\"TH\">โดยได้ดัดแปลงมาจากเครื่องโทรพิมพ์ อักษรโรมันและอักษรญี่ปุ่นโดยใช้ระบบ </span>6 <span lang=\"TH\">ยูนิตและต่อมาในปีพ.ศ. </span>2497 <span lang=\"TH\">ยังได้ประดิษฐ์เครื่องโทรพิมพ์แบบเดิมให้ทำงานได้ทั้งสองภาษา คือ อักษร ไทยและอักษรโรมันในเครื่องเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า&quot;เครื่องโทรพิมพ์ไทยแบบ </span>S.P.&quot; <span lang=\"TH\">ซึ่งในปีถัดมากรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับรองเครื่องโทรพิมพ์ไทยแบบ </span>S.P.<span lang=\"TH\">นี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าลิขสิทธิ์ได้ตกไปเป็นของญี่ปุ่นดังนั้นต่อมากรมไปรษณีย์-โทรเลขจึงต้องสั่งสร้างเครื่องโทรพิมพ์ไทยแบบ</span> S.P. <span lang=\"TH\">จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาใช้งานส่งโทรเลขโดยใช้สายโทรเลขแบบสายโถง (</span>Open Wire Line) <span lang=\"TH\">และทำงานผ่านสถานีทวนสัญญาณ(</span>Repeater)<span lang=\"TH\">ในระยะ </span>200-300 <span lang=\"TH\">กม. ซึ่งต่อมาได้ขยายการรับ-ส่งโทรเลข โดยใช้เครื่องโทรพิมพ์ออกไปทั่วประเทศ ฯลฯ</span><o:p></o:p></span>  </p>\n<p>\n             การบริหาร\n</p>\n<p>\n<span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">     <span lang=\"TH\">เมื่อพิจารณาในด้านการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการปรับปรุงส่วนราชการ และการตรากฎหมายใหม่ด้านการไปรษณีย์และโทรคมนาคมออกมาใช้บังคับแล้ว ช่วงระยะเวลาตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาจนกระทั่งก่อนเริ่มดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติเป็นช่วงที่กรมไปรษณีย์โทรเลขมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดระยะหนึ่ง กล่าวคือในด้าน กฎหมาย เช่น ได้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายตลอดจนตรากฎหมายด้านการสื่อสารขึ้นมาใช้หลายฉบับ เช่น ตราพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. </span>2477 <span lang=\"TH\">ขึ้นใช้แทนพระราชกำหนดไปรษณีย์ร.ศ.</span>116 <span lang=\"TH\">ตราพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ พ.ศ. </span>2477  <span lang=\"TH\">ขึ้นใช้แทนกฎหมายโทรเลข</span></span>\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\"></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\">จ.ศ.</span>1246 <span lang=\"TH\">ตราพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. </span>2498 <span lang=\"TH\">ขึ้นใช้แทนพระราชบัญญัติวิทยุสื่อสาร พ.ศ.</span> 2478 <span lang=\"TH\">และมีการตราพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. </span>2498 <span lang=\"TH\">ออกมาใช้บังคับด้วย เป็นต้น</span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">                   <span lang=\"TH\">นอกจากนี้กรมไปรษณีย์โทรเลขยังได้ดำเนินการปรับปรุงส่วนราชการเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการอีกหลายครั้ง เช่น ยกฐานะแผนกคลังออมสิน กองบัญชีขึ้นเป็นกองคลังออมสินและธนาณัติ ต่อมาได้แยกงานธนาณัติออกจากกองคลังออมสินไปสังกัดกองบัญชีตามเดิมและยุบเลิกกองไปรษณีย์โทรเลขภาค</span> 1-5 <span lang=\"TH\">มาขึ้นอยู่กับกองสื่อสาร ยกฐานะแผนกทะเบียนวิทยุและกระจายเสียงในกองช่างวิทยุขึ้นเป็นกองทะเบียนวิทยุ และกระจายเสียง ต่อมาในปี พ.ศ. </span>2488 <span lang=\"TH\">กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้ถูกโอนจากกระทรวงเศรษฐการไปสังกัดกระทรวงคมนาคมและได้รวมงานกองช่างโทรเลข และกองช่างโทรศัพท์เข้าเป็นกองเดียวกันเรียกว่า กองช่างโทรเลขและโทรศัพท์ เมื่อ พ.ศ. </span>2485<o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">                  <span lang=\"TH\">ในช่วงระยะเวลานี้ได้มีการแยกงานที่สำคัญๆ ออกไปจัดตั้งเป็นหน่วยอิสระหลายหน่วย และหลายครั้งด้วยกัน ดังนี้ คือ </span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">              </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">             </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">                                                             <b>                   </b></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><b>1.</b> <span lang=\"TH\">ได้มีการโอนงานวิทยุกระจายเสียงในประเทศ ของกองทะเบียน วิทยุและกระจายเสียงกรมไปรษณีย์โทรเลขไปขึ้นอยู่กับสำนักงานโฆษณาการ(ต่อมาคือกรมโฆษณาการ</span>, <span lang=\"TH\">หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) เมื่อ วันที่ </span>1 <span lang=\"TH\">เมษายน </span>2482 <o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">                 </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">            </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">          </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><b>2.