ตีมูลค่าเครื่องบิน ธุรกิจท่องเที่ยว และโควิด-19

รูปภาพของ pornchokchai

            ตั้งแต่เกิดโควิด-19 เป็นต้นมา โลกก็พลิกโฉมไปเป็นอย่างมาก การบินก็ลดหายไปมากครึ่งต่อครึ่ง เครื่องบินหลายลำก็ไม่ได้บินหรือบินน้อยมาก แต่ต้นทุนสูง ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมต่างๆ ก็หดตัวลง  มาถึงวันนี้เราจำเป็นต้องตีราคาเครื่องบินเพื่อการใช้หนี้ ปรับโครงสร้างหนี้กันแล้ว เราจะตีราคาเครื่องบินกันอย่างไร

            ณ วันที่ 15 กันยายน 2563 มีคนตายเพราะโควิด-19 จำนวน 932,961 รายแล้ว แต่ ณ ห้วงเวลาเดียวกัน ก็ยังน้อยกว่าจำนวนคนตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ (956,361 ราย) เพราะเอดส์ (1,190,982 ราย) เพราะแอลกอฮอล์ (1,1771,949 ราย) เพราะบุหรี่ (3,541,664 ราย) และตายเพราะมะเร็ง (5,818,607 ราย) ดังนั้นโควิด-19 จึงไม่นับว่าร้ายแรง ทั้งนี้มีอัตราการตายแล้วรอด 96% แต่โรคอื่นๆ โอกาสรอดคงน้อยมาก <1>

            จากข้อมูลของ Worldometer แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด แต่จำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดลงตามลำดับ จำนวนผู้เสียชีวิตก็ลดลงมา  รวมทั้งในทวีปยุโรป แม้บางประเทศจะมีการ “ระบาดรอบ 2” แต่ในรอบ 2 นี้ แม้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่ารอบแรกมาก  ที่น่าห่วงคือประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดียที่มีพรมแดนติดกับเมียนมาและน่าจะแพร่เชื้อเข้าไทย อย่างไรก็ตามสัดส่วนผู้เสียชีวิตในอินเดียมีเพียง 2% เท่านั้น

            ผลจากการสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญเกือบ 200 คนใน 33 ประเทศทั่วโลกของสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI-Thai) พบว่าโควิด-19 จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ลดลง 10.4% จากภาวะปกติ  โดยภาคที่จะลดลงสูงสุดก็คือ โรงแรม (22.3%) รีสอร์ต (19.8%) ศูนย์การค้า (17.8%) และพื้นที่สำนักงานให้เช่า (16%) และคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวในปี 2565 หรืออีกราว 2 ปีข้างหน้า <2> แสดงว่าในเร็ววันนี้ ตลาดยังไม่ฟื้นอย่างแน่นอน

            โควิด-19 ทำให้การเดินทางต่างๆ มีอุปสรรค มีข้อมูลว่าผู้โดยสารการบินในปี 2563 แทนที่จะโตกว่าปี 2562 ราว 4%  ก็กลับลดลงเหลือเพียง 48% หายไป 52% และในปี 2564 ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าปี 2563 ถึง 50% แต่ถ้าเทียบกับปี 2562 ก็ยังเป็นเพียงแค่ 74% เท่านั้น <3> ดังนั้นเครื่องบินจึงบินน้อยลง  เครื่องบินที่ใช้ต่ำกว่าเกณฑ์ (Under Use) อย่างนี้จะมีค่าเท่าไหร่

            ณ เดือนกันยายน 2563 ปรากฏว่ามีสายการบินประมาณ 25 แห่งล้มละลาย และมีอีก 70-80 สายการบินใหญ่น้อยที่ปรับลดการทำงานลง <4>  สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ตัดการบินลงถึง 96% รัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเข้าไปถึง 435,670 ล้านบาท  แม้แต่ยูไนเต็ตแอร์ไลน์และสายการบินดังๆ ก็ต่างปรับลดเที่ยวบินลงประมาณ 50%  ราคาหุ้นของสายการบินทั้งหลายตกต่ำระเนระนาดไปหมด  กัปตันเครื่องบินและผู้ให้บริการบนเครื่องบินซึ่งเป็นอาชีพยอดนิยมของคนหนุ่มสาวมาอย่างยาวนานกลับกลายเป็นอาชีพที่เปราะบางมากในขณะนี้

            ดังนั้นเครื่องบิน ซึ่งแต่เดิมคือเครื่องมือทำมาหากินจึงกลับกลายเป็นภาระ จะต้องทำการขายออกไปบ้าง  แต่ในลักษณะนี้ ก็คงหาผู้ซื้อได้ยาก ยกเว้นที่จะมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้น ซึ่งทอดสายตาไปแล้ว  สายการบินใหญ่ๆ ต่างก็ย่ำแย่ไปหมด  และถึงแม้ไม่ได้ขาย แต่ในระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ สถาบันการเงินทั้งหลายก็ต้องการรู้เหมือนกันว่าสินทรัพย์ในฐานะหลักประกันคือตัวเครื่องบินเหล่านี้จะมีมูลค่าเท่าไหร่ และจะคุ้มกับการอำนวยสินเชื่อมากน้อยแค่ไหน ต้องกันสำรองหนี้สินเพิ่มขึ้นหรือไม่ เป็นต้น

