“หน้างอ คอหัก” ยอดปลาทูเมืองแม่กลอง

รูปภาพของ ssspoonsak

“หน้างอ คอหัก” ยอดปลาทูเมืองแม่กลอง

 

หน้างอ คอหัก เอกลักษณ์อันโดดเด่นของปลาทูแม่กลอง

“สิ้นแสงดาวดุเหว่าเร่าร้อง จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง พี่จำจากน้องคนงาม แว่วหวูดรถไฟพี่แสนอาลัยสมุทรสงคราม ยังละเมอเพ้อพร่ำคิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง...”

ลาสาวแม่กลอง : พนม นพพร

สมุทรสงครามหรือเมืองแม่กลอง ไม่เพียงมีสาวงามแล้ว เมืองนี้ยังมีของดีชวนชมชวนกินอีกเพียบ ดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม”

นอกจากของดีตามคำขวัญจังหวัดแล้ว สมุทรสงครามยังมี “ปลาทูแม่กลอง” เป็นอีกหนึ่งของดีอันเลื่องชื่อ ซึ่งในทุกๆวันที่ท่าเรือหน้าวัดปทุมคณาวาส ที่เป็นท่าขึ้นปลาทูขนาดใหญ่ จะเต็มไปด้วยบรรยากาศของพ่อค้า แม่ค้า และชาวประมง มาทำการซื้อขายปลาทูกันอย่างคึกคัก เพื่อที่จะนำไปนึ่งแล้วขายเป็นปลาทูนึ่งใส่เข่ง ก่อนที่จะมีคนมาเดินเลือกซื้อปลาทูกับไปทำเมนูอันโอชะอีกต่อหนึ่ง

 

เมืองแม่กลอง แหล่งปลาทูชั้นยอด

พูดถึงปลาทู ชาวประมงจะปลาทูเป็น 2 ชนิด คือ ปลาสั้น และปลายาว

ปลาสั้น หรือปลาทูแม่กลอง จะที่มีลักษณะหน้าเป็นสามเหลี่ยม ตัวสั้น แบน เนื้อเยอะ เนื้อนิ่มเวลากดลงไปที่ตัวปลาแล้ว เนื้อปลาจะกลับคืนสภาพเดิมไม่บุ๋มลงไปเป็นลอยแรงกด ปลาสั้นจะมีลำตัวเงิน หรือ อมเขียว ตาดำ


ก่อนนำบรรจุเข่ง ปลาทูแม่กลองจะหักคอก่อนทุกครั้ง

ส่วนปลายาว จะมีชื่อเรียกกันหลายชื่อ เช่น ปลารัง ปลายาว ปลาอินโด ซึ่งก็เป็นปลาชนิดเดียวกันทั้งหมด ลักษณะของปลายาว ตัวจะใหญ่และยาวกว่าปลาทูแม่กลองนี่เป็นข้อสังเกตง่ายๆ ที่จะเลือกซื้อปลา

เมื่อรู้จักลักษณะคร่าวๆของปลากันแล้ว ที่นี้ลองมาดูว่าเหตุใดปลาทูแม่กลอง หรือปลาสั้นจึงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากในปากอ่าวสมุทรสงคราม

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ปลาทูเป็นปลาทะเลที่หากินและเจริญเติบโตในบริเวณน้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง และมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงในน้ำลึกไม่เกิน 30 เมตร พบชุกชุมมากเป็นพิเศษในบริเวณที่มีแม่น้ำไหลลงสู่ทะเล เช่นบริเวณก้นอ่าวไทย เพราะบริเวณดังกล่าวอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ และแพลงตอนที่เป็นอาหารสำคัญของปลาทู ซึ่งจังหวัดสมุทรสงครามมีชัยภูมิที่ถือว่าเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและหากินของปลาทู

และด้วยความที่พื้นที่ชายฝั่งสมุทรครามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ และแหล่งอาหาร ปลาทูของเมืองนี้จึงมีรสอร่อยกว่าที่ไหนๆ เพราะมีเนื้อแน่น มัน ซึ่งคนกินปลาทูรุ่นเก่าต่างยกให้ปลาทูแม่กลองเป็นราชาแห่งปลาทู ที่สามารถนำไปทำอาหารได้สารพัดอย่าง