</b> <span lang=\"TH\">ได้มีการตราพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. </span>2489 <span lang=\"TH\">ขึ้นใช้บังคับทำให้มีการโอนกิจการของกองคลังออมสินไปจัดตั้งเป็นธนาคาร ออมสินและเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม </span>2490 <o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">               </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">            </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">          </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><b>3.</b> <span lang=\"TH\">ได้โอนกิจการวิทยุการบินพลเรือน ซึ่งกรมไปรษณีย์โทรเลขได้ตั้งขึ้น และดำเนินการมาตลอดไป ให้กรมการขนส่งดำเนินการในปี พ.ศ. </span>2489 <span lang=\"TH\">และต่อมากิจการวิทยุการบินพลเรือนได้แยกออกไปจัดตั้งเป็นบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (</span>2491)<o:p></o:p></span> </p>\n<p>\n<span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><b>4.</b> <span lang=\"TH\">ได้มีการตราพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. </span>2497 <span lang=\"TH\">ขึ้นมีผลให้มีการโอนกิจการโทรศัพท์ในประเทศไปให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย โดยได้โอนงานโทรศัพท์ในเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีไปก่อน สำหรับงานโทรศัพท์ส่วนภูมิภาค ยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของกองช่างโทรเลขอยู่ ต่อมาในปีพ.ศ.</span> 2504<span lang=\"TH\">ได้โอนไปอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยทั้งหมด</span></span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\">          สังคมไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง</span></span>\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\"></span><o:p><v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"75\" o:preferrelative=\"t\" path=\"m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe\" filled=\"f\" stroked=\"f\" id=\"_x0000_t75\"><v:stroke joinstyle=\"miter\"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn=\"if lineDrawn pixelLineWidth 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 1 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum 0 0 @1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @2 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 0 1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @6 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"sum @8 21600 0\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @10 21600 0\"></v:f></v:formulas><v:path o:extrusionok=\"f\" gradientshapeok=\"t\" o:connecttype=\"rect\"></v:path><o:lock v:ext=\"edit\" aspectratio=\"t\"></o:lock></v:shapetype><v:shape o:allowoverlap=\"f\" type=\"#_x0000_t75\" style=\"margin-top: -494.9pt; z-index: 1; margin-left: -90pt; width: 150pt; position: absolute; height: 180pt\" id=\"_x0000_s1026\"><v:imagedata src=\"file:///C:\\DOCUME~1\\ADMINI~1\\LOCALS~1\\Temp\\msohtml1\\01\\clip_image001.jpg\" o:title=\"018\"></v:imagedata><w:wrap type=\"square\"></w:wrap></v:shape><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">                  <span lang=\"TH\">หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง</span>  <span lang=\"TH\">เมื่อ</span>  <span lang=\"TH\">พ.ศ.</span> 2475  <span lang=\"TH\">ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว</span>  <span lang=\"TH\">รัชกาลที่ </span>7  <span lang=\"TH\">ขึ้นครองราชย์นั้น</span>  <span lang=\"TH\">สังคมไทยได้ก้าวสู่ความเป็นอารยะตามแบบตะวันตก</span>  <span lang=\"TH\">โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเจริญที่ปรากฏอยู่ในรูปของวัตถุไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง</span>  <span lang=\"TH\">รถไฟ</span>  <span lang=\"TH\">ไฟฟ้า</span>  <span lang=\"TH\">ประปา</span>  <span lang=\"TH\">เขื่อนชลประทาน</span>  <span lang=\"TH\">โรงพยาบาล</span>  <span lang=\"TH\">ระบบการสื่อสารคมนาคม</span>  <span lang=\"TH\">ที่ทำการรัฐบาล</span>  <span lang=\"TH\">ห้างร้าน</span>  <span lang=\"TH\">และตึกรามบ้านช่อง</span>  <span lang=\"TH\">ตลอดจนเครื่องใช้อันทันสมัย</span>  <span lang=\"TH\">อันมีเจ้านายและชนชั้นสูงเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง</span> <span lang=\"TH\">ส่วนชาวบ้านสามัญชนเป็นผู้ตาม</span>    <span lang=\"TH\">นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงในขนบธรรมเนียมบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับการปกครองระบบใหม่</span>  <span lang=\"TH\">ทั้งนี้เพราะรัฐบาลต้องติดต่อกับชาติอื่น ๆ ทั่วโลก</span>  <span lang=\"TH\">จึงต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทยให้เป็นสากลและสอดคล้องกับความเป็นไปของโลก</span>  <span lang=\"TH\">แต่ให้คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยไว้ที่เด่นชัดในสมัยนั้นก็คือเรื่องการแต่งกายในสมัย </span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\"><b>จอมพล ป. พิบูลสงคราม</b></span>   <span lang=\"TH\">เป็นนายกรัฐมนตรี  ( พ.