การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยและการใช้หลักฐาน
1. แนวทางการเขียนประวัติศาสตร์แบบตำนานและการใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์
ตำนาน – อยู่ในรูปของมุขปาฐะหรือคำบอกเล่า ไม่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบหลักฐานเพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ตำนานมี 3 ประเภท
1)ตำนานวีรบุรุษหรือบรรพบุรุษ-เล่าเรื่องผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในอดีต เพื่อสืบทอดการเคารพนับถือและพีธีกรรมกราบไหว้บูชาบรรพบุรุษหรือวีรบุรุษของคนรุ่นต่อๆไปภายใต้ลัทธิการบูชาบรรพบุรุษ
2)ตำนานเชื้อสายตระกูลผู้นำหรือวงศ์ตระกูล- การลำดับเชื้อสายตระกูลเพื่อยืนยันสิทธิในทรัพย์สิน สถานะทางสังคมและการเมืองของตระกูล “การสร้างบ้านแปงเมือง”
3)ตำนานประวัติศาสตร์สากลของพระพุทธศาสนา-แนวคิดที่ว่า “ทุกสรรพสิ่งอยู่ในกฎธรรมชาติ 3 ประการ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กระบานการทางประวัติศาสตร์ดำเนินจากอดีต ปัจจุบัน อนาคตไปตามธรรมชาติไม่มีผู้ใดกำหนด” ลักษณะสำคัญ คือ
-ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดสิ้นสุด วีถีประวัติศาสตร์เป็นไปตามธรรมชาติ
-แกนกลางคือจักรพรรดิราชหรือธรรมราชา (พระโพธิสัตว์)เป็นผู้มีบทบาทในการจรรโลงโลกในอยู่ในธรรม
-กำหนดช่วงเวลาเฉพาะในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดม
-มีความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับพุทธศาสนา กล่าวถึงกษัตริย์ในอาณาจักรต่างๆ ในโลก ที่ให้การอุปถัมภ์พุทธศาสนา
*ส่วนที่คล้ากันของตำนานทั้ง 3 ประเภทคือ เป็นเรื่องเล่า มีกษัตริย์เป็นศูนย์กลาง
2. แนวทางการเขียนประวัติศาสตร์แบบพระราชพงศาวดารและการใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์
พระราชพงศาวดาร-กรอบแนว “ความคิด”แบบตำนานเชื้อสายตระกูลผู้นำเกิดในสมัยอยุธยา + ตำนานประวัติศาสตร์สากลของพระพุทธศาสนา + แนวคิดเกี่ยวกับกษัตริย์ของอยุธยาเอง
1) หลักฐาน
-หลักฐานในการเขียน ได้แก่ เอกสารราชการ เช่น กฎหมาย จดหมายเหตุ จดหมายรายวันทัพ ปูมโหร
-จดหมายเหตุ คือ บันทึกเหตุการณ์ที่ล่วงไปแล้ว โดยเหตุการณ์ที่บันทึกนั้นมักจะเป็นเหตุการณ์เดียว
-ปูมโหร บันทึกเหตุการณ์ที่พวกโหรจดบันทึกไว้ในเวลาที่เกิดเหตุการณ์หนึ่งๆในทันที
2) วิธีการใช้หลักฐานและการเขียน
-เริ่มมีการตรวจสอบหลักฐานในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะมีการค้ากว้างขวางจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์จริงในการอธิบายประวัติศาสตร์(ไม่ใช้อธิบายตามกฎธรรมชาติของศาสนาพุทธ)
-เน้นความเป็นราชาธิราช ของกษัตริย์ไทย เน้นเรื่องเฉพาะกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาตามลำดับรัชกาล
1. ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิปัญญาที่มีผลต่อวิธีการใช้หลักฐาน
1.1 สาเหตุการเปลี่ยนแปลงทางภูมิปัญญา “มนุษย์เป็นผู้กำหนดวิถีประวัติศาสตร์”
- การขยายตัวของการค้าและการผลิตเพื่อขาย ทำให้ผู้ประกอบการอันได้แก่ชนชั้นสูงให้ความสำคัญกับการสะสมทรัพย์สินเงินทอง แสวงหาความสุขและความสำเร็จทางโลก เป้าหมายชีวิตตามคติพระพุทธศาสนา ได้แก่ การเกิดในสวรรค์หรือการบรรลุนิพพานลดความสำคัญลง ให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น โดยเชื่อว่ามนุษย์มีศักยภาพและความสามารถไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจเหนือธรรมชาติ
1.2 การให้ความสำคัญกับหลักฐาน
-เน้นให้ความสำคัญแก่ความจริงตามประสบการณ์
-ตรวจสอบหลักฐานว่า เรื่องใดเป็นเรื่องจริง-เท็จ ตามมาตรฐานของความจริง จะต้องผ่านการพิสูจน์จนประจักษ์ได้ด้วยประสบการณ์มนุษย์
-นำวิธีทางวิทยาศาสตร์ของมิชชันนารีเข้ามาพิสูจน์
-แสวงหาข้อมูลใหม่
2.ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิปัญญาที่มีผลต่อวิธีการเขียนประวัติศาสตร์
1) ความเปลี่ยนแปลงของความคิดทางเวลา
-สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้นเชื่อว่าต้นอยู่ในโลกที่กำลังเสื่อม แต่การให้ความสำคัญตามประสบการณ์จริง เชื่อว่าสังคมเจริญขึ้น เพราะความคิดและการกระทำของมนุษย์ไม่ใช่เสื่อมลง
2)ความคิดเกี่ยวกับกษัตริย์และรัฐ
- รัฐ : มีขอบเขตที่แน่นนอน ประชาชนทั้งหลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของรัฐ
- กษัตริย์ : มิได้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนมีบทบาทร่วมกันในการกำหนดวิถีประวัติศาสตร์ แต่เชื่อว่ากษัตริย์เป็นผู้เดียวที่กำหนดวิถีประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
3) แนวการเขียน
-แนวการเขียนประวัติศาสตร์ชาติไทย เน้นอดีตที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นเวลายาวนานของชาติไทย
-เห็นว่าประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่ได้เริ่มที่อยุธยา แต่มีมาก่อนหน้านี้
-ลักษณะสำคัญคือการอธิบายสาเหตุและผลกระทบ กษัตริย์เป็นผู้กำหนดวิถีประวัติศาสตร์
*ในที่สุดเกิดความสำนึกในเรื่องเชื้อชาติ ซึ่งเป็นผลรวมของทุกสิ่งและทุกคนในรัฐ
3. แนวการเขียนประวัติศาสตร์ชาติไทย
มีการใช้หลักฐานอย่างกว้างขวาง และหลักฐานใหม่ เช่น จารึก โบราณสถาน เอกสารชาวต่างชาติ แต่ไม่เคร่งครัดต่อการตรวจสอบและประคุณค่า เพราะ
1)ผู้ศึกษาไม่ใช่นักประวัติศาสตร์อาชีพแต่เป็นนักปกครอง เช่น กรมพระยาดำรงฯ
2)มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การยืนยันและเสริมสร้างความชอบธรรมให้กษัตริย์ทำให้เกิดการเลือกสรรหลักฐานที่มีขอบเขตของจุดมุ่งหมายดังกล่าว
ที่มา : ครูรุจน์ หาเรือนทรง สรุปจากเอกสารประกอบการสอนชุดวิชาประวัติศาสตร์ไทย - 10201 (มสธ)
- 1
- 2
- 3
- 4
- ถัดไป ›
- หน้าสุดท้าย »