กว่าจะได้มาซึ่งความอร่อยของปลาทูแม่กลอง

กว่า 30 ปีมาแล้ว ที่ปลาทูได้ชื่อว่าเป็นปลาที่จับได้มากที่สุดในท้องทะเลไทย สำหรับคนเมืองแม่กลองนั้นเขามีวิธีการจับปลาทูที่น่าสนใจยิ่งนัก นั่นก็คือการจับปลาโดยวิธีละมุนละม่อม ค่อยๆต้อน ค่อยๆจับ ก่อนที่จะปล่อยให้ค่อยๆตาย เพราะจะทำให้เนื้อปลาทูจะคงความสด มัน เมื่อกินแล้วอร่อยยิ่งนัก

สำหรับวิธีการจับปลาให้ตายโดยละม่อม ชาวประมงจะใช้ “โป๊ะ” เครื่องมือหาปลาพื้นบ้านเป็นอุปกรณ์สำคัญในการจับปลาทู


สมุทรสงครามมีปลาทูมากมายเพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และอาหารของปลาทู 

โป๊ะ (พื้นบ้าน) มีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลขนาดย่อม ทำจากไม้ไผ่ล้อมให้เป็นวงกลม เปิดช่องเป็นทางสำหรับให้ปลาทูผ่านเข้าไปได้ ตั้งอยู่กับที่ รอให้ปลาว่ายเข้ามาหาเอง ด้วยเครื่องจับปลาชนิดนี้ ปลาทูที่จับได้มาจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ปลาโป๊ะ”

ในอดีตเมืองแม่กลองถือว่ารุ่งเรืองเรื่อง “โป๊ะปลาทู” มาก โดยมีโป๊ะมากถึงราวๆ 100 โป๊ะ แต่ว่าเมื่อวันเวลาผันผ่าน กาลเวลาเปลี่ยนแปลง โป๊ะปลาทูก็ค่อยๆลดจำนวนลงเรื่อยๆจนในปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่โป๊ะ และในไม่กี่พื้นที่เท่านั้นที่ ยังคงใช้เครื่องมือชนิดนี้ในการจับปลาทู

สำหรับปลาทูที่ได้จากการจับด้วยโป๊ะจะมีความแตกต่างกับปลาทูที่จับด้วยเครื่องมือชนิดอื่นๆ เพราะปลาที่ได้จากโป๊ะจะมีความสดมากกว่า ทำให้กินอร่อยกว่า

ด้านจงศักดิ์ ที่ทำอาชีพจับปลามากว่า 20 ปี พูดถึงปลาทูเมืองแม่กลองว่า ปลาส่วนใหญ่ที่ได้มาตอนนี้จะเป็นปลาอวนติด ซึ่งก็คือปลาทูเหมือนกัน แต่มีวิธีการจับที่แตกต่างกัน วิธีการจับโดย “อวนติด” นี้ ก็คือการนำอวนลงไปล้อมปลาแล้วจึงช้อนมาบนเรือ เหตุที่ใช้วิธีนี้ก็เพราะปัจจุบันหาโป๊ะเครื่องมือในการจับปลาสมัยก่อนได้ยาก เพราะว่าปลามีจำนวนน้อยลง ทำให้บรรดาเจ้าของโป๊ะต้องเลิกราไป


วันไหนโชคดีจะจับปลาทูได้มากมาย  

“สมัยก่อนเมื่อครั้งทะเลยังมีความอุดมสมบูรณ์จะมีปลามาอาศัยอยู่กันอย่างชุกชุม และมีเยอะมากกว่าถึง 30 – 40% เมื่อเทียบกับปัจจุบัน พวกเราจะออกหาปลากันทุกวันโดยออกตั้งแต่ช่วงเย็นและกลับนำมาปลามาขึ้นที่ท่าเรือในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น ที่มีอยู่ 2 ท่า คือ ท่าหน้าวัดปทุมและท่าหน้าวัดศรัทธาธรรม เพื่อให้บรรดาแม่ค้าปลามาเลือกซื้อกัน ซึ่งแต่ละครั้งที่ออกไปจับจะได้มากได้น้อยก็ขึ้นอยู่ว่าวันนั้นปลาจะมาติดอวน

“อย่างวันนี้ก็ได้มาประมาณ 200 – 300 กิโลกรัม แต่บางวันก็ได้เป็น 1,000 กิโลกรัมเหมือนกัน บางครั้งออกไปเสียเที่ยว เพราะไม่มีปลามาติดอวนก็มี”จงศักดิ์เล่า