ศ. </span>2481-2487 )  <span lang=\"TH\">ได้มีบัญญัติเรียกว่า</span>  <b>“ <span lang=\"TH\">รัฐนิยม </span>“</b>  <span lang=\"TH\">ซึ่งเป็นการปลุกระดมอย่างรุนแรง</span>  <span lang=\"TH\">ซึ่งแสดงนโยบายของประเทศว่าต้องการให้ประชาชนคนไทยรักหวงแหนและภูมิใจในความเป็นไทย</span>  <span lang=\"TH\">เช่น</span>  <span lang=\"TH\">ให้ข้าราชการแต่งเครื่องแบบตามที่กำหนด</span>  <span lang=\"TH\">ห้ามสวมกางเกงแพร ให้ทักทายกันด้วยคำว่า  </span>“ <span lang=\"TH\">สวัสดี </span>“  <span lang=\"TH\">ห้ามกินหมาก</span>  <span lang=\"TH\">ให้สวมหมวกทุกครั้งที่ออกจากบ้าน</span>  <span lang=\"TH\">ใช้คำขวัญปลุกใจทุกเช้าก่อนเรียน</span>  <span lang=\"TH\">การยกเลิกบรรดาศักดิ์โดยให้ใช้เพียงชื่อ</span>  <span lang=\"TH\">สกุล</span>  <span lang=\"TH\">เหมือนคนทั่วไป</span>  <span lang=\"TH\">การเคารพธงชาติ  และเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงมหรสพ</span>  <span lang=\"TH\">ฯลฯ</span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">             </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><span lang=\"TH\">สภาพสังคมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  พ.ศ.</span> 2475 <span lang=\"TH\">ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย</span>  <span lang=\"TH\">ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ</span>  <span lang=\"TH\">คือ</span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">ประชาชนขึ้นมาเป็นเจ้าของประเทศและมีบทบาทในการปกครองประเทศด้วยกระบวนการกฎหมายรัฐธรรมนูญ </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">ชนชั้นกลาง</span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">  <span lang=\"TH\">พวกพ่อค้า</span>  <span lang=\"TH\">ปัญญาชน</span>  <span lang=\"TH\">ขึ้นมามีบทบาทในสังคมแต่ผู้กุมอำนาจยังคงได้แก่ทหารและข้าราชการ </span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">นายทุนเติบโตจากการค้าและอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมีอิทธิพลและบทบาทจนได้เปรียบในสังคม </span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 10pt; font-family: \'Courier New\'\"><span>o<span style=\"font-family: \'Times New Roman\'\">        </span></span></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">เกิดช่องว่างในสังคมทำให้ชาวไร่</span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">  <span lang=\"TH\">ชาวนา</span>  <span lang=\"TH\">และกรรมกรมีฐานะและชีวิตอยู่กับความยากจนและถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคม </span><o:p></o:p></span><b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">สมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย</span></b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">              <span lang=\"TH\">การปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทย ได้ดำรงอยู่จนถึง พ.ศ. </span>2475 <span lang=\"TH\">จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ ในวันที่</span> 24 <span lang=\"TH\">มิถุนายน พ.ศ. </span>2475 <span lang=\"TH\">มีข้าราชการทหารและพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้แก่การปฏิวัติขึ้น โดยทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ</span><o:p></o:p></span><b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครองดังกล่าว มีดังนี้</span></b><b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\" lang=\"TH\">       </span></b><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; font-family: \'Angsana New\'\">1. <span lang=\"TH\">เกิดจากอิทธิพลของการมีแนวความคิดในเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้านข้าราชการที่ได้รับการศึกษามาจากยุโรป</span></span></o:p></span></p>\n<p>      2. <span lang=\"TH\">ฐานะทางการคลังของรัฐบาลเกิดทรุดลง ทำให้ต้องตัดรายจ่ายในด้านต่างๆ ลง ซึ่งรวมถึงบัญชีเงินเดือนของข้าราชการฝ่ายต่างๆ ด้วยจึงเกิดความไม่พอใจขึ้นมา</span></p>\n<p>      3. <span lang=\"TH\">คณะผู้ก่อการหลายคน มีความรู้สึกว่า ตนไม่ได้รับการยอมรับในความสามารถจากเจ้านายบางพระองค์ คณะผู้ก่อการ ซึ่งเรียกว่าตัวเองว่า &quot;คณะราษฎร&quot; ได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้น โดยมีพระยามโนปกรณ์ นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ได้ประกาศให้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช </span>2475 <span lang=\"TH\">เมื่อวันที่ </span>27 <span lang=\"TH\">มิถุนายน พ.ศ. </span>2475 <span lang=\"TH\">และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช</span> 2475 <span lang=\"TH\">เมื่อวันที่ </span>10 <span lang=\"TH\">ธันวาคม </span>2475 <span lang=\"TH\">ใช้รูปแบบการปกครองระบบรัฐสภา</span><o:p></o:p> </p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p></p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p></p>\n', created = 1728202871, expire = 1728289271, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:8594b91e034ad912e4aa80445401e587' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

การเมืองการปกครองหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475-2489

            การเมืองการปกครองหลังการเปลี่ยนแปลงการกครอง พ.ศ.2475-2489

                  หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง  เมื่อ  พ.ศ. 2475  ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ขึ้นครองราชย์นั้น  สังคมไทยได้ก้าวสู่ความเป็นอารยะตามแบบตะวันตก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเจริญที่ปรากฏอยู่ในรูปของวัตถุไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง  รถไฟ  ไฟฟ้า  ประปา  เขื่อนชลประทาน  โรงพยาบาล  ระบบการสื่อสารคมนาคม  ที่ทำการรัฐบาล  ห้างร้าน  และตึกรามบ้านช่อง  ตลอดจนเครื่องใช้อันทันสมัย  อันมีเจ้านายและชนชั้นสูงเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ส่วนชาวบ้านสามัญชนเป็นผู้ตาม         นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงในขนบธรรมเนียมบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับการปกครองระบบใหม่  ทั้งนี้เพราะรัฐบาลต้องติดต่อกับชาติอื่น ๆ ทั่วโลก  จึงต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทยให้เป็นสากลและสอดคล้องกับความเป็นไปของโลก  แต่ให้คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยไว้ที่เด่นชัดในสมัยนั้นก็คือเรื่องการแต่งกายในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม   เป็นนายกรัฐมนตรี  ( พ.ศ. 2481-2487 )  ได้มีบัญญัติเรียกว่า  รัฐนิยม   ซึ่งเป็นการปลุกระดมอย่างรุนแรง  ซึ่งแสดงนโยบายของประเทศว่าต้องการให้ประชาชนคนไทยรักหวงแหนและภูมิใจในความเป็นไทย  เช่น  ให้ข้าราชการแต่งเครื่องแบบตามที่กำหนด  ห้ามสวมกางเกงแพร ให้ทักทายกันด้วยคำว่า  สวัสดี “  ห้ามกินหมาก  ให้สวมหมวกทุกครั้งที่ออกจากบ้าน  ใช้คำขวัญปลุกใจทุกเช้าก่อนเรียน  การยกเลิกบรรดาศักดิ์โดยให้ใช้เพียงชื่อ  สกุล  เหมือนคนทั่วไป  การเคารพธงชาติ  และเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงมหรสพ  ฯลฯ      สภาพสังคมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  พ.ศ. 2475 ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย  ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ  คือo        ประชาชนขึ้นมาเป็นเจ้าของประเทศและมีบทบาทในการปกครองประเทศด้วยกระบวนการกฎหมายรัฐธรรมนูญ o        ชนชั้นกลาง  พวกพ่อค้า  ปัญญาชน  ขึ้นมามีบทบาทในสังคมแต่ผู้กุมอำนาจยังคงได้แก่ทหารและข้าราชการ o        นายทุนเติบโตจากการค้าและอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมีอิทธิพลและบทบาทจนได้เปรียบในสังคม o        เกิดช่องว่างในสังคมทำให้ชาวไร่  ชาวนา  และกรรมกรมีฐานะและชีวิตอยู่กับความยากจนและถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคม สมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย การปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทย ได้ดำรงอยู่จนถึง พ.ศ. 2475 จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 มีข้าราชการทหารและพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้แก่การปฏิวัติขึ้น โดยทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครองดังกล่าว มีดังนี้

