จงตอบคำถามและอธิบายอย่างละเอียด
 

1.เพราะเหตุใดพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงวางรากฐานการปฏิรูปการปกครอง
= เพราะประสบปัญหากับการขยายอิทธิพลของชาติมหาอำนาจจักรวรรดินิยมตะวันตก ได้แก่ อังกฤษและฝรั่งเศส เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นเมืองขึ้น จึงต้องปฏิรูปการปกครองให้มีความเจริญขึ้น
 

2.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้ยกเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ์แล้วได้จัดการปกครองใหม่เป็นอย่างไร
= จัดตั้งกรมขึ้น 12 กรม ดังนี้
1. กรมมหาดไทย       ปกครองฝ่ายหัวเมืองเหนือ และลาว
2. กรมพระกลาโหม  ปกครองฝ่ายหัวเมืองใต้ ตะวันออก ตะวันตก และมลายู
3. กรมท่า                   ดูแลการต่างประเทศ
4. กรมวัง                   ดูแลในพระราชวัง
5. กรมเมือง               ดูแลเรื่องตำรวจ การบัญชีพล(สุรัสวดี) และนักโทษ
6. กรมนา                  ดูแลการเพาะปลูก การค้าขาย ป่าไม้ และเหมืองแร่
7. กรมพระคลัง         ดูแลภาษีอากร เงินรับจ่ายในแผ่นดินทั้งหมด
8. กรมยุติธรรม         จัดการศาล ชำระความทั้งแพ่งและอาญา
9. กรมยุทธนาธิการ   ตรวจตราจัดการในกรมทหารบก ทหารเรือ
10.กรมธรรมการ       จัดการศึกษาและการศาสนา
11.กรมโยธาธิการ      ก่อสร้าง ขุดคลอง การช่างทั่วไป ไปรษณีย์โทรเลข รถไฟ
12.กรมมุรธาธิการ     เกี่ยวกับการรักษาตราแผ่นดิน และหนังสือราชการ
        ต่อมาในปี พ.ศ. 2435 กรมได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นกระทรวงและในปี พ.ศ.2437 ได้มีพระราชบัญญัติแยกอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมและมหาดไทยออกจากกันอย่างเด็ดขาด

3.ในสมัยรัชกาลที่5มีการปฏิรูปการปกครองในส่วนภูมิภาคอย่างไร
= เดิมการบังคับบัญชาหัวเมืองขึ้นอยู่กับกรมต่างๆถึง 3 กรม คือ กรมมหาดไทย            
กรมกลาโหม และกรมท่า พ.ศ. 2437(ร.ศ.113)รัชกาลที่ 5 ทรงให้กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ในการจัดระเบียบการปกครองส่วนภูมิภาคในลักษณะการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกการปกครองแบบใหม่นี้ว่า “ระบบเทศาภิบาล”
ปี พ.ศ.2427 เริ่มส่งข้าหลวงประจำหัวเมืองไปประจำชายแดนและประเทศราช
มีการสร้างทางรถไฟ ทำแผนที่และจัดตั้งกรมไปรษณีย์โทรเลขขึ้น
ปรับปรุงการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องการให้ราษฎรมีส่วนในการปกครองประเทศ ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลขึ้นเป็นครั้งแรกที่ท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อ พ.ศ.2448

 4.ข้อดีของการปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นในสมัยรัชกาลที่5 มีอะไรบ้าง
 =รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้จัดการงานได้ง่าย
รัฐบาลส่วนกลางสามารถควบคุมการปฏิบัติงานของราชการท้องถิ่นและมีความสัมพันธ์กับชีวิตราษฎรมากขึ้น
ขยายความเจริญทางคมนาคม การสื่อสาร สู่ชนบทมากขึ้น
 

5.จงอธิบายสาเหตุการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองในปีพ.ศ.2475
 = 1. ความเสื่อมศรัทธา การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 6 จนถึง รัชกาลที่ 7 เมื่อไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมได้ นอกจากนี้ระบอบการปกครองเดิมยังให้อำนาจแก่กลุ่มพระราชวงศ์และขุนนางอย่างมาก ทำให้พวกขุนนางระดับล่างและประชาชนที่มีการศึกษาต่างเสื่อมศรัทธา
2. ประชาชนชาวไทยบางส่วนได้รับการศึกษาแบบตะวันตกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา และได้รับอิทธิพลแนวคิดแบบประชาธิปไตยตามที่เห็นแบบอย่างในยุโรปและหวังให้ประเทศไทยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยบ้าง
3. อิทธิพลของสื่อมวลชนก่อนการปฏิวัติ พ.ศ.2475 ได้มีการออกหนังสือพิมพ์ของเอกชนหลายฉบับพากันวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานที่บกพร่องของรัฐบาลอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังยกย่องระบอบประชาธิปไตยอีก ทำให้ความคิดของประชาชนที่มีการศึกษาเริ่มคล้อยตาม
4. เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำภายในประเทศอย่างรุนแรงเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งมีผลกระทบมาถึงไทยด้วย คือ พืชผลที่ทำรายได้หลักให้แก่ประเทศจำหน่ายไม่ได้ ทำให้ไทยขาดแคลนเงินอย่างมาก สมัยรัชกาลที่ 7 เศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างรุนแรง ทรงดำเนินนโยบายประหยัดเงินทุกวิถีทาง เช่น ยุบเลิกมณฑลต่าง ๆ หลายมณฑล, ทรงตัดทอนรายจ่ายส่วนพระองค์ลง ตลอดจนปลดข้าราชการออกจำนวนมาก แต่ความพยายามแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ ราษฎรทั่วไปยังคงเดือดร้อนและคณะราษฎร์ได้อ้างเหตุผลนี้ในการยึดอำนาจจากการปกครอง
 

6.ผลทางการเมืองการปกครองที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปีพ.ศ.2475 มีอะไรบ้าง
 = ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เห็นได้จากประชาชนยังไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
คณะราษฎร์แตกแยกกันเรื่อง “เค้าโครงเศรษฐกิจ” ของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ดร. ปรีดี พนมยงค์) ที่เรียกว่า สมุดปกเหลือง ซึ่งมีแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์
เกิดกบฏบวรเดช พ.ศ.2476
รัชกาลที่ 7 สละราชย์ฯ ในวันที่ 2 มีนาคม 2477
พ.ศ.2476 – 2488 เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี 3 คน ดังนี้
พระยามโนปกรณ์นิติธาดา
พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา
จอมพล ป.พิบูลสงคราม

7.ในระบอบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย พระมหากษัตริย์มีความสำคัญอย่างไร
= เป็นผู้แต่งตั้งลงพระปรมาภิไธยรับรองรัฐธรรมนูญเหนือร่างกฎหมายต่าง ๆเพื่อให้กฎหมายประกาศบังคับใช้จริงได้ หากกฎหมายใดไม่เหมาะสมและไม่อนุญาตให้ใช้กฎหมาย