ส่วนชัยพล โลหมาตร พ่อค้าขายส่งปลาทูแห่งท่าวัดปทุมฯ เล่าว่า ในแต่ละวันจะมีเรือมาเทียบท่าที่หน้าวัด เพื่อนำปลามาขึ้นที่ท่า ได้ปลามาเท่าไหร่ก็จะรับไว้หมด เพื่อนำมาขายส่งให้กับพ่อค้า แม่ค้าปลาอีกที โดยคิดเปอร์เซ็นกับเจ้าของเรือที่ออกไปจับปลา ซึ่งถ้าบางวันโชคดีออกเรือไปแล้วเจอแหล่งที่ปลาอยู่กันอย่างชุกชุมก็จะได้มาเกือบ 1,000 กิโลกรัม ส่วนวันไหนโชคไม่เข้าข้างไม่ค่อยเจอปลาก็จะได้น้อย


สด ใหม่ เนื้อแน่น มัน สัญลักษณ์อันโดดเด่นของปลาทูแม่กลอง 

“ปลาทูที่ได้มานั้นจะเป็นปลาทูโป๊ะพื้นเมืองของเมืองแม่กลอง จากแต่ก่อนเป็นปลาที่ได้จากโป๊ะ แต่ปัจจุบันปลาที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาอวนติด แต่ก็เป็นปลาทูพื้นเมืองเหมือนกัน ชนิดเดียว จะแตกต่างตรงเครื่องมือในการจับเท่านั้นเอง” ชัยพลอธิบาย

ชัยพล เล่าเพิ่มเติมว่า ช่วงที่มีปลาทูแม่กลองชุกชุมมากในอ่าวไทยก็คือช่วงเดือนมิถุนายน – เดือนมกราคม เป็นช่วงที่มีปลาชุกชุมมาก ส่วนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปจะเป็นช่วงที่อ่าวปิด ไม่สามารถที่จะออกไปหาปลาได้ เรือที่ออกหาปลาก็จะต้องไปจับปลาจากทางใต้ แถวๆ จังหวัดประจวบฯ ชุมพร สตูล ซึ่งก็ได้ปลาทูเหมือนกัน แต่รสชาติจะอร่อยสู้ปลาทูแม่กลองไม่ได้


ปลาทูแม่กลอง สด ใหม่ ขายกันวันต่อวัน

“ปัจจุบันนี้ปลาทูมีจำนวนลดลงกว่าแต่ก่อนมาก เพราะถูกก่อกวนจากพวกเรืออวนลาก ซึ่งจะมาทำลายแหล่งอาหารและแหล่งวางไข่ของปลาทู ทำให้ปลาทูนั้นไม่มีอาหารและแหล่งวางไข่ เป็นสาเหตุให้ปลาทูหายไปจากอ่าวไทยเป็นจำนวนมาก”

ชัยพลแสดงความเป็นห่วงต่ออนาคตของปลาทูแม่กลอง พร้อมๆกับพูดถึงราคาน้ำมันที่แพงขึ้นก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาของปลาทูแม่กลอง

ปลาทูแม่กลองสดใหม่ทุกวัน

เหตุที่ทำให้ปลาทูแม่กลองมีความสด ใหม่อยู่ทุกวัน ก็เพราะว่าเมื่อเรือเดินทางออกสู่ทะเลในช่วงเย็น ก็จะออกไปทำการกวาดต้อนจับเหล่าบรรดาปลาทูน้อยใหญ่ ซึ่งปลาที่ถูกจับขึ้นมานั้นจะถูกแช่น้ำแข็งที่ใต้ท้องเรือ และเมื่อได้ปลาทูตามปริมาณที่กำหนดไว้ ก็จะนำเรือเข้าเทียบท่าในเวลาช่วงเช้า โดยจะไม่มีการเก็บปลาไว้ค้างคืน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปลาทูแม่กลองมีความสด ใหม่ และกินอร่อยกว่าที่อื่น เพราะว่าปลาทูที่อื่นจะถูกแช่เย็นค้างคืนมาก่อน ทำให้ปลานั้นไม่มีความสด แต่ในหลายๆครั้งก็มีพ่อค้า แม่ค้าหัวใสบางคนนำปลาทูจากที่อื่นมาหลอกเป็นปลาทูแม่กลอง ประหนึ่งการย้อมปลาทูขาย ซึ่งผู้ซื้อจะต้องพิจารณาให้ดี