     1. เกิดจากอิทธิพลของการมีแนวความคิดในเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้านข้าราชการที่ได้รับการศึกษามาจากยุโรป
     2. ฐานะทางการคลังของรัฐบาลเกิดทรุดลง ทำให้ต้องตัดรายจ่ายในด้านต่างๆ ลง ซึ่งรวมถึงบัญชีเงินเดือนของข้าราชการฝ่ายต่างๆ ด้วยจึงเกิดความไม่พอใจขึ้นมา
     3. คณะผู้ก่อการหลายคน มีความรู้สึกว่า ตนไม่ได้รับการยอมรับในความสามารถจากเจ้านายบางพระองค์ คณะผู้ก่อการ ซึ่งเรียกว่าตัวเองว่า "คณะราษฎร" ได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้น โดยมีพระยามโนปกรณ์ นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ได้ประกาศให้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ใช้รูปแบบการปกครองระบบรัฐสภา

           ระยะหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

    นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมากิจการสื่อสารทั้งในด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคมซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบ ของกรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทั้งในด้านการให้บริการ การปรับปรุงการบริหารงาน การปรับปรุงกฎหมาย ตลอดจนการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในกิจการสื่อสารของประเทศ ซึ่งอาจกล่าวโดยสรุปได้ดังนี้           การไปรษณีย์กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้เปิดบริการไปรษณีย์ชนิดใหม่หลายบริการ เช่น บริการพัสดุไปรษณีย์เก็บเงินในประเทศ, บริการซองและบัตรตอบรับ, บริการรับฝากไปรษณีย์ภัณฑ์ประเภทพัสดุย่อยต่างประเทศ, บริการไปรษณีย์สนามหรือบริการรับฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์และพัสดุไปรษณีย์สนามชายแดน,บริการเช็คไปรษณีย์, บริการรับฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของกระทรวงทบวงกรมโดยไม่ต้องผนึกตราไปรษณียากร, บริการพัสดุไปรษณีย์ต่างประเทศโดยเรียกเก็บจากค่าธรรมเนียมเท่ากับไปรษณีย์ภัณฑ์ประเภทจดหมาย แต่บริการนี้ระงับไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองและเริ่มให้บริการใหม่อีก เมื่อ พ.ศ. 2495 บริการใช้เครื่องประทับไปรษณียากร รวมทั้งจัดพิมพ์จดหมายอากาศขึ้นจำหน่าย ฉบับละ 2 บาท และอนุญาตให้ส่งจดหมายอากาศไปยังประเทศปลายทางต่าง ๆ ได้ทั่วโลกด้วย เป็นต้นนอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงงานปฏิบัติการไปรษณีย์ เพื่อให้สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ดีขี้น กล่าวคือ ได้กำหนดให้ผู้รับจำหน่ายตราไปรษณียากร ทำการนำจ่ายไปรษณีย์ภัณฑ์ธรรมดาด้วย รวมทั้งได้เปิดที่ทำการไปรษณีย์รถด่วนสายใต้ขึ้นเป็นที่ทำการไปรษณีย์รถไฟเคลื่อนที่ขบวนแรก เมื่อ พ.ศ. 2478 ได้ขยายการใช้ที่ทำการไปรษณีย์รถไฟเคลื่อนที่ในเส้นทางอื่น ๆ จนครบทุกสายใน พ.ศ. 2495 โดยกรมไปรษณีย์โทรเลขได้ทำความตกลงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเปิดที่ทำการไปรษณีย์รถไฟเคลื่อนที่อย่างสมบูรณ์แบบในขบวนรถด่วนทุกสายที่มีการเปิด-ปิดถุง คัดแยกส่งต่อและรับส่งมอบไปรษณีย์ภัณฑ์ตามรายทาง และจัดเจ้าหน้าที่ของกรมไปรษณีย์โทรเลขเข้าปฏิบัติงานครบชุดไม่ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2479 ได้มีการจัดตั้งที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตอำเภอขึ้นเป็นครั้งแรกที่อำเภอบางพลีใหญ่สมุทรปราการโดยทำความตกลงกับกระทรวงมหาดไทยมอบให้นายอำเภอ หรือปลัดผู้เป็นหัวหน้ากิ่ง -อำเภอรับทำการไปรษณีย์ขึ้น ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอโดยได้รับค่าตอบแทนโดยเรียกว่า ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตอำเภอ และได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการฝากส่งธนาณัติในประเทศ ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อบริการจดหมายเหตุและหนังสือพิมพ์จดทะเบียนเป็น บริการหนังสือพิมพ์ตราสิน เปลี่ยนการกำหนดค่าฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ ในประเทศตามอัตราระยะทางมาเป็นอัตรามาตรฐานและใช้อยู่จนถึงปัจจุบันนี้นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2493 ได้มีการริเริ่มนำรถยนต์ขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ ขนบุรุษไปรษณีย์ไปส่งตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อช่วยให้การนำจ่ายเร็วขึ้น นำรถจักรยานยนต์สองล้อมาใช้ในการนำจ่ายไปรษณีย์-ภัณฑ์มีการจัดสร้างตู้ไปรษณีย์ชนิดปูนซิเมนต์ขึ้น และได้ยกเลิกค่าไปรษณียากรสำหรับเครื่องอ่าน สำหรับคำเสียจักษุเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของ สหภาพสากลไปรษณีย์ และที่สำคัญอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2501 ได้มีการนำสายพานลำเลียง (Conveyor Belt) มาใช้ในการขนถ่ายถุงไปรษณีย์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์กลางด้วย

