สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
อาณาจักรโบราณ ความสัมพันธ์ของเมืองนครศรีธรรมราชกับอาณาจักรโบราณ 1. การเป็นสหพันธรัฐของอาณาจักรศรีวิชัย ในพุทธศตวรรษที่ 13 อาณาจักรศรีวิชัยเป็นอาณาจักรที่เข้าครอบครองดินแดนบริเวณตั้งแต่เกาะสุมาตราจนถึงเมืองไชยา (อำเภอไชยาจังหวัดสุราษฎร์ธานี) แต่เนื่องจากขณะนี้งานค้นคว้าเรื่องอาณาจักรศรีวิชัยยังไม่กว้างขวางมากพอ นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีจึงไม่อาจสรุปได้ว่าอาณาจักรนี้มีราชธานีอยู่ที่ใด นอกจากสันนิษฐานเอาว่าน่าจะอยู่ที่ปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซียบ้าง ที่ไชยาบ้าง นักโบราณคดีบางกลุ่มให้ความเห็นว่าด้วยเหตุที่อาณาจักรศรีวิชัยมีอาณาเขตไพศาลมาก ดังนั้นน่าจะแบ่งการปกครองเป็นแคว้น ๆ รวม3 แคว้น คือ แคว้นชวากลาง แคว้นสุมาตรา และแคว้นมลายูซึ่งมีการปกครองอยู่ที่ไชยา อาณาจักรศรีวิชัยได้ส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีนเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.1213 จึงชวนให้เข้าใจว่าอาณาจักรนี้คงก่อตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ด้วยเหตุนี้อาณาจักรศรีวิชัยก่อตั้งและมีอิทธิพลมาถึงไชยา จึงชวนให้เข้าใจว่าตามพรลิงค์คงกลายเป็นสหพันธ์รัฐของศรีวิชัยไปด้วย ครั้นถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 17 อาณาจักรศรีวิชัยก็สลายไป เพราะถูกอาณาจักรชวารุกราน ขณะเดียวกันตามพรลิงค์ก็กลายเป็นรัฐอิสระ และมีอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 2. ความสัมพันธ์กับกรุงสุโขทัย เมืองนครศรีธรรมราชกำเนิดและรุ่งเรืองมาก่อนอาณาจักรสุโขทัยจะเกิดขึ้น แต่ เมื่ออาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองขึ้น นครศรีธรรมราชก็กลายเป็นเมืองประเทศราชของสุโขทัยในที่สุด ลักษณะการเป็นเมืองขึ้นนั้นมิได้เกิดจากการที่สุโขทัยยกทัพไปปราบปราม เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานการทำสงครามระหว่างนครศรีธรรมราชกับสุโขทัย แต่คงเข้าลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และไม่อยู่ในลักษณะเมืองขึ้นที่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการประจำเหมือนเมืองอื่น ๆ ความสัมพันธ์ประการสำคัญระหว่างนครศรีธรรมราชกับสุโขทัย คือ ความ สัมพันธ์ทางศาสนา มีหลักฐานกล่าวว่า พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัยได้เสด็จพระราชดำเนินไปขอพระพุทธสิหิงค์ เพราะทราบว่าประเทศลังกามีพระพุทธรูปนี้ จึงได้ตรัสสั่งให้พระเจ้าศิริธรรมราชซึ่งรู้จักกับพระเจ้ากรุงลังกา ให้ส่งทูตไปบังคับเอาพระพุทธสิหิงค์จากลังกามา นอกเหนือจากนี้พ่อขุนรามคำแหงยังได้อาราธนามหาเถรสังฆราชและปราชญ์ ทางศาสนาจากนครศรีธรรมราช มาสั่งสอนเผยแพร่พุทธศาสนานิการหินยาน ลัทธิลังกาวงศ์ในสุโขทัยอีกด้วย 3. ความสัมพันธ์กับกรุงศรีอยุธยา
เมื่อกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทยใน พ.ศ. 1893 นครศรีธรรมราชก็กลาย เป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา ครั้นถึงสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ทรงเปลี่ยนฐานะเมืองนครศรีธรรมราชมาเป็นเมืองเอก และควบคุมเมืองนครศรีธรรมราชไว้มากขึ้นโดยการส่งผู้ปกครองจากกรุงศรีอยุธยา แทนการแต่งตั้งชาวนครศรีธรรมราชดังแต่ก่อน ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพไปตีกัมพูชา ใน พ.ศ.2136 เมือง นครศรีธรรมราชก็มีหน้าที่จัดกำลังทัพเรือเข้าร่วมรบด้วย ครั้นถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2172 เมืองนครศรีธรรมราชมีเจ้าเมืองเป็นชาวญี่ปุ่น ยามาดา นากามาซา มีบรรดาศักดิ์เป็น ออกญาเสนาภิมุข เดิมออกญาเสนาภิมุขเป็นหัวหน้ากองกำลังญี่ปุ่นอยู่ในกรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินพระอาทิตย์วงศ์ แต่เมื่อพระเจ้าปราสาททองซึ่งเดิมมีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ต้องการชิงอำนาจจึงได้วางแผนกำจัดออกญาเสนาภิมุขเสีย โดยให้ออกไปเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจะได้ไม่กระทำการขัดขวาง ออกญาเสนาภิมุขออกไปอยู่นครศรีธรรมราชได้ไม่นานก็ถึงแก่อสัญกรรม เพราะถูกยาพิษที่บาดแผล ทหารญี่ปุ่นพร้อมออกขุนเสนาภิมุข (โอนิน) ผู้บุตรไม่อาจอยู่ในนครศรีธรรมราชได้เพราะขัดแย้งกับกรมเมือง และประชาชนอย่างรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธกัน เมืองนครศรีธรรมราชสงบมาระยะหนึ่ง ครั้นถึงสมัยผลัดแผ่นดินพระเพทราชาได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระนารายณ์มหาราช ใน พ.