คอมมิวนิสต์ เขตงาน 8 ดอยยาว ดอยผาหม่น

รูปภาพของ kwkanek


ภูมิประเทศบริเวณดอยยาว ดอยผาหม่น นี้อยู่ในเขต   อ.เชียงของ    อ.เวียงแก่น   อ.ขุนตาล   อ.เทิง     จ.เชียงราย   และ อ.เชียงคำ  จ.พะเยา ลักษณะภูมิประเทศสำคัญโดยมีเทือกเขาสำคัญ
1. ดอยยาว  ตั้งอยู่ที่เขต  อ.เทิง  ไปถึง  อ.เชียงของ  จ.เชียงราย  ยอดเขาที่สูงที่สุดของดอยยาว  สูง 1,408  เมตรจากระดับน้ำทะเล
2. ดอยผาหม่น  ตั้งอยู่ที่เขต  อ.เชียงคำ  จ.พะเยา  ไปถึง  อ.เชียงของ  จ.เชียงราย  ยอดเขาที่สูงที่สุด  สูง  1,735  เมตร  จากระดับน้ำทะเลโดยมีภูมิประเทศที่สำคัญคือ ภูชี้ฟ้า ซึ่งสูง  1,628  เมตร  จากระดับน้ำทะเล   

วันเสียงปืนแตกในพื้นที่ดอยยาว ดอยผาหม่นนั้นเกิดขึ้น  ณ บ้านชมภู ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล(อ.เทิง) จ.เชียงราย  เมื่อวันที่  8  พฤษภาคม
2510
จากคำสัมภาษณ์ของพ่ออุ้ย อินทร์ กันทัพ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม  2553 เวลา 10.40 น. กล่าวว่า...