       การโทรคมนาคม

                  กรมไปรษณีย์โทรเลขได้เปิดบริการโทรคมนาคมชนิดใหม่หลายบริการ เช่น บริการรับโฆษณาประกาศการค้าขายการทำมาหากินในเชิงการค้า อุตสาหกรรมและวิชาชีพโดยทางวิทยุกระจายเสียง, บริการวิทยุโทรศัพท์ประชุม (Coference Conversation) ระหว่างไทย-เยอรมัน ในปี พ.ศ. 2477, บริการวิทยุโทรศัพท์กับประเทศญี่ปุ่น, บริการรับฝากวิทยุถึงและจากสถานีวิทยุเรือ, บริการโทรเลขด่วนพิเศษของโทรเลขรัฐบาล,บริการโทรเลขข่าวน้ำฝนของกรมอุตุนิยมวิทยาและบริการโทรพิมพ์สายตรง (Leased Telegraph Circuit Service) เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงระบบและมาตรฐานในการให้บริการ โดยมีการนำเอาเครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีการสื่อสาร สมัยใหม่มาใช้อย่างกว้างขวาง เช่น จัดตั้งสถานีวิทยุการบินขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา อุดรธานีและ สุราษฎร์ธานี และจัดตั้งสถานีวิทยุการบินที่เกาะสมุย เป็นแห่งสุดท้าย ในปี พ.ศ. 2481 สั่งซื้อเครื่องชุมสายโทรศัพท์ต่อเอง (ระบบ Step by Step) จากประเทศอังกฤษ, เปลี่ยนแปลงวิธีการของวิทยุโทรศัพท์จากระบบสี่เส้น (Four-Wire System) มาเป็นระบบสองเส้น ( Two - Wire System )และในปี พ.ศ. 2478 ได้มีการนำเครื่องพรางเสียง(Secrecy Device) มาใช้รักษาความลับในการพูดโทรศัพท์          ในปีพ.ศ.2488รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีคำสั่งให้กรมไปรษณีย์โทรเลขเตรียมเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงไว้สำรองยามสงครามในกรณีที่เครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง ของกรมโฆษณาการขัดข้องหรือถูกทำลายที่ตึกกรมไปรษณีย์โทรเลขเก่าหน้าวัดเลียบโดยทดลองส่งกระจายเสียง เป็นครั้งคราว ซึ่งเรียกชื่อสถานีว่า 1 ปณ.             อนึ่ง ในปี พ.ศ. 2496มีเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งในวงการโทรคมนาคม ที่ควรจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ คือ นายสมาน บุญยรัตพันธ์ นายช่างกรม ไปรษณีย์โทรเลขคิดค้นเครื่องโทรพิมพ์ภาษาไทยสำเร็จ โดยติดตั้งกลไกระบบ Spacing Control Machanism โดยได้ดัดแปลงมาจากเครื่องโทรพิมพ์ อักษรโรมันและอักษรญี่ปุ่นโดยใช้ระบบ 6 ยูนิตและต่อมาในปีพ.ศ. 2497 ยังได้ประดิษฐ์เครื่องโทรพิมพ์แบบเดิมให้ทำงานได้ทั้งสองภาษา คือ อักษร ไทยและอักษรโรมันในเครื่องเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า"เครื่องโทรพิมพ์ไทยแบบ S.P." ซึ่งในปีถัดมากรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับรองเครื่องโทรพิมพ์ไทยแบบ S.P.นี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าลิขสิทธิ์ได้ตกไปเป็นของญี่ปุ่นดังนั้นต่อมากรมไปรษณีย์-โทรเลขจึงต้องสั่งสร้างเครื่องโทรพิมพ์ไทยแบบ S.P. จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาใช้งานส่งโทรเลขโดยใช้สายโทรเลขแบบสายโถง (Open Wire Line) และทำงานผ่านสถานีทวนสัญญาณ(Repeater)ในระยะ 200-300 กม. ซึ่งต่อมาได้ขยายการรับ-ส่งโทรเลข โดยใช้เครื่องโทรพิมพ์ออกไปทั่วประเทศ ฯลฯ 