ลักษณ์ แม่ค้าขายปลาทูนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ช่วงประมาณ 7 โมงเช้า เรือที่ออกไปหาปลาจะทยอยมาเทียบท่าที่หน้าวัด แล้วก็จะมีแม่ค้ามารับอีกที เพื่อนำไปทำเป็นปลาทูนึ่ง ส่งขายเป็นเข่งอีกทีหนึ่ง

“ปลาทูที่มาขึ้นที่นี่จะมีความสดมากเพราะว่าเป็นปลาที่นำมาจากทะเลวันต่อวัน” แม่ค้าปลาทูลักษณ์เล่า

ด้านป้าทองอยู่ หะรินสวัสดิ์ หรือ ป้าอยู่ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการนึ่งปลาทูขายจากครอบครัวมายาวนานหลายสิบปี ได้เล่าว่า ทุกๆวันจะไปรับปลาจากหน้าวัดปทุมฯมานึ่งเอง เพื่อทำส่งให้กับพ่อค้า แม่ค้า โดยเริ่มจะนึ่งปลากันตั้งแต่ตี 3 พอถึง 6 โมง – 7 โมงเช้า ก็จะเลิกนึ่ง

“ปลาทูแม่กลองจะมีเนื้อที่อร่อยกว่าที่อื่น เพราะที่แม่กลองจะเป็นดินโคลน อาหารจะดีกว่าที่ที่เป็นดินทราย และในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่มีปลาเยอะกว่าช่วงอื่น” ป้าทองอยู่เล่า

กว่าจะมาเป็น “ปลานึ่ง”

ใครหลายคนคงเข้าใจว่าที่เรียกว่า “ปลาทูนึ่ง” คงจะนำปลาไปนึ่ง แต่จริงๆแล้ว ปลาทูนึ่งไม่ใช่เป็นการนำปลาไปนึ่ง แต่จะนำปลาที่ได้มาต้ม แต่ที่เรียกว่าปลานึ่งนั้น เพราะว่าเป็นคำที่คนโบราณใช้เรียกกัน ก็เลยเรียกต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน


ชัยพล โลหมาตร พ่อค้าขายส่งปลาทู

เต๊า เข่งใส่ปลาทูเพื่อนำไปต้ม

สำหรับวิธีการทำปลาทูนึ่ง ป้าทองอยู่ ได้ทำการต้มปลาให้ดู โดยเริ่มจากการนำปลาทูที่ได้มาควักไส้ออก ล้างให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า แล้วนำปลาทูวางลงเข่ง ถ้าตัวใหญ่หน่อยก็จะใส่เข่งละ 2 ตัว แต่ถ้าตัวเล็กหน่อย ก็จะใส่เข่งละ 3 ตัว แล้วแต่ขนาดของปลา ซึ่งก่อนที่จะนำปลาทูลงเข่งนั้น คนทำก็จะหักคอปลาทูให้งอลง เพื่อที่จะอยู่ในเข่งที่อย่างสวยงาม ทำให้ปลาทูแม่กลองดูแตกต่างจากปลาที่อื่น เพราะปลาที่มาจากที่อื่นเขาจะไม่หักคอปลา แต่จะวางลงไปในเข่งเลยเมื่อมองดูแล้วจะไม่เป็นระเบียบ และบางครั้งปลาอาจทำให้ปลาร่วงหล่นจากเข่งได้ ซึ่งก็ทำให้ลักษณะ “หน้างอ คอหัก” กลายเป็นเอกลักษณ์ของปลาทูแม่กลองไปโดยปริยาย

ครั้นพอนำปลาลงเข่งเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำเข่งปลามาเรียงลง “เต๊า” ที่เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นโครงเหล็กทรงกลม ที่ใช้เรียงเข่งปลา เพื่อนำลงไปต้ม โดย 1 เต๊า จะใส่เข่งปลาทูได้ประมาณ 70 – 80 เข่ง

