บทเรียนสีหนุวิลล์กับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของจีน

รูปภาพของ pornchokchai
บทเรียนสีหนุวิลล์กับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของจีน
  AREA แถลง ฉบับที่ 681/2566: วันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2566

 

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

 

            มีข่าวมาอย่างต่อเนื่องเรื่องเมืองร้างแห่งสีหนุวิลล์หรือเมืองพระสีหนุจากผลการลงทุนของนายทุนจีน (สีเทา) ผมจึงให้ “ลูกศิษย์” ชาวกัมพูชาที่เคยเรียนวิชาการประเมินค่าทรัพย์สินกับผมและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาไปสำรวจสดๆ ร้อนๆ ดูว่าล่าสุดสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ไปสำรวจเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566 นี้เองไทยเราควรเรียนรู้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของทุนต่างชาติโดยเฉพาะจากจีน (สีเทา) ซึ่งรัฐบาลจีนก็พยายามปราบปรามนายทุนจีน (สีเทา) เช่นกัน

            ถ้าเราถามนักพัฒนาที่ดิน ข้าราชการ นายหน้าเบอร์ใหญ่ๆ หรือนักลงทุนชื่อดังๆ ชาวกัมพูชา เราจะได้รับการปฏิเสธในการตอบถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในสีหนุวิลล์นี้ห หรือบางคนก็อาจไพล่ไปตอบว่า สีหนุวิลล์ไม่ (เคย) มีปัญหาดังที่เป็นข่าวในด้านลบแต่อย่างใด ขณะนี้นักลงทุนจีนกลับมาแล้ว และกำลังฟื้นฟูเมืองอยู่ (อย่างขะมักเขม้น) มีเพียงน้อยร้ายที่จะตอบตามความเป็นจริง  ผมถามคนเหล่านี้ไป 10 ราย ตอบตรงจริงๆ เพียง 2 รายเท่านั้น ดังนั้นถ้าเราจะทราบความจริงเรื่องสีหนุวิลล์ ต้องไปสำรวจให้ชัดเจน

            ผลสำรวจของ “ลูกศิษย์” ของผมที่ทำงานด้านการประเมินค่าทรัพย์สินและกิจการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาบอกว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังแย่เหมือนเดิม คือนักลงทุนจีนไม่ได้กลับมาแม้จะผ่านช่วงโควิด-19 ไปประมาณ 1 ปีเศษแล้วก็ตาม ขณะนี้มีอาคารสร้างค้างไว้รวมกันถึงประมาณ 1,500 แห่ง ไม่ใช่แค่ไม่กี่ร้อยแห่งดังที่เคยเป็นข่าว หนทางแก้หนี้คงอีกยาวไกลมาก สถานการณ์ที่สีหนุวิลล์หนักหนาสาหัสกว่าไทยในปี 2540 เสียอีก

            จากประสบการณ์เศรษฐกิจตกต่ำปี 2540 ในกรุงเทพมหานคร  ไทยเคยมีอาคารสร้างค้าง (ซึ่งมักมีแต่โครงสร้างบางส่วน งานสถาปัตยกรรมและงานระบบประกอบอาคารยังไม่มี) ถึง 500 โครงการ แบ่งเป็นอาคารที่มีงานเฉพาะเสาเข็มอย่างเดียว 185 โครงการ และอาคารที่ก่อสร้างขึ้นเป็นโครงสร้างเหนือพื้นดินประมาณ 300 โครงการ คิดเป็นค่าก่อสร้างที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท และต้องใช้เงินอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ

            สถานการณ์อาคารสร้างค้างในประเทศไทย ได้ทยอยสร้างต่อจนแล้วเสร็จ จนบัดนี้ คาดว่าเหลืออยู่ไม่เกิน 50 ตึก หรือประมาณ 90% ได้ก่อสร้างจนแล้วเสร็จแล้วภายในเวลา 15 ปีนับแต่ปี 2540  แต่จำนวน 1,500 อาคารในสีหนุวิลล์ ก็คงต้องใช้เวลา “เยียวยา” หรือสร้างใหม่ให้แล้วเสร็จอีก ซึ่งอาจกินเวลายาวนานถึง 15-20 ปีก็ว่าได้ แล้วอย่างนี้เศรษฐกิจสีหนุวิลล์จะไปต่อไหวหรือ

            สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่าไทยเพราะ

            1. เศรษฐกิจในประเทศจีนเองก็กำลังซบเซา เมื่อวันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 เพื่อนชาวฮ่องกงที่มีธุรกิจอยู่ในประเทศจีนเล่าว่า ตนข้ามไปฝั่งประเทศจีน ตั้งแต่เซินเจิ้นไล่เลียงไปเรื่อย ปรากฏว่าเศรษฐกิจซบเซาอย่างเห็นได้ชัด นักลงทุนจีนจะมีเงินมาทุ่มในสีหนุวิลล์ต่อไปหรือไม่ จึงน่าสงสัยอยู่

            2. การแก้หนี้กับสถาบันการเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บางส่วนอาจมีหนี้กับสถาบันการเงินในกัมพูชา โดยเฉพาะธนาคารจีนในกัมพูชา แต่การแก้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก โดยเฉพาะในกัมพูชาที่กฎหมายต่างๆ ก็ไม่มีความพร้อม การบังคับใช้กฎหมายก็ค่อนข้างจำกัด

            3. สิ่งก่อสร้างต่างๆ ก็นำเข้าวัสดุจากจีนเป็นหลัก ขณะนี้นักลงทุนจีนจะสามารถนำเข้าวัสดุและแรงงานจากจีนเข้ามาก่อสร้างต่อได้หรือไม่ จึงเป็นข้อกังขาเป็นอย่างยิ่ง

            4. อาคารหลายแห่งไม่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง (ไม่รู้สร้างไปได้อย่างไร) แบบแปลนต่างๆ ก็ไม่มีในสารบบ แล้วถ้ามีการบังคับคดีและขายต่อ จะสร้างกันต่อได้หรือไม่ ก็เป็นข้อน่ากังวล อาจจะต้องรื้อถอนทิ้งทั้งอาคาร เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนอีกต่างหาก หรืออาจต้องค้างคาไว้อีกนานเท่านาน

            ยิ่งกว่านั้นในสีหนุวิลล์ยังมีกาสิโนอีกเกือบ 20 แห่ง แต่ส่วนมากอยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือยังปิดให้บริการอยู่นั่นเอง กิจการร้านอาหารที่เคยเปิดมากมาย (คล้ายกับย่านห้วยขวางของเรา) เพื่อรองรับแรงงานจีนที่มาก่อสร้างหรือมาทำธุรกิจในจีนก็ยังปิดไปแทบหมด (คล้ายกับร้านค้าตามชายหาดต่างๆ ในภูเก็ต-กระบี่ ที่ปิดแทบหมดในช่วงโควิด-19 ระบาดแรงๆ แต่ของไทยเปิดใหม่หมดแล้ว)

            สีหนุวิลล์ได้รับการประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเสษตั้งแต่ปี 2553 ยังดีกว่าไทยที่ไม่ได้ประกาศทั้งภาคตะวันออก 7-8 จังหวัดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ก็คงคล้ายไทยตรงที่ไม่ได้มีการวางผังเมืองให้ดี ปล่อยให้มีการพัฒนาที่สะเปะสะปะ ผมไปเยือนสีหนุวิลล์เมื่อปี 2555 ปรากฏว่าการพัฒนาเมืองสมัยใหม่ยังเกิดขึ้นน้อยมาก และอีกครั้งที่คณะนักวิจัยของผมไปเยือนสีหนุวิลล์ในปี 2562 การพัฒนาใหม่ๆ เกิดขึ้นมหาศาล ทำให้เมืองเปลี่ยนไปแทบหมดเลย