             การบริหาร

     เมื่อพิจารณาในด้านการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการปรับปรุงส่วนราชการ และการตรากฎหมายใหม่ด้านการไปรษณีย์และโทรคมนาคมออกมาใช้บังคับแล้ว ช่วงระยะเวลาตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาจนกระทั่งก่อนเริ่มดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติเป็นช่วงที่กรมไปรษณีย์โทรเลขมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดระยะหนึ่ง กล่าวคือในด้าน กฎหมาย เช่น ได้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายตลอดจนตรากฎหมายด้านการสื่อสารขึ้นมาใช้หลายฉบับ เช่น ตราพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 ขึ้นใช้แทนพระราชกำหนดไปรษณีย์ร.ศ.116 ตราพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ พ.ศ. 2477  ขึ้นใช้แทนกฎหมายโทรเลข

จ.ศ.1246 ตราพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ขึ้นใช้แทนพระราชบัญญัติวิทยุสื่อสาร พ.ศ. 2478 และมีการตราพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 ออกมาใช้บังคับด้วย เป็นต้น                   นอกจากนี้กรมไปรษณีย์โทรเลขยังได้ดำเนินการปรับปรุงส่วนราชการเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการอีกหลายครั้ง เช่น ยกฐานะแผนกคลังออมสิน กองบัญชีขึ้นเป็นกองคลังออมสินและธนาณัติ ต่อมาได้แยกงานธนาณัติออกจากกองคลังออมสินไปสังกัดกองบัญชีตามเดิมและยุบเลิกกองไปรษณีย์โทรเลขภาค 1-5 มาขึ้นอยู่กับกองสื่อสาร ยกฐานะแผนกทะเบียนวิทยุและกระจายเสียงในกองช่างวิทยุขึ้นเป็นกองทะเบียนวิทยุ และกระจายเสียง ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้ถูกโอนจากกระทรวงเศรษฐการไปสังกัดกระทรวงคมนาคมและได้รวมงานกองช่างโทรเลข และกองช่างโทรศัพท์เข้าเป็นกองเดียวกันเรียกว่า กองช่างโทรเลขและโทรศัพท์ เมื่อ พ.ศ. 2485                  ในช่วงระยะเวลานี้ได้มีการแยกงานที่สำคัญๆ ออกไปจัดตั้งเป็นหน่วยอิสระหลายหน่วย และหลายครั้งด้วยกัน ดังนี้ คือ                                                                                                            1. ได้มีการโอนงานวิทยุกระจายเสียงในประเทศ ของกองทะเบียน วิทยุและกระจายเสียงกรมไปรษณีย์โทรเลขไปขึ้นอยู่กับสำนักงานโฆษณาการ(ต่อมาคือกรมโฆษณาการ, หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) เมื่อ วันที่ 1 เมษายน 2482                                        2. ได้มีการตราพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 ขึ้นใช้บังคับทำให้มีการโอนกิจการของกองคลังออมสินไปจัดตั้งเป็นธนาคาร ออมสินและเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2490                                      3. ได้โอนกิจการวิทยุการบินพลเรือน ซึ่งกรมไปรษณีย์โทรเลขได้ตั้งขึ้น และดำเนินการมาตลอดไป ให้กรมการขนส่งดำเนินการในปี พ.ศ. 2489 และต่อมากิจการวิทยุการบินพลเรือนได้แยกออกไปจัดตั้งเป็นบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (2491)

