กระบวนพยุหยาตราชลมารค
โขนเรือจำหลักปิดทองเป็นรูปพญานาคเล็ก ๆ จำนวนมาก ลำเรือภายนอกทางสีชมพู ท้องเรือภายในทาสีแดง ยาว ๔๕.๕๐ เมตร กว้าง ๓.๑๕
เมตร ลึก ๑.๑๑ เมตร กินน้ำลึก .๔๖ เมตร กำลัง ๓.๕๐ เมตร ใช้ฝีพาย ๖๑ คน นายท้าย ๒ คน นายเรือ ๒ คน คน ถือธงท้าย ๑ คน พลสัญญาณ ๑ คน คนเห่ ๑ คนปัจจุบันเก็บรักษาที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ริมคลองบางกอกน้อย ใกล้สะพานอรุณอมรินทร์เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เป็นหนึ่งในเรือพระที่นั่ง และพระราชพิธี กระบวนพยุหยาตราชลมารค เป็นเรือที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ในปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ปากคลองบางกอกน้อย เขตบางกอกน้อยประวัติเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นเรือพระที่นั่งที่สร้างใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่มาเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเรือลำแรกนั้นมีนามว่า เรือศรีสุพรรณหงส์ สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ เป็นหนึ่งในเรือพระราชพิธี ในกระบวนพยุหยาตราชลมารคเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณฯ จัดสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาส พระราชพิธีกาญจนาภิเษก แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙ โดย กองทัพเรือ ร่วมกับ กรมศิลปากร ได้นำ โขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ที่สร้างขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ ๓ และ รัชกาลที่ ๔ มาเป็นต้นแบบ โดยกองทัพเรือ สร้างในส่วนที่เป็นโครงสร้างเรือ พาย และคัดฉาก ส่วนกรมศิลปากร ดำเนินการในงานที่เกี่ยวกับ ศิลปกรรมของเรือทั้งหมดประวัติเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณฯ จัดเป็นเรือพระที่นั่งกิ่ง ลำเดิมสร้างขึ้น ในสมัย รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีชื่อว่า “มงคลสุบรรณ” หัวเรือเป็นรูป พระครุฑพ่าห์ ต่อมา ในรัชกาลที่ ๔ ได้เสริมรูปพระนารายณ์ ยืนประทับบนหลังพญาสุบรรณ แล้วขนานนามว่า “เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ” ต่อมา เรือได้เสื่อมสภาพลง คงเหลือแต่โขนเรือ เก็บรักษาไว้ แต่เนื่องจากความงดงาม และความสำคัญ ในสัญลักษณ์ของโขนเรือ ที่เป็นเชิงเทิดพระเกียรติ สถาบันพระมหากษัตริย์ใน พ.ศ. ๒๕๓๙ กองทัพเรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กรมอู่ทหารเรือ และกรมศิลปากร ได้ร่วมกันจัดสร้าง เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ลำใหม่ น้อมเกล้าฯ ถวาย และได้รับพระราชทานนามว่า “เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙” เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพระบรมเดชานุภาพ และเป็นเกียรติยศสำหรับแผ่นดิน สืบไปเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณเรือเอกไชยเหินหาวเป็นเรือประเภทเรือเอกขัยในลำดับชั้นของเรือพระที่นั่งในกระบวนพยุหยาตราชลมารค ซึ่งเกือบเทียบเท่าเรือพระที่นั่งกิ่ง ทำหน้าที่เป็นเรือคู่ชักใช้นำหน้าหรือชักลากเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ คู่กับเรือเอกไชยหลาวทองหรือสำหรับชักลากเรือพระที่นั่ง ในกรณีที่ฝีพายไม่เพียงพอ ปัจจุบันเก็บรักษาที่ พิพิธภัณฑสถานเรือพระราชพิธี คลองบางกอกน้อย ประวัติเรือเอกไชยเหินหาวสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ เรือลำนี้ได้ถูกระเบิดได้รับความเสียหายใน สงครามโลกครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๘๗ ต่อมากรมศิลปากรได้ตัดหัวเรือและท้ายเรือเก็บรักษาไว ้ในพิพิธภัณฑ์ เมื่อปี ๒๔๙๑ลำปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ จากหัวและท้ายเรือเดิม โดยกรมอู่ทหารเรือ วางกระดูกงูเรือเมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ เริ่มสร้างเมื่อ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ลงน้ำเมื่อ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ จากนั้นจึงทำการตกแต่งตัวเรือโดยช่างแกะสลักทำงานประมาณ ๑๔ เดือนช่างรักปิดทองทำงาน ๖ เดือน ช่างเขียนลายรดน้ำทำงานประมาณ ๖ เดือน ช่างปิดทองและประดับกระจกทำงานประมาณ ๔ เดือน ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้ทำการซ่อมใหญ่ เปลี่ยนไม้ตัวเรือที่ผุซึ่งชำรุดบางส่วน ลงรักปิดทอง ทาสีตัวเรือใหม่และอื่นๆ เพื่อให้ทันใช้ในงานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เริ่มซ่อมทำตั้งแต่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถึงวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมี บริษัท สหายสันต์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาซ่อมทำเรือเอกชัยเหินหาวเรือเอกชัยหลาวทองเป็นเรือประเภทเรือเอกขัยในลำดับชั้นของเรือพระที่นั่ง ซึ่งเกือบเทียบเท่าเรือพระที่นั่งกิ่ง ทำหน้าที่เป็นเรือ คู่ชักในกระบวนพยุหยาตรา สำหรับชักลากเรือพระที่นั่ง สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปรากฏมีเพียง ๒ ลำ เท่านั้น ต่อมาถูกระเบิดได้รับความเสียหายทั้งสองลำ จากสงครามโลกครั้งที่ ๒ กรมอู่ทหารเรือและกรมศิลปากร จึงได้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ เมื่อ ปี พ.ศ.๒๕๐๘ จากหัวและท้ายเรือเดิม ลักษณะ : โขนเรือเป็นไม้รูปดั้งเชิดสูง เขึยนลายรดน้ำรูปเหราหรืด จรเข้ ปิดทองเรือเอกชัยหลาวทอง ความยาว ๒๙.๖๔ เมตร กว้าง ๑.๙๖ เมตร กินน้ำลึก ๐.๖๐ เมตร กำลัง : เรือเอกชัยหลาวทอง ๒.๖๕ เมตร เจ้าพนักงานประจำเรือ : ฝีพาย ๓๘ นาย นายท้าย ๒ นาย ปัจจุบันเก็บรักษาที่ พิพิธภัณฑสถานเรือพระราชพิธี คลองบางกอกน้อยเรือเอกชัยหลาวทองเรือพาลีรั้งทวีปและเรือสุครีพครองเมืองเรือทั้งสองลำเป็นรูปสัตว์ ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร จัดเป็นเรือรบโบราณ ติดตั้งปืนใหญ่ที่โขนเรือ ไม่ปารกฏหลักฐานการสร้าง ลักษณะ : โขนเรือเป็นรูปพญาวานร ปิดทองประดับกระจกภายในสีแดง ภายนอก ทาสีดำ เขียนลวดลายดอกพุตตานสีทอง เรือพญารั้งทวีปโขนเรือสลัก รูปพญาวานรสีเขียว เรือสุครีพครองเมืองโขนเรือสลักรูปพญาวานรสี แดง ขนาด : เรือพาลีรั้งทวีป ความยาว ๒๙.๐๓ เมตร กว้าง ๒.๐๐ เมตร กินน้ำลึก ๐.๖๓ เมตร เรือสุครีพครองเมือง ความยาว ๒๙.๑๐ เมตร กว้าง ๑.๙๘ เมตร กินน้ำลึก ๐.๖๐ เมตร กำลัง : ทั้งสองลำ ๒.๖๐ เมตร เจ้าพนักงานประจำเรือ: ฝีพาย ๓๔ นาย นายท้าย ๒ นาย ปัจจุบันเก็บรักษาที่ โรงเรือท่าวาสุกรี เรือพาลีรั้งทวีปเรือสุครีพครองเมืองเรืออสุรวายุภักษ์และเรืออสุรปักษี
แหล่งอ้างอิง:
wikipedia.org และ www.navy.mi.th