ศ. 2227 ก็เกิดการกบฏขึ้นโดยพระรามเดโชผู้เป็นเจ้าเมือง ไม่ยอมเข้าถวายน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อพระเพทราชาถึง 3 ปี พระเพทราชาจึงให้ยกกองทัพบกและทัพเรือไปตีเมืองนครศรีธรรมราช ปรากฏว่าต้องใช้เวลาปราบถึง 3 ปี จึงสำเร็จ 4. ความสัมพันธ์กับกรุงธนบุรี เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. 2310 ปลัดเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งเข้าใจว่าชื่อ หนูได้ก่อตั้งชุมนุมคนไทยขึ้น เรียกว่าชุมนุมเจ้านคร มีอาณาเขตตั้งแต่ชุมพรจนถึงปะลิศ แต่อยู่ได้ 2 ปี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2312 แต่มิได้สำเร็จโทษเหมือนเจ้าชุมนุมอื่น ๆ ภายหลังเจ้านคร (หนู) ก็ได้กลับมาครองเมืองนครศรีธรรมราชอีกครั้งหนึ่งในฐานะเจ้าประเทศราช ทรงพระนามว่า พระเจ้าขัตติราชนิคม สมมติไหสวรรค์ พระเจ้านครศรีธรรมราช 5. ความสัมพันธ์กับกรุงรัตน์โกสินทร์ เมื่อรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นครองราชย์ ได้โปรดให้ลดบรรดาศักดิ์ พระเจ้านครศรีธรรมราชจากเจ้าประเทศราชมาเป็นเจ้าพระยานคร และภายหลังได้ปลดตำแหน่ง แล้วโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเจ้าพัฒน์ปลัดเมือง ขึ้นครองตำแหน่งเจ้าเมืองซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราช คนทั่วไปเรียกว่า เจ้าพระยานคร (พัฒน์) เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยรัตนโกสินทร์ ถึงสมัยปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินนั้นมี 4 คน คือ เจ้าพระยานคร (พัฒน์) ถัดมาคือเจ้าพระยานคร (น้อย) ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นโอรสของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เจ้าเมืองผู้นี้นับว่าเป็นบุคคลสำคัญยิ่งในสมัยรัชกาลที่ 2 – 3 เมื่อเจ้าพระยานคร (น้อย) ถึงแก่อสัญกรรมใน พ.ศ. 2382 ก็โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งบุตรขึ้นเป็น พระยานครศรีธรรมราช (น้อยกลาง) และเมื่อถึงแก่อสัญกรรม ใน พ.ศ. 2410 รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้า ฯ ให้บุตร คือ พระเสน่หามนตรี (พร้อม) ขึ้นเป็นพระยาศรีธรรมราช และเจ้าพระยาสุธรรมมนตรีในที่สุด เมื่อเจ้าพระยาสุธรรมมนตรีถึงแก่อสัญกรรม ใน พ.ศ. 2450 รัชกาลที่ 5 มิได้ทรงตั้งทายาทของพระเจ้าสุธรรมมนตรีเป็นเจ้าเมืองอีกต่อไป เพราะพระองค์มีพระราชประสงค์ปรับปรุงระบบการปกครองส่วนภูมิภาคเสียใหม่ สำหรับหัวเมืองทางภาคใต้โปรดให้รวบรวมเมืองต่าง ๆ เข้าเป็น 3 มณฑล คือ มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลภูเก็ต และมณฑลชุมพร สำหรับมณฑลนครศรีธรรมราช โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งพระยาสุขุมนัยวินิจ (ปั้น สุขุม) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาล ครั้น พ.ศ. 2458 รัชกาลที่ 5 โปรดกล้า ฯ แต่งตั้งเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพรกรมหลวงลพบุรีราเมศวร์เป็นอุปราชภาคใต้ เมื่อ พ.ศ.2469 ก็ยุบเลิกไป ครั้นถึง พ.ศ.2475เป็นต้นมา นครศรีธรรมราชก็มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ประวัติความเป็นมาของนครศรีธรรมราชที่ได้กล่าวมาแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่า นครศรีธรรมราชเคยเป็นเมืองและเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคแหลมอินโดจีนมาก่อน เมืองอื่น ๆ หลายเมืองในประเทศไทย เคยมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อเมืองข้างเคียงอย่างมากมายรวมทั้งต่อสุโขทัย ซึ่งถือว่าเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย เคยมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการปกครอง การทหาร การศาสนา การเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมอย่างมาก แต่แล้วเมื่อยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองได้ผ่านไป นครศรีธรรมราชก็กลายเป็นจังหวัดหนึ่งในราชอาณาจักรไทยที่ยังคงทิ้งร่องรอยของความรุ่งเรืองเอาไว้ให้อนุชนชาวนครศรีธรรมราช ได้ภาคภูมิใจทุกครั้งที่มองเห็นหรือรำลึกถึง |