4. ได้มีการตราพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2497 ขึ้นมีผลให้มีการโอนกิจการโทรศัพท์ในประเทศไปให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย โดยได้โอนงานโทรศัพท์ในเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีไปก่อน สำหรับงานโทรศัพท์ส่วนภูมิภาค ยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของกองช่างโทรเลขอยู่ ต่อมาในปีพ.ศ. 2504ได้โอนไปอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยทั้งหมด

          สังคมไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

                  หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง  เมื่อ  พ.ศ. 2475  ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ขึ้นครองราชย์นั้น  สังคมไทยได้ก้าวสู่ความเป็นอารยะตามแบบตะวันตก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเจริญที่ปรากฏอยู่ในรูปของวัตถุไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง  รถไฟ  ไฟฟ้า  ประปา  เขื่อนชลประทาน  โรงพยาบาล  ระบบการสื่อสารคมนาคม  ที่ทำการรัฐบาล  ห้างร้าน  และตึกรามบ้านช่อง  ตลอดจนเครื่องใช้อันทันสมัย  อันมีเจ้านายและชนชั้นสูงเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ส่วนชาวบ้านสามัญชนเป็นผู้ตาม    นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงในขนบธรรมเนียมบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับการปกครองระบบใหม่  ทั้งนี้เพราะรัฐบาลต้องติดต่อกับชาติอื่น ๆ ทั่วโลก  จึงต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทยให้เป็นสากลและสอดคล้องกับความเป็นไปของโลก  แต่ให้คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยไว้ที่เด่นชัดในสมัยนั้นก็คือเรื่องการแต่งกายในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม   เป็นนายกรัฐมนตรี  ( พ.ศ. 2481-2487 )  ได้มีบัญญัติเรียกว่า  รัฐนิยม   ซึ่งเป็นการปลุกระดมอย่างรุนแรง  ซึ่งแสดงนโยบายของประเทศว่าต้องการให้ประชาชนคนไทยรักหวงแหนและภูมิใจในความเป็นไทย  เช่น  ให้ข้าราชการแต่งเครื่องแบบตามที่กำหนด  ห้ามสวมกางเกงแพร ให้ทักทายกันด้วยคำว่า  สวัสดี “  ห้ามกินหมาก  ให้สวมหมวกทุกครั้งที่ออกจากบ้าน  ใช้คำขวัญปลุกใจทุกเช้าก่อนเรียน  การยกเลิกบรรดาศักดิ์โดยให้ใช้เพียงชื่อ  สกุล  เหมือนคนทั่วไป  การเคารพธงชาติ  และเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงมหรสพ  ฯลฯ             สภาพสังคมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  พ.ศ. 2475 ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย  ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ  คือo        ประชาชนขึ้นมาเป็นเจ้าของประเทศและมีบทบาทในการปกครองประเทศด้วยกระบวนการกฎหมายรัฐธรรมนูญ o        ชนชั้นกลาง  พวกพ่อค้า  ปัญญาชน  ขึ้นมามีบทบาทในสังคมแต่ผู้กุมอำนาจยังคงได้แก่ทหารและข้าราชการ o        นายทุนเติบโตจากการค้าและอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมีอิทธิพลและบทบาทจนได้เปรียบในสังคม o        เกิดช่องว่างในสังคมทำให้ชาวไร่  ชาวนา  และกรรมกรมีฐานะและชีวิตอยู่กับความยากจนและถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคม สมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย              การปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทย ได้ดำรงอยู่จนถึง พ.ศ. 2475 จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 มีข้าราชการทหารและพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้แก่การปฏิวัติขึ้น โดยทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครองดังกล่าว มีดังนี้       1. เกิดจากอิทธิพลของการมีแนวความคิดในเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้านข้าราชการที่ได้รับการศึกษามาจากยุโรป

      2. ฐานะทางการคลังของรัฐบาลเกิดทรุดลง ทำให้ต้องตัดรายจ่ายในด้านต่างๆ ลง ซึ่งรวมถึงบัญชีเงินเดือนของข้าราชการฝ่ายต่างๆ ด้วยจึงเกิดความไม่พอใจขึ้นมา

      3. คณะผู้ก่อการหลายคน มีความรู้สึกว่า ตนไม่ได้รับการยอมรับในความสามารถจากเจ้านายบางพระองค์ คณะผู้ก่อการ ซึ่งเรียกว่าตัวเองว่า "คณะราษฎร" ได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้น โดยมีพระยามโนปกรณ์ นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ได้ประกาศให้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ใช้รูปแบบการปกครองระบบรัฐสภา

 

 

รูปภาพของ silavacharee

Kiss

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 442 คน กำลังออนไลน์