งานครั้งที่4 ตอบคำถาม
ให้นักเรียนสร้างบล็อก เพื่อตอบคำถามต่อไปนี้
เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายจะใช้ได้ทนทานและอยู่ในสภาพดีนั้น ผู้สวมใส่จะต้องรู้จักดูแลรักษาให้ถูกวิธีตามหลักการ ดังนี้
๑.ขณะสวมเสื้อผ้าต้องระมัดระวังไม่ให้เปรอะเปื้อนและการถูกของแหลมคมเกี่ยว
๒.เมื่อถอดเสื้อควรแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้อ ไม่ควรแขวนไว้บนตะขอหรือตะปูเพราะจะทำให้เสื้อเสียรูปทรงและฉีกขาดได้ง่าย แต่ถ้าเป็นเสื้อกันหนาวไม่ควรแขวนทิ้งไว้ เพราะว่าจะทำให้เสื้อยืดเสียรูปทรง
๓.ในกระเป๋าเสื้อ ไม่ควรใส่ของที่หนักมาก เพราะจะทำให้กระเป๋าเสื้อเสียรูปทรงและฉีกขาดเร็ว
๔.เมื่อถอดเสื้อผ้าออกจากตัว ควรตรวจดูรอบเปื้อน ถ้าเสื้อถูกรอยเปื้อนให้รีบขจัดรอยเปื้อนในทันที เพราะว่ารอยเปื้อนใหม่จะทำความสะอาดได้ง่ายกว่าปล่อยทิ้งไว้นาน
๕.หากพบว่าเสื้อผ้ามีส่วนที่ชำรุด ก่อนการนำไปทำความสะอาดควรซ่อมแซมให้เรียบร้อยเสียก่อน
๖.เมื่อประกอบอาหารหรือทำกิจกรรมอื่นๆที่อาจทำให้เสื้อผ้าเปื้อน ควรสวมผ้ากันเปื้อนทุกครั้ง
๗.ก่อนการซักผ้าให้แยกผ้าสีและผ้าขาว เพราะว่าผ้าแต่ล่ะชนิดมีคุณสมบัติต่างกัน ดังนั้นจึงควรแยกผ้าดังนี้
- ผ้าสีประเภทใยธรรมชาติ
- ผ้าสีประเภทใยสังเคราะห์
- ผ้าขาวประเภทใยธรรมชาติ
- ผ้าขาวประเภทใยสังเคราะห์
๘.เสื้อผ้าที่สวมแล้วและเปียกเหงื่อ ควรแขวนไว้ให้หมดเหงื่อ ดีกว่าการนำผ้าที่ใช้แล้วถอดใส่ตระกล้าทันที เพราะจะทำให้มีกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อ ควรนำเสื้อผ้าที่ใช้แล้วแขวนในที่ที่ลมโกรก หรือแขวนผึ่งไว้ในที่อากาศปลอดโปร่งเพื่อให้เหงื่อแห้ง
๙.ถุงเท้าเมื่อสวมใส่แล้วต้องทำความสะอาดทุกครั้ง ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะมีกลิ่น ไม่ควรสวมใส่ซ้ำ เพราะว่าจะทำให้เกิดโรคผิวหนังได้
๑๐.เครื่องประกอบการแต่งกายควรทำความสะอาดอยู่เสมอ เช่นหมั่นซักรองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนังควรเช็ดและขัดให้สะอาดสวยงาม เมื่อชำรุดต้องรีบซ่อมแซมเช่นเดียวกัน เพราะรองเท้าที่ชำรุดจะไม่เหมาะกับเสื้อผ้าที่สวยงาม เป็นต้น
๒. ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดและรักษาเสื้อผ้ามา อย่างน้อย ๓ ชนิด พร้อมสรรพคุณ
๑).สารซักฟอก สารซักฟอกที่เป็นทั้งผงและเป็นน้ำ ได้แก่ ผงซักฟอกและน้ำยาซักฟอก ใช้สำหรับซักผ้าหรือทำความสะอาดอื่นๆ มีขายอยู่ทั่วไปทั้งชนิดเป็นผงและเป็นน้ำ ก่อนการเลือกใช้ควรศึกษาฉลากข้างกล่องก่อน และปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากนั้นอย่างเคร่งครัด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน และช่วยให้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่ทำความสะอาดคงสภาพเดิมไม่เสียหาย
๒).สารปรับผ้านุ่ม สารปรับผ้านุ่มเป็นสารที่มีส่วนผสมของน้ำมันช่วยเคลือบผืนผ้า ลดความกระด้างของผ้า และช่วยลดการดูดซึมของน้ำ ควรใช้เมื่อจำเป็นหรือนานๆครั้งหรือหลังจากการซักทุก๒-๓ครั้ง
๓).สารฆ่าเชื้อโรค นิยมนำมาทำความสะอาดเสื้อผ้า เช่น น้ำมันสน สารฟอกขาว คลอรีน นิยมใช้ซักผ้าในห้องน้ำ ซักผ้าผู้ป่วยเป็นต้น
3บอกวิธีการกำจัดรอยเปื้อนต่อไปนี้
๑) รอยเปื้อนหมึก ก่อนซักให้นำเกลือป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่ม ผึ่งแดดไว้ครึ่งวัน จึงค่อยนำไปซัก
๒) รอยเปื้อนเลือด นำนมข้นหวานทาบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปขยี้น้ำออก
๓) รอยเปื้อนน้ำมัน นำแป้งฝุ่นทาตัวมาโรย ใช้กระดาษทิชชู่ หรือกระดาษบาง อื่นๆ วางทับ นำเตารีดที่ร้อนพอสมควร วางทับบนกระดาษ จนแป้งดูดคราบมันออกหมด จึงนำ ไปซัก
๔) รอยเปื้อนหมากฝรั่ง ขูดยางหมากฝรั่งออกด้วยสันมีด แล้วใช้น้ำแข็งถูเพื่อให้ยางนั้นแข็งตัว แล้วค่อยๆ แกะออก จากนั้นใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ด นำไปซักในน้ำสบู่อ่อน
๕) รอยเปื้อนชา กาแฟ ใช้แป้งข้าวเจ้าถูบริเวณรอยเปื้อน แล้วจึงนำไปซักตามปกติ