................สืบเนื่องมาจากทางผู้นำชุมชนบ้านชมภูในช่วงนั้นโดยการนำของ พ่อหลวง แก้ว  สุขศรี(ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกสองท่านคือ นาย เตียม คลาปูนและ พ่ออุ้ยอินทร์ กันทัพ (ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่)ได้ทราบมาว่ามีชาวเขามาตัดไม้ทำลายป่าที่หัวห้วยชมภู โดยชาวบ้านชมภูเกรงว่าชาวเขาตัดไม้ไปมากคนข้างล่างจะได้รับผลกระทบจาก น้ำจะไม่มีกินมีใช้จึงนำมาปรึกษาหารือกันในคณะกรรมการหมู่บ้านจากการปรึกษาของคณะกรรมการหมู่บ้านก็ตกลงกันว่าจะขึ้นไปบอกชาวเขาในวันพรุ่ง นี้ และในวันรุ่งขึ้นไปที่ ป่าก่องาม ซึ่งเป็นพื้นที่หมู่บ้านของชาวเขา เมื่อเดินเข้าไปในพื้นที่ก็ได้เจอชาวเขาและชาวเขาถามว่าขึ้นมาทำไมทางฝ่ายพ่ออุ้ยอินทร์ก็ตอบว่าจะมาขอไม่ให้ตัดไม้ที่หัวห้วย ชมภู นี้ เพราะน้ำจะแห้งขอดจะทำให้ชาวบ้านข้างล่างไม่มีน้ำกิน ฝ่ายชาวเขาก็ถามมาว่าใครเป็นคนสั่งมาทางฝ่ายพ่ออุ้ยอินทร์ก็ตอบไปว่าทางเจ้านายข้าราชการ ทางฝ่ายชาวเขาก็ตอบกับมาว่าต้องให้จอมพลถนอม จอมพลประภาส   มาบอกด้วยตัวเองก็ถึงจะหยุดพอตกลงกันไม่ได้คณะของพ่ออุ้ยอินทร์ก็กลับลงมา  และพากันไปแจ้งกับนายจรูญมาหาลาภ กำนันตำบลยางฮอมได้ทราบในวันนั้นเลย และวันรุ่งขึ้นทางกำนันได้รายงานไปยังทางอำเภอเทิง(ในขณะนั้นอำเภอขุนตาลยังไม่ได้แยกเขตการปกครองมาจากอำเภอเทิง)ซึ่งในเวลานั้น ร. ต สง่า ศิริวัฒน์ เป็นนายอำเภอเทิง    พอในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2510 ทางร.ต. สง่า  ศิริวัฒน์ได้ระดมพลประกอบด้วย พ.ต.ต.บรรหยัด ปิภาตานท์  สวญ. สภ.อ.เทิง , นาย ไสว ป่าไม้อำเภอเทิง,นายจรูญ มหาลาภ และพ่อหลวงแก้ว สุขศรี พร้อมกับคณะกรรมการหมู่บ้านชมภูก็เดินทางเข้าไปในหมู่บ้านชาวเขาอีก ครั้ง(บ้านป่าก่องาม)เพื่อทำการประชุมชี้แจงให้ชาวเขาเข้าใจว่าไม่ให้ทำการตัดไม้ทำลายป่าอีกรอบ หนึ่งแต่พอไปถึงหมู่บ้านในเวลาใกล้จะเที่ยงวันก็ไม่พบใครแม้แต่คนเดียวและทางคณะที่ขึ้นไปบางส่วนก็จะจัดเตรียมอาหารกลาง วันและบางส่วนก็สำรวจบริเวณบ้านใกล้ๆก็มีชาวเขาคนหนึ่งเดินเทินกะละมังไว้บนหัวเข้ามาในบริเวณบ้านชื่อ นายเล่าดั่ว(พ่ออุ้ยอิทร์รู้จักคุ้นเคยพอสมควรเพราะเคยขึ้นมาหาของป่าบริเวณนี้และชาวเขาก็เคยเอาของป่าไปขายชาวพื้นล่าง ด้วย)เมื่อพบนายเลาดั่ว พ่ออุ้ยอินทร์ ก็ได้ทำการสอบถามว่าชาวบ้านหายไปไหนหมดก็ได้รับคำตอบจากเล่าดั่วว่า “ชาวบ้านไปทำไร่..และเราจะมาเอาข้าวมาจัดเลี้ยงต้อนรับเจ้านาย" (หมายถึงนายอำเภอและคณะ)”พ่ออุ้ยอินทร์ก็บอกว่า "ไม่จำเป็นเพราะได้จัดเตรียมข้าวปลาอาหารกลางวันมาด้วยแล้ว"นายเลาดั่วไม่ได้พูดอะไรก็เดินหายไป ระหว่างนั้นนายตา ช่างฆ้องได้เดินสำรวจบริเวณบ้านอยู่ได้เดินที่เล้าไก่ ดูรังไข่อยู่ ก็มีเสียงปืนก็ดังขึ้นและกระสุนนัดหนึ่งได้ยิงมาถูกที่บริเวณท้องของนายตาช่างฆ้อง ทางคณะที่ขึ้นไปก็ได้ยิงปืนต่อสู้และแยกย้ายกันหลบหนีซึ่งนายอำเภอและคณะ ส่วนหนึ่งสามารถหลบหนีออกมาได้ส่วนพ่ออุ้ยอินทร์และพวกได้พยายามช่วยเหลือนายตา ช่างฆ้องด้วยการใช้ผ้าขะม้ามัดห้ามเลือดแต่นาย ตา ช่างฆ้อง ก็ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้และเสียชีวิตในที่สุด และขณะเดียวกันคณะของพ่ออุ้ยอินทร์และพ่อหลวงแก้ว สุขศรี ก็หาทางหลบหนีออกจากพื้นที่ แต่หลบหนีมาได้สักพักก็ถูกกลุ่มชาวเขาจำนวน 3-4 คนพร้อมอาวุธ มาล้อมจับนำกลับไปบริเวณหมู่บ้านจุดที่ต่อสู้กัน พร้อมทั้งบอกให้นำเงินมาชดใช้ค่าเสียหาจำนวนสามหมื่นบาทกำนันจรูญ มหาลาภ ได้แจ้งว่า ตนเป็นกำนันจะนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหายให้ชาวเขาจึงจับตัวนาย แก้ว สุขศรี ผู้ใหญ่บ้านชมภู นาย เตี่ยม คลาปูนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และนายตาล ปัญญาอิ่นแก้ว ซึ่งเป็นล่ามของผู้ใหญ่บ้านชมภูไว้เป็นตัวประกัน พ่ออุ้ยอินทร์และกำนันจรูญ มหาลาภและคณะที่เหลือ จึงนำศพของนายตาช่างฆ้อง เดินทางกลับ โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต จากการบอกเล่าของพ่ออุ้ยอินทร์กันทัพ จำนวน 2 ท่าน คือ นายตา ช่างฆ้อง และตำรวจที่ชื่อว่าจ่ายืน(ในเอกสารอื่นไม่มี ผู้เสียชีวิตที่ชื่อ จ่ายืน) และมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้คือนาย หลี น้ำแพร่  สารวัตรกำนัน นายตาล ปัญญาอิ่นแก้วล่ามของผู้ใหญ่บ้านชมภู และ อส. อีกหนึ่งนาย หลังจากลงมาถึงหมู่บ้านจึงได้รายงานเหตุการณ์ตามลำดับชั้นทางผู้ว่าราชการ นาย ชูสง่า สิทธิประสาท และ พ.ต.อ.ศรีเดช ภูมิประหมัน ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย จึงนำกำลังบุกเข้าช่วยเหลือตัวประกันโดยตั้งฐานปฏิบัติการพิเศษที่โรงเรียนบ้านชมภู เกิดการประทะอย่างดุเดือด มีการเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย แต่ก็ช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้ในที่สุด