            การเดินทาง-ท่องเที่ยวด้วยการโดยสารเครื่องบินกลับซบเซาลงจากมาตรการจำกัดการเดินทาง ปิดประเทศ ปิดน่านฟ้า จำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงที่จำกัด  สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เปิดเผยว่าการเดินทางทางอากาศทั่วโลกจะฟื้นตัวสู่ระดับที่เทียบเท่ากับในช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 แพร่ระบาดได้ในปี 2567 จำนวนผู้โดยสารเครื่องบินทั่วโลกมีแนวโน้มหดตัวลง 55% ในปี 2563 เพิ่มขึ้นจากที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 46% <5>

            เครื่องบินโดยสารจำนวนมากต้องจอดอยู่ตามสนามบินเป็นจำนวนมาก อย่างไม่มีกำหนดที่จะนำกลับมาบินใหม่ซี่งอาจจะกินเวลานานนับปีที่จะนำกลับมาบิน โดยเฉพาะเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่มี 4 เครื่องยนต์ (เช่นเครื่องบินของการบินไทยที่เคยใช้บินข้ามทวีปไปถึงนิวยอร์กและลอสแองเจลิส เป็นต้น) เนื่องจากไม่คุ้มกับต้นทุนที่ต้องจ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่รับ

            สายการบินได้เครื่องบินมาจากการเช่า แต่ส่วนมากขอสินเชื่อซื้อเครื่องบินโดยสารจากทางสถาบันการเงิน รวมไปถึงการบันทึกบัญชีทรัพย์สิน ต้องมีการประเมินมูลค่าเครื่องบิน ซึ่งเป็นหลักประกัน  เครื่องบินที่ยังใช้บินอยู่ หรือมีการบำรุงรักษาตามรอบอย่างเคร่งครัด (โดยดูจากเอกสารประกอบการซ่อมบำรุง) คงประเมินได้ไม่ยากนัก เพราะมีสภาพที่ “(เกือบ) พร้อมใช้” แต่เครื่องบินที่ “จอดตาย” หรือจอดซ่อมเป็นเวลายาวนาน อาจเป็นเรื่องยากที่จะประเมินค่าทรัพย์สินได้  ต้องใช้คณะผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน (เกือบ 10 คน) มาทดสอบเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ซึ่งในกรณีอย่างนี้ค่าประเมินลำหนึ่งก็ตกเป็นเงินนับสิบล้านบาท ใช้เวลาประเมินนับเดือนๆ เลยทีเดียว  แต่ก็คุ้มที่จะตรวจสอบในรายละเอียดเพราะเครื่องบินลำหนึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านบาท

            อย่างไรก็ตามในกรณีเครื่องบินที่ยังใช้งานกันอยู่ทั่วไปที่ไม่ต้องตรวจสอบเครื่องยนต์กลไกต่างๆ อย่างละเอียดเช่นเครื่องบินที่หยุดใช้งานไปแล้ว  เราก็สามารถหาข้อมูลเปรียบเทียบตลาดได้จากฐานข้อมูลระหว่างประเทศ ที่สามารถซื้อหรือหาได้ทั่วไป ทำการวิเคราะห์ด้วยการสร้างแบบจำลองทางสถิติตามรุ่น อายุ การใช้งาน ฯลฯ ได้  นอกจากนี้เรายังต้องตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งการจดทะเบียนและใบอนุญาตต่างๆ รวมถึงเจ้าของ สายการบินผู้ใช้งาน ยี่ห้อ รุ่น  ใบทะเบียน ใบอนุญาตบิน ตัวเครื่องบิน เครื่องยนต์ ฐานล้อ อายุใช้งาน อายุคงเหลือ ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นเครื่องยนต์ยังสามารถถอดไปใช้ในเครื่องลำอื่นอีกก็ได้

            วิธีการประเมินค่าทรัพย์สินก็เป็นไปตามหลักสากล คือ วิธีการต้นทุนโดยหักค่าเสื่อม  วิธีการเปรียบเทียบตลาด และวิธีการแปลงรายได้เป็นมูลค่านั่นเอง  สิ่งที่พึงพิจารณาในที่นี้ก็คือ

            1. เราต้องเรียกหาใบรับรองการตรวจสภาพของเครื่องบินจากผู้เชี่ยวชาญ คล้ายการตรวจสภาพบ้านจากผู้เชี่ยวชาย (House Inspector) เป็นต้น

            2. ในโลกนี้มีฐานข้อมูลการซื้อขายเครื่องบินทุกประเภทเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเราสามารถประเมินด้วยวิธีการเปรียบเทียบตลาดได้อย่างมั่นใจ  อย่างไรก็ตามข้อมูลพวกนี้ต้องซื้อ และซื้อในราคาสูงเพื่อใช้ในการประเมินค่าทรัพย์สิน

            3. เราต้องศึกษาสถานการณ์โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้กระแสรายได้คงจะสะดุดไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้มูลค่าของทรัพย์สินที่ประเมินได้ต่ำกว่าเมื่อปลายปี 2562 เช่น ราคาในปี 2562 อาจเป็นเงิน 100 ในขณะนี้อาจไม่สามารถสร้างรายได้เป็นระยะเวลา 3 ปี (ถึงปี 2566) เป็นอัตราผลตอบแทนที่ 8% ดังนั้นมูลค่าที่ประเมินได้อาจลดลงไปประมาณ 21% (1/1.08^3) เป็นต้น

            อย่างไรก็ตามเชื่อว่าธุรกิจการบิน โรงแรม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน  หากใครสามารถซื้อเครื่องบินหรือโรงแรมได้ในราคาถูก ในอนาคตก็ย่อมกำไรอย่างแน่นอน

63-577.jpg

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/893846

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 547 คน กำลังออนไลน์