หลังจากนั้นไปต้มให้หม้อขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนเตาที่ก่อขึ้นด้วยปูน ถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างแท้จริง โดยต้มปลาอยู่ประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำปลาขึ้นมา เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการทำปลาทูนึ่ง พร้อมที่ส่งขายให้กับพ่อค้า แม่ค้า

ด้านป้าชุม แม่ค้าขายปลาทูอีกหนึ่งคนที่ขายอยู่ในตลาดสด ที่นึ่งปลาขายมากว่า 30 ปี เล่าว่า จะมีปลาอยู่ 2 ชนิดที่รับมาขาย ชนิดแรก ก็จะเป็นปลาทูแม่กลอง ส่วนอีกชนิดหนึ่งก็จะเป็นปลาที่มาจากทางใต้ ที่มาจากชุมพร สตูล ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างจากปลาแม่กลอง สังเกตง่ายๆ ก็คือ ปลาที่มาจากทางใต้จะตัวใหญ่กว่าปลาทูแม่กลอง เนื้อจะแข็งกว่า และรสชาติก็จะอร่อยสู้ปลาทูแม่กลองไม่ได้ เพราะเป็นปลาน้ำลึก ส่วนปลาทูแม่กลองเป็นปลาน้ำตื้น มีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์มากกว่า จึงกินอร่อยกว่า

ปลาทูต้มในเต๊าควันขโมง

“เมื่อได้ปลามาจะคัดปลาเป็นขนาดต่างๆ ราคาก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย วันหนึ่งก็จะรับมาขายประมาณ 300 – 400 เข่ง ซึ่งก็ขายหมดทุกวัน” ป้าชุมเล่า

ในขณะที่ เจ๊สาลี่ อีกหนึ่งแม่ค้าที่ขายปลาทูในตลาดสดเมืองแม่กลอง ที่ขายปลาทูมา 5 – 6 ปี เล่าว่า ได้รับปลามาขายอีกต่อหนึ่ง โดยรับมาเข่งละ 8 บาท ขายเข่งละ 10 บาท วันหนึ่งๆรับปลามาขายวันละประมาณ 200 – 300 เข่ง ขายหมดแทบทุกวัน

“ปลาทูแม่กลองเป็นปลาทูที่มีรสชาติอร่อยที่สุด รสชาติจะมัน และเนื้อจะเยอะ เมื่อเทียบกับปลาบางชนิดแล้ว ทั้งเนื้อและรสชาติเทียบกันไม่ติดเลย ถือเป็นของดีอีกอย่างหนึ่งของเมืองแม่กลอง ที่ใครได้มากินแล้วมักจะติดใจ ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากกันเป็นประจำ”เจ๊สาลี่เล่าถึงความอร่อยของปลาทูแม่กลอง

เมื่อปลาทูแม่กลอง เป็นราชาแห่งปลาทูและเป็นหนึ่งในของดีเมืองแม่กลอง ทางจังหวัดสมุทรสงครามจึงได้จัดงาน “เทศกาลกินปลาทู” ขึ้นทุกๆปี ในช่วงเดือนธันวาคม เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ปลาทูแม่กลองเป็นที่รู้จักมากขึ้น ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม โดยไฮไลท์ของงานก็คงจะหนีไม่พ้นยอดปลาทูเมืองแม่กลองที่น่าลิ้มลองในรสชาติเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปลาทู

วิธีการเลือกปลาทูนึ่ง

ปลาทูที่นึ่งใหม่ๆ จะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ตัวอวบอ้วน เนื้อนุ่มแน่นและไม่เละยุ่ย ท้องและผิวไม่ถลอก ถ้าขอบตาแดง ผิวเหลือง แสดงว่าเป็นปลาที่มีคุณภาพไม่ดี เป็นปลาที่ได้จากอวนลาก จึงต้องมีการใช้น้ำยาเคมีรักษาสภาพของปลา ความอร่อยของปลาทูนึ่งยังขึ้นอยู่กับปลาทูที่สดที่นำมาต้มด้วย ถ้าใช้ปลาทูไม่สด ไม่ใช่ปลาทูโป๊ะ จะไม่อร่อยเท่าปลาทูแม่กลองที่เวลานึ่ง คนทำจะหักคอก่อนใส่เข่ง เพื่อให้พอดีกับขนาดของเข่ง เรียกกันว่า “ปลาหน้างอคอหัก”