..............ส่วนมุมมองอีกด้านเกี่ยวกับสาเหตุวันเสียงปืนแตก   ณ พื้นที่ดอยยาว ดอยผาหม่น โดยหมอแดง ทูลสวัสดิ์ ยอดมณีบรรพต อดีตหัวหน้าหมอเขตงาน8 ของ พคท. ซึ่งได้กล่าวถึงสาเหตุของเหตุการณ์วันเสียงปืนแตก ในงานเสวนา “3 ปี การเรียนรู้ฟื้นฟูชุมชนดอยยาว-ผาหม่น” ในวันที่ 9 ก.ค. 2554  ณ สำนักงานเครือข่ายการเรียนรู้ฟื้นฟูนิเวศวัฒนธรรมชุมชนดอยยาว-ผาหม่นบ้านร่มฟ้าผาหม่น ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ในหัวข้อ ‘การสร้างสุขด้วยประวัติศาสตร์นิเวศวัฒนธรรม  ว่า “พวกเราคงเคยได้ยิน บ้านพญาพิภักดิ์ บ้านพญาเลาอู ทั้งสองคนนี้เป็นคู่เขยกันที่รัชกาลที่5 ตั้งให้เป็นพญา มีหน้าที่ดูแลพี่น้องม้งทั้งฝั่งซ้ายและขวาทั้งหมดสมัยนั้นเขาให้ดูแลให้ทุกคนทำมาหากินอย่างสงบเรียบร้อยไม่ใช่ให้มาเก็บภาษีทำไม เขาจึงหาว่าเราเป็นกบฏเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์เป็นผู้ก่อการร้ายซึ่งไม่ใช่ หลังจากวันที่ 24 มิ.ย. 2575 มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองให้อำนาจมาสู่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แล้วพี่น้องม้งโดนเก็บภาษีหนักที่สุดภาษีบุคคล-เมียใครนมใหญ่มีลูกเยอะต้องเสียภาษีมาก ภาษีโรงเรือน ในบ้านคนต้องเสียภาษีภาษีต้นตอ-ตัดต้นไม้ต้นเดียวก็ต้องเสียภาษี ภาษีดอกหญ้า ภาษีข้าว ข้าวโพดสัตว์เลี้ยงทุกชนิด มันถูกต้องมั้ย และสาเหตุที่พี่น้องม้งต้องเข้าป่าจากเหตุการณ์แบบนี้ พี่น้องม้งถือเป็นกลุ่มหนึ่งที่รักความเป็นธรรมพอสมควร จากกระแสการปฏิวัติสากลจากข่าววิทยุกระจายเสียงของลาว ซึ่งมี 2 ฝ่ายคือ นายพลวังเปาและเจ้าสุพานุวงกับท่านไฟด่าง เวลามีกระจายข่าวมา เราฟังทั้ง 2 ฝ่ายนี้ แต่ฝ่ายปฏิวัติจะมากกว่า และเข้ากับประชาชนคือให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดคนม้งส่วนหนึ่งที่ดอยยาวผาหม่นจึงเข้าร่วม รุ่นแรกคือป้าใจไปรบแถวซำเหนือถึงทุ่งไหหินรุ่นนั้นในประเทศไทยยังไม่มีการเคลื่อนไหว หลังจากนั้นพื้นที่ดอย ยาวผาหม่นเกิดเรื่องเศร้าสลดขึ้น การปกครองสมัยนี้ถึงจะเปลี่ยนไปมากแต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกับสมัยนั้นคือมีลักษณะเจ้าขุนมูลนาย สมัยก่อนเจ้าขุนมูลนาย 100% ไม่ต้องไปสำรวจตรวจสอบสั่งการอย่างเดียว เหตุเกิดจากบ้านขุนห้วยชมพู เขาไปทำไร่ในเขตการดูแลของพญาพิภักดิ์แต่กำนันเข้ามาเก็บภาษีต้นตอไปแล้ว 5000 บาท กับหมู 5 กำ 1 ตัว สมัยนั้น (2509-2510) ไม่น้อยนะ ต่อมาพี่น้องพื้นราบไปร้องเรียนอีก นายอำเภอสง่า ศิริวัฒน์ไม่ได้มาตรวจสอบอะไรเลย แต่สั่งให้ลูกน้องปิดล้อมบ้านขุนห้วยชมพู เลยเกิดการปะทะด้วยอาวุธ(8 พ.ค. 2510) พี่น้องม้ง-นายเลาหมีแซ่ฟ้า เสียชีวิตทันที หมู่บ้านนั้นแตก ประกอบกับนโยบายรัฐขณะนั้นของจอมพลถนอม กิตติขจรและจอมพลประภาส จารุเสถียร เกิดเสียงปืนแตกในภาคอีสานและเหนือแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงออกนโยบายสามเรียบคือให้อพยพพี่น้องม้งทั้งหมดไปอยู่พื้นราบภายใน 3เดือนมิฉะนั้นจะถูกจับ ทำให้พี่น้องม้งแตกออกไปหลายกลุ่ม ส่วนหนึ่งอพยพไปอยู่ลาว ส่วนหนึ่งไปอยู่กับรัฐนี่เป็นจุดเริ่มต้นให้พี่น้องม้งแตกเข้าป่าตั้งแต่บัดนั้นไปจนถึงปี 2524”