            การพัฒนาใหม่ๆ ทำให้ประชากรเพิ่มขึ้นมหาศาลโดยในปี 2551 มีการสัมมโนประชากรและพบว่าประชากรในเมืองมี 66,700 คน (https://rb.gy/c6bs7) แต่มาปี 2566 เพิ่มเป็น 300,000 คน (https://t.ly/9reYY) ทั้งนี้มีการกล่าวอ้างกันว่าเฉพาะคนจีนที่เคยมาอยู่ในสีหนุวิลล์มีถึง 200,000 คน (https://t.ly/5sY-s) แต่ในระยะหลังมานี้ คนเหล่านี้หายกลับไปประเทศของตนและยังไม่ได้กลับมา

            อันที่จริง ก่อนหน้านี้กัมพูชาก็พัฒนาเกาะมรกตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบองค์รวม โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสินค้าอสังหาริมทรัพย์หลากหลาย มีพื้นที่ประมาณ 1.2 ตารางกิโลเมตรหรือ 750 ไร่ โดยจะมีการก่อสร้างอาคารประเภทต่าง ๆ ถึงประมาณ 500,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยกาสิโน เมืองธุรกิจ ที่อยู่อาศัย (ห้องชุดพักอาศัยและบ้านเดี่ยว) โรงแรม รีสอร์ต ศูนย์การค้า ศูนย์ออกกำลังกาย ศาสนสถาน ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ และอื่น ๆ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2559 โดยนักลงทุนรัสเซีย มีชื่อบริษัทว่า Koh Puos (Cambodia) Investment Group (KPIG) ผมเคยเดินทางไปพบผู้บริหารบริษัทนี้ที่มอสโก แต่แล้วในที่สุดก็ไม่ได้สร้างให้แล้วเสร็จ

            กัมพูชาคงต้องสรุปบทเรียนมากมายว่าการพึ่งพาแต่นักลงทุน/นักท่องเที่ยวจีนนั้นคงไม่ใช่ “ทางสว่าง” เป็นแน่ และคงต้องมีแผนการส่งเสริมการลงทุนที่รัดกุมกว่านี้ แต่ผู้นำของประเทศกำลังพัฒนามักจะเอาใจประเทศจักรวรรดินิยมอยู่เสมอ ดังนั้นขั้นตอนการอนุมัติต่างๆ จึงง่าย แต่ตอนนี้จะมาแก้ก็คงยากแล้ว หนทางที่ขอเสนอก็คือ

            1. การขีดเส้นตายให้ผู้ลงทุนกลับมาลงทุนต่อโดยไว หาไม่รัฐบาลกัมพูชาคงต้องยึดมาขายทอดตลาดต่อไป

            2. ในการขายทอดตลาด ควรดำเนินการเป็นตึกๆ ไปเพื่อให้นักลงทุนรายใหญ่น้อยได้มาร่วมกันดำเนินการต่อ ทั้งนี้รัฐบาลอาจต้องช่วยยืดระยะเวลาใบอนุญาตก่อสร้างเดิมออกไปเพื่อให้ยังสามารถลงทุนตามแผนเดิมได้

            3. รัฐบาลควรส่งเสริมการใช้แรงงานในประเทศ วัสดุก่อสร้างในประเทศให้มากขึ้นเพื่อที่จะใช้อสังหาริมทรัพย์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

            4. การปราบปรามต่างชาติสีเทา ไม่ว่าชาติไหน ก็ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง (ไม่ใช่แบบไฟไหม้ฟาง) เพื่อยังความมั่นใจแก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพให้เข้ามาเที่ยวในสีหนุวิลล์

            บทเรียนราคาแพงนี้อย่าให้เกิดขึ้นในแผ่นดินไทย


 

 
 
 
 
 
 


ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 411 คน กำลังออนไลน์