       วิธีเลือกปลาทูสด

ปลาทูสดลูกตาจะนูน ตาดำมีสีสดใส ส่วนหลังของลำตัวจะมีสีเขียวเป็นพื้น ส่วนท้องจะมีสีขาว หรือสีเงิน หางปลายังมีสีเหลือง ตามลำตัวมีเมือกลื่นๆ เหงือกมีสีแดงออกชมพู ปลาไม่มีกลิ่น เนื้อแน่น เมื่อใช้นิ้วกดที่กลางลำตัวแล้วปล่อยนิ้วออก รอยยุบจะกลับคืนสภาพเดิมได้หมดหรือเกือบหมด

ส่วนปลาทูที่ไม่สดลูกตาจะยุบ ตาดำจะขุ่น บริเวณลูกตาอาจมีเลือดคลั่ง สีพื้นของลำตัวซีด เหงือกมีสีแดงซีด ปลามีกลิ่นคาวหรือคาวจัด ลำตัวอ่อนเหลวและไม่มีเมือกจับ

ซื้อปลาแบบไหนถึงจะอร่อย

หลังจากที่ชาวประมงจับปลาทูขึ้นมาได้ราว 5 – 10 นาที ปลาก็จะตาย ปลาทูที่ตายใหม่ๆ นี้ถ้ารีบนำไปประกอบอาหารไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด เนื้อจะนุ่มหวานอร่อย กลิ่นหอม ถ้านำไปต้ม มันปลาทูสีเหลืองจะลอยฟ่องขึ้นหม้อ แค่เห็นก็อร่อยแล้ว

แต่ปลาทูสดที่เห็นขายกันอยู่ตามตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นไม่ใช่ปลาทูสด 100% เป็นปลาทูที่ต้องผ่านหลายกระบวนการกว่าจะมาวางขายตามท้องตลาด ความสดของปลาก็ลดลงเหลือ 60 – 80% ยิ่งถ้าเป็นปลาทูที่ขายตามจังหวัดที่ห่างไกลทะเลแล้ว อาจเก็บมาเป็นอาทิตย์ก็ได้

อนึ่งปลาทูจะมีความสดมากหรือน้อยนั้นจะทราบได้ก็ต่อเมื่อมีการดมกลิ่นชิมรสเนื้อปลา ซึ่งถือว่าปลาที่มีความสดมากนั้น จะมีกลิ่นหอมของเนื้อปลาชวนรับประทาน รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มไม่กระด้างไม่เปื่อยยุ่ย โดยเฉพาะปลาทูที่จับได้ที่ก้นอ่าวไทยตามทะเลที่พื้นดินเป็นเลน เนื้อจะอร่อยกว่าปลาทูที่จับได้ตามทะเลที่เป็นพื้นทราย

สารพัดความอร่อย หลากหลายเมนูจากปลาทู

ถ้าหากจะเอ่ยถึงอาหารไทยที่ถือว่าเป็นหนึ่งเมนูเด็ดที่คนไทยลืมไม่ได้ น่าจะเป็น “น้ำพริกกะปิกับปลาทูทอด” ที่เป็นเมนูที่มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ เป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติของไทยเลยก็ว่าได้

สำหรับปลาทูที่จะนำมากินคู่กับน้ำพริกกะปิให้มีความอร่อยเด็กดวง ก็คงจะหนีไม่พ้น “ปลาทูโป๊ะ” หรือ “ปลาทูนึ่ง” เมืองแม่กลอง

นอกจากนี้อาหารที่ทำจากปลาทู ก็มีหลากหลายเมนูให้เลือก ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูสำหรับคนที่ชองกินปลาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกปลาทู ปลาทูทอด ปลาทูต้มยำ ปลาทูต้มส้ม ปลาทูฉู่ฉี่ ปลาทูผัดฉ่า ปลาทูนึ่ง ปลาทูต้มมะดัน ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู ปลาทูแดดเดียว ปลาทูราดพริกแกง ฯลฯ ซึ่งปลาทูถือเป็นอาหารไทยราคาเยาที่รสชาติยอดเยี่ยมไม่เป็นรองใคร

สร้างโดย: 
http://www.blogth.com/blog/Colum/Travel/1202.html

ถ้าไปซื้อโดยตรงที่พ่อค้าขายส่งเลย ท่าทางจะได้ราคาถูกน่าดู

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 697 คน กำลังออนไลน์