.............จะด้วยเหตุผลที่ต่างกันหรือความไม่เข้าใจหรือความหวาดระแวงในตัวของพี่น้องชาวม้งหรือความหวาดกลัวของรัฐที่มีต่อระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ที่กำลังแผ่ขยายเข้ามาประเทศไทยโดยความเชื่อตามทฤษฎีโดมิโนเกิดขึ้นจากกรณีการขยายตัวของระบอบคอมมิวนิสต์ในทวีปเอเชียและได้รุกรามเข้ามายังประเทศข้างเคียงของไทยคือ เวียดนาม ลาว ทำให้มีความเชื่อว่าประเทศอื่นๆเช่น เขมร ไทย มาเลเชีย พม่าฯลฯ จะถูกครอบงำโดยระบบคอมมิวนิสต์ในที่สุดเหมือน การล้มของโดมิโน แต่จากเหตุการณ์เสียงปืนแตกที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดอยยาวดอยผาหม่น  ณ  บ้านชมภู  ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล(อ.เทิงในสมัยนั้น) จ.เชียงราย   เมื่อวันที่ 8พฤษภาคม  2510  ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “รัฐ”และ พคท.ในพื้นที่ดอยยาว ดอยผาหม่น ต่อสู้กันมาอีกยาวนาน .................. 

 



สร้างโดย: 
ครูเอนก แก้วมาลา โรงเรียนขุนตาลวิทยาคม อ.ขุนตาล จ.เชียงราย
รูปภาพของ kwkanek

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับคุณอนุชา123ครับ ........ผมเองก็พอจะทราบว่าคุณเป็นใคร  แต่ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะยุคนี้เป็นยุคแห่งความเสมอภาค....การนำเสนอข้อมูล ความจริงก็คือความจริง แต่จะเป็นความจริง(หรือความเข้าใจตามที่ได้รับข้อมูลมา)ของฝ่ายไหนเท่านั้นนะครับ...ผมเองก็คนในพื้นที่ รู้เห็นมาตั้งแต่เกิด บางเย็นหลังเลิกเรียน นั่งคันนาหลังบ้านดูเครื่องบิน หางบ่วง(OV-10) โจมตี "อีกฝ่าย" ตามสันดอยยาว บางวันก็ได้ยินเสียงปืนทั้งวันนทั้งคืนก็มี.... หรือบางทีก็มีรถทหารมาส่งพ่อเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับผมพร้อมกับมีธงชาติคลุมร่างหรือป้าท่ีอยู่อีกฟากของหมู่บ้านที่มีลูกเป็นทหารเกณฑ์ร้องไห้ในงานศพลูก...ผมไม่ทราบหรอกครับว่าใครผิดใครถูก เพราะทุกฝ่ายย่อมพูดเข้าข้างตนเองเสมอ.....การกดขี่จากผู้มีอำนาจมีมาเสมอครับไม่ว่าระดับหมู่บ้านระดับประเทศหรือระดับโลกแม้แต่ปัจจุบันในยุคที่ประชาธิปไตยอยู่กับคนหมู่มากก็ยังมีเหมือนเดิมเพียงแต่อาจเปลี่ยนรูปแบบ....แต่สำหรับบทความของผมเรื่องนี้ตัวปัญหาคือข้อมูลของอีกฝ่ายหายากมากครับและหาตัวบุคคลไม่เจอครับในเว็ป คนตุลาคม ผมเองก็เข้าไปศึกษาInternetมานานพอควรตั้งแต่ปี 2542 ครับแต่ข้อมูล "อีกฝ่าย"นั้นมันหายากและไม่ปะติดปะต่อ พึ่งมีมาหลังผมเขียนบทความนี้แล่ะครับที่พอจะมีบทความหรือแหล่งข้อมูลให้ศึกษา(แม้แต่mekonglover.comก็พึ่งตั้งไม่นานมานี่เอง) แต่ถึงเจอ ในเมื่อ "อีกฝ่าย" มีโยบายตรงกันข้ามกับฝ่าย "รัฐ" โดยกะจะเปลี่ยนระบอบการปกครองก็คงไม่ทำให้เป็นพระเอกได้หรอกครับ จนกว่าคุณจะชนะ(เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน)....ที่จริงผมทราบครับว่าระบอบการปกครองไม่มีผิดมีถูกไม่ว่าระบอบไหนก็ได้แค่เพียงนำประเทศไปได้..แต่"รัฐ"นี้เป็น "ประชาธิปไตย"นะครับและข้อมูลในบทความนี้ก็ได้มาโดยการสัมภาษณ์ "ฝ่ายรัฐ"ที่อยู่ในเหตุการณ์ครับและข้อมูลส่วนหนึ่งผมเองก็นำมาจากข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่นำเสนอทั่วไปใน Internet ครับ.....  ในมุมมองของ"ฝ่ายรัฐ"การมีแนวคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบอืนหรืออย่างอืนย่อมผิดเสมอ จนกว่าฝ่ายตรงกันข้ามนั้นจะชนะครับ คำว่า "กษฏ" กับ "ปฏิรูป" มันมีเส้นบางๆคั้นกลางครับ อย่างที่บอกครับโดยปกติ"ฝ่ายรัฐ" ย่อมถูกเสมอ ..........lส่วนใครจะถูกใครหลอกหรือทำด้วยอุดมการณ์นั้น ...ผมไม่ทราบครับ........แต่บทความนี้ถ้าได้ข้อมูลจาก"อีกฝ่าย"ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คงจะดีไม่น้อย......

....ผมเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ แม้จะพยายามทำตัวให้เป็นกลาง แต่ผมก็ยอมรับครับว่า ผมทำใจไม่ได้ที่พม่ามาเผาอยุธยา  มันก็คงเหมือนเขมรที่คงทำใจไม่ได้ว่าเราไปทำกับเขา(ถ้าผมบรรลุโสดาบันก็คงจะดีสินะ)..........คนเราแก้ไขอดีตไม่ได้ครับ..และผมก็ไม่ได้สอนให้เด็กเกลียดพม่า แต่สอนให้สงสัยว่าทำไม่พม่าถึงมาเผาเรา.....มันเป็นเรื่องของอดีต มันเป็นบริบทของสมัยนั้น....เราเพียงแต่ทำความเข้าใจบริบทของยุคนั้น เด็กนักเรียนผมทุกวันนี้มันก็ไม่อยากไปเผาพม่าคืนหรอกครับ....เพราะเห็นเล่นแต่FB คุณเองก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่สามารถไปแก้ไขในสิ่งที่ "ม้ง"ในสมัยนั้นทำได้หรอกครับ แม้ทุกวันนี้จะพยายามบอกว่าถูกชักจูงหรือถูกหลอก...หลักฐานมันค่อนข้างชัดเจนครับ...แต่ผมรับได้ครับ  "เรา"มาเดินไปข้างหน้าเถอะครับ อย่าพยายามแก้อดีตของตัวเองเลย............................

ผมดีใจจังที่มาเจอบทความนี้ เพราะตอนนี้กำลังทำวิจัยเรื่องนี้อยู่พอดี

แต่ข้อมูลที่ได้ค่อนข้างแตกต่างกัน

..วันที่เสียงปืนแตกคือวันที่ 8 พ.ค.10 พื้นที่ตรงนี้จึงชื่อว่าเขตงาน 8(5)

และข้อมูลบางอย่างในช่วงการเกิดเสียงปืนแตกก็ค่อนข้างแตกต่างกันออกไป

...รวมถึงสาเหตุด้วย!!!!!!!!!!

แต่คงจะไม่บอกหรอกว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายถูก

ในฐานะที่ คุณครูเอนก แก้วมาลาเป็นครูที่ให้ความรู้กับเด็กและเยาวชนของชาติ ผมอยากให้ศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงจากหลายๆฝ่าย หลายๆคน และนำเสนอความคิดเห็นทั้งสองด้านก่อน

แล้วค่อยนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะได้มั้ยครับ

ผมสงสารเด็กไทยรุ่นใหม่ที่รับข้อมูลข่าวสารประเภทนี้

..ทำไมเราเกลียดพม่าจัง???????????

..การปลูกฝังน่ะสำคัญนะครับ 

รูปภาพของ kwkanek

แก้ไขให้แล้วนะครับ อาจจะไม่สมบูรณ์แต่ก้นำเสนอทั้ง 2 ด้าน และจะพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

ผมดีใจจังที่มาเจอบทความนี้ เพราะตอนนี้กำลังทำวิจัยเรื่องนี้อยู่พอดี

แต่ข้อมูลที่ได้ค่อนข้างแตกต่างกัน

..วันที่เสียงปืนแตกคือวันที่ 8 พ.ค.10 พื้นที่ตรงนี้จึงชื่อว่าเขตงาน 8(5)

และข้อมูลบางอย่างในช่วงการเกิดเสียงปืนแตกก็ค่อนข้างแตกต่างกันออกไป

...รวมถึงสาเหตุด้วย!!!!!!!!!!

แต่คงจะไม่บอกหรอกว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายถูก

ในฐานะที่ คุณครูเอนก แก้วมาลาเป็นครูที่ให้ความรู้กับเด็กและเยาวชนของชาติ ผมอยากให้ศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงจากหลายๆฝ่าย หลายๆคน และนำเสนอความคิดเห็นทั้งสองด้านก่อน

แล้วค่อยนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะได้มั้ยครับ

ผมสงสารเด็กไทยรุ่นใหม่ที่รับข้อมูลข่าวสารประเภทนี้

..ทำไมเราเกลียดพม่าจัง???????????

..การปลูกฝังน่ะสำคัญนะครับ 

รูปภาพของ kwkanek

..

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 653 คน กำลังออนไลน์