ถ้าต้องย้ายประเทศ คุณจะย้ายไปจีนหรือสหรัฐอเมริกา

รูปภาพของ pornchokchai
ถ้าต้องย้ายประเทศ คุณจะย้ายไปจีนหรือสหรัฐอเมริกา
  AREA แถลง ฉบับที่ 478/2566: วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566

 

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

 


 

            คำถามง่ายๆ ข้างต้น “ถ้าต้องย้ายประเทศ คุณจะย้ายไปจีนหรือสหรัฐอเมริกา” โดยสมมติว่าถ้ามีโอกาสให้เลือกเพียง 2 ประเทศ คุณจะย้ายไปอยู่ที่ไหนระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา อาจเป็นพลเมืองประเทศอื่นในโลกก็ได้ว่าจะย้ายไปที่ไหนดีระหว่าง 2 ประเทศนี้

            ที่ถามนี่ ไม่ใช่ว่าผม “โปร” ประเทศใดโดยเฉพาะ แม้ผมจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน 100% ก็ไม่ได้ต้องเข้าข้างจีน และแม้ในขณะนี้ผมจะเดินทางมาประชุมที่สหรัฐอเมริกา และบางปีก็มาถึง 4 หน มีศาสตราจารย์เป็นชาวอเมริกันหลายคน ก็ใช่ว่าจะ “โปร” เขาแต่อย่างใด  แต่ที่ต้องถามเพราะตอนนี้มีกระแสการต่อต้านสหรัฐอเมริกาอยู่อย่างหนักหน่วงจากหน่วยโฆษณาชวนเชื่อของจีน ซึ่งเราคนไทยต้องฟังหูไว้หู จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด

            ข้อความโจมตีสหรัฐอเมริกาหรือปกปิดความจริงของจีนในขณะนี้ก็เช่น

            1. สหรัฐอเมริกามีคนเร่ร่อน “ยั๊วเยี้ย” (อย่างกับหนอน) เต็มไปหมด ในความเป็นจริง สหรัฐอเมริกามีคนเร่ร่อนอยู่ทั่วประเทศ 553,000 คน และขณะนี้มีแนวโน้มลดลง สหรัฐอเมริกามีประชากรทั้งหมด 332 ล้านคน แสดงว่าประชากรอเมริกัน 0.17% เป็นคนเร่ร่อน หรือประชากร 1,000 คน เป็นคนเร่ร่อน 17 คนนั่นเอง

            ในขณะเดียวกัน ในประเทศจีน มีคนเร่ร่อนประมาณ 3 ล้านคน แต่จีนมีประชากรมากที่สุดในโลกถึง 1,412 ล้านคน หรือสัดส่วนของประชากรคนเร่ร่อนคือ 0.21% หรืออีกนัยหนึ่ง ในจำนวนประชากร 1,000 คน จะเป็นคนเร่ร่อนถึง 21 คน นี่แสดงว่าในประเทศจีน มีคนเร่ร่อนในสัดส่วนที่มากกว่าในสหรัฐอเมริกาโดยเปรียบเทียบเสียอีก

            อันที่จริง จีนอาจมีจำนวนคนเร่ร่อนมากกว่านี้มาก บางแหล่งข่าวบอกว่ามีนับร้อยล้านคน เพราะมีการย้ายถิ่นจากชนบทเข้ามาทำงานในเมือง อีกส่วนหนึ่ง ผู้ย้ายถิ่นเหล่านี้มีที่อยู่อาศัยในสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แต่อาจไม่ได้ถูกจัดเป็นคนเร่ร่อน ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลก็พยายามจัดหาที่พักชั่วคราวให้คนเร่ร่อนอยู่ จึงทำให้เห็นภาพคนเร่ร่อนตามท้องถนนไม่มากนัก

            ส่วนในสหรัฐอเมริกา ประชาชนมีอิสระเสรีตั้งแต่สมัยฮิปปี้หรือบุปผาชน ย้ายถิ่นเร่ร่อนไปเรื่อย โดยเฉพาะมาปักหลักในเมืองใหญ่ เราจึงเห็นการชุมนุมของคนเร่ร่อนในมหานครขนาดใหญ่ เช่น ลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก หรืออื่นๆ แต่ในเมืองขนาดเล็กๆ คงแทบไม่พบคนเร่ร่อนโดยเฉพาะที่มารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ กรณีนี้ก็คล้ายขอทานในอินเดีย ซึ่งมักมีในมหานครใหญ่ ไม่ใช่ในเมืองเล็กๆ

 

 

            2. อาชญากรรมต่อคนเอเชียมีมากมายเหลือเกิน เช่น มีรายงานข่าวว่าจำนวนเหยื่ออาชญากรรมเรื่องผิวสี เพิ่มขึ้น 567% ซึ่งดูแล้วน่าตกใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วคือเพิ่มขึ้นจาก 9 รายเป็น 60 ราย (https://t.ly/DLYo) ซึ่ง 60 รายนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเหยื่ออาชญากรรมอื่นที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ยิ่งหากดูจากสถิติของตำรวจซานฟรานซิสโกล่าสุด (1 มกราคม – 28 พฤษภาคม 2566) พบว่าสถิติอาชญากรรมลดลง 6.7% จากช่วงเวลาเดียวกัน (https://t.ly/McIv) ดังนั้นก่อนที่จะเชื่อข้อมูลใดๆ เราจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน

            3. บ้านว่าง (Vacant Housing Units หรือ Unoccupied Housing Units) มีการโพทะนากันว่าในสหรัฐอเมริกา มีบ้านว่างอยู่มากถึง 15.053 ล้านหน่วย (https://t.ly/Zmxa) หรือราว 144.287 ล้านหน่วย (https://t.ly/UdGv) หรือราว 10.4% ในขณะที่สถานการณ์บ้างว่างในจีนหนักกว่าด้วยซ้ำไป ตามรายงานข่าวของ South China Morning Post ฉบับวันที่ 14 สิงหาคม 2565 นี้ (https://bit.ly/3QwNYfI) กล่าวว่า ประเทศจีนมี “บ้านว่าง” อยู่ถึง 50 ล้านหน่วย หรือราว 12.1% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดในประเทศจีน (ราว 400 ล้านหน่วย) นี่แสดงว่าในจีนผลิตที่อยู่อาศัยมากมาย (เพื่อการเก็งกำไร) หนักกว่าในสหรัฐอเมริกาเสียอีก

            4. แม้แต่ในเรื่องโควิด-19 สหรัฐอเมริกาเปิดเผยอย่างชัดเจนและแทบทุกประเทศก็พยายามเปิดเผยตัวเลขอย่างโปร่งใส เช่น สหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่านับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีประชากรติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 107,128,863 คน ตายไป 1,165,540 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 334,805,269 คน หรือติดเชื้อในสัดส่วน 32% หรือหนึ่งในสามของประชากรทั้งหมด  ในขณะที่จีนประกาศว่าติดเชื้อเพียง 503,302 คน ตายเพียง 5,272 คน จากจำนวนประชากร 1,448,471,400 คน นี่แสดงว่าผู้นำจีนปกปิดโกหกต่อชาวโลกชัดๆ แล้วจีนจะยังเหลืออะไรให้ชาวโลกเชื่อถือไว้วางใจได้อีก

            5. ประเทศไหนน่าซื้อบ้านอยู่หรือเก็งกำไรบ้าง นักลงทุนเพื่อนบ้านของประเทศไทยนิยมนิยมย้ายไปสหรัฐอเมริกามากน้อยเพียงใด นี่เป็นผลสำรวจที่ทำไว้ก่อนช่วงโควิด-19

ประเทศที่สอบถาม                                 อันดับที่      %   อ้างอิง

ฟิลิปปินส์เลือกสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่            1  16%   https://bit.ly/2Ojdc3G

มาเลเซียเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่           11  2.5%   https://bit.ly/2L3X8Dh

กัมพูชาเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่               5  12%   https://bit.ly/2tn05nX

เวียดนามเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่             1  19%   https://bit.ly/2KtlnHh

อินเดียเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่                1  20%   https://bit.ly/2rewbmJ

อินโดนีเซียเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่           5    6%  http:/ https://bit.ly/2VtrMYh

เมียนมาเลือกสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่              4    5%   http:/ https://bit.ly/2VtrMYh

            จะเห็นได้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีผู้สนใจไปซื้อบ้านอยู่อาศัยหรือเก็งกำไรมากที่สุดแห่งหนึ่ง และแทบไม่มีประเทศใดเลือกซื้อบ้านในประเทศจีนเลย

            6. ยิ่งกว่านั้นถ้าเราไปซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกา เขาให้ต่างชาติซื้อขายขาดในกรณีที่อยู่อาศัยเช่นเดียวกับในประเทศไทย แต่ในจีนผู้ที่จะซื้อห้องชุดได้ ต้องเป็นผู้ที่มีถิ่นพำนักในจีน ซื้อได้แบบเซ้งในระยะเวลา 70 ปีเท่านั้น ถ้าเป็นที่ดินเพื่อประกอบกิจการต่างๆ ก็อาจเป็น 30-50 ปีเท่านั้น ไม่ได้ขายขาดเช่นในนานาอารยประเทศ  ประเทศที่มีกฎเกณฑ์แบบนี้ก็คงหาผู้คิดไปอยู่อาศัยด้วยได้ยาก

            ประเด็นที่พึงพิจารณาก็คือ จีนพยายามอย่างยิ่งยวดในการ discredit สหรัฐอเมริกา และโฆษณาชวนเชื่อว่าจีนดีกว่า นี่เป็นสงครามข่าวสาร แม้ผมจะมีเชื้อสายจีน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงประชาชน จีนจะพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ควรภูมิใจ ไม่ควรให้ร้ายคนอื่น ไม่เช่นนั้นก็จะขาดความน่าเชื่อถือในสายตาชาวโลก  การโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลจีนในลักษณะนี้ กลับจะทำให้เกิดความไม่น่าไว้วางใจแก่รัฐบาลจีนเองในฐานะที่เป็นจักรวรรดินิยมมุ่งขยายอิทธิพล และอาจมุ่งหวังครองโลกหรือครอบงำชาติอื่น ดังเช่นที่จีนเข้าไปครอบงำในกัมพูชา ลาว เมียนมา และประเทศอื่นๆ ในอาฟริกาและโอเชียเนีย ประเทศไทยของเราจึงพึงสังวรและหาทางป้องกันการครอบงำจากจีน

            สิ่งที่รัฐบาลไทยพึงทำได้ก็คือการอาศัยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการครอบงำจากจีน เช่น การห้ามใช้นอมินีในการซื้อที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ใด โดยมีการปราบปรามอย่างจริงจัง และมีมาตรการลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญา อย่างไรก็ตามส่วนราชการในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายรวมทั้งไทยมักมีการทุจริต จึงควรตรวจสอบส่วนราชการอย่างเคร่งครัดเช่นกัน

            เราในฐานะคนไทยควรดูกรณีนี้เป็นตัวอย่าง จะได้ไม่ถูกหลอกลวงจากการโฆษณาชวนเชื่อซ้ำๆ และต้องระวังการเสียเอกราช (ทางเศรษฐกิจ) แก่จีน

 

 

 

 

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 575 คน กำลังออนไลน์