สุนัขพันธุ์ชิสุห์
หลักปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับการให้อาหารแก่ลูกสุนัข
ลูกสุนัขที่เกิดใหม่ ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเรื่องของอาหารการกิน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดื่มน้ำนมจากแม่ไปก่อนในช่วงแรก ๆ และเราผู้เป็นเจ้าของควรได้มีโอกาสดูแลเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกสุนัขที่เกิดออกมามีชีวิตรอด และสมบูรณ์ปลอดภัย จะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด ลูกสุนัขที่อยู่ในระหว่างกินนมแม่และหลังหย่านมใหม่ ๆ เป็นช่วงที่ลูกสุนัขต้องการโปรตีนสูงมาก อายุจากแรกเกิดถึง 1 เดือน โปรตีนได้จากน้ำนมแม่ แต่หลังจาก 1 เดือนไปแล้ว แม่สุนัขจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดขู่คำราม เมื่อลูกของมันจะกินนม ช่วงนี้เราจะต้องให้ลูกสุนัขได้อาหารจากจานใส่อาหารแทน กล่าวคือ หลังจากที่ลูกสุนัขได้คลอดออกมาสู่โลกภายนอกใหม่ ๆ จะยังไม่ลืมตา แต่จะใช้จมูกนำทางและตะเกียกตะกายหาเต้านมดูดเอง ดังนั้นเพื่อให้ลูกสุนัขได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่เร็วขึ้น ควรช่วยจับลูกสุนัขใส่เต้านมแม่ ต่อไปลูกสุนัขจะหาเต้านมกินได้เอง จากระยะนี้ต่อไปผู้เลี้ยงเพียงแต่คอยระวังอย่าให้แม่สุนัขทับลูก และคอยดูแลให้ลูกสุนัขที่อ่อนแอได้มีโอกาสกินน้ำนมแม่อิ่มเท่านั้น เพราะลูกสุนขที่แข็งแรงกว่ามากจะแย่งเต้านมและดูดกินหมดก่อนเสมอ
สำหรับลูกสุนัขที่มีขนาดครอกใหญ่คือ มีจำนวนมากเกินไป น้ำนมแม่มีไม่พอให้กิน ควรเพิ่มน้ำนมโคให้กินทดแทน เพื่อป้องกันไม่ให้แม่สุนัขมีสุขภาพทรุดโทรมลงมาก โดยให้กินน้ำนมโคทดแทนเมื่อลูกสุนัขมีอายุได้ 3 สัปดาห์ วิธีหัดให้ลูกสุนัขกินน้ำนมนี้ก็โดยใส่น้ำนมไว้ในจานปากกว้างและตื้น ๆ แล้วจับลูกสุนัขให้ปากจุ่มลงในน้ำนม ลูกสุนัขจะเลียและกินได้เอง แต่ถ้าแม่สุนขไม่มีน้ำนมหรือเต้านมอักเสบเป็นโรคไม่สามารถให้ลูกกินนมได้ อาจนำลูกไปฝากแม่สุนัขตัวอื่นได้ ควรหย่านมเมื่อลูกสุนัขมีอายุได้ประมาณ 4 - 6 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนขึ้นไปอย่างน้อย การหัดให้ลูกสุนัขหย่านมนี้อาจทำได้โดยการให้อาหารทดแทน ซึ่งผสมได้โดยใช้น้ำนมอุ่น ๆ 1 ถ้วย ผสมกับน้ำหวาน 1 ช้อน และน้ำอุ่น 1 ถ้วย ใส่อาหารผสมนี้ในจานปากกว้างและตื้น ๆ และหัดให้ลูกสุนัขกินโดยจับหัวลูกสุนัขให้ปากจุ่มลงในจานอาหาร ลูกสุนัขจะเลียและเริ่มกินได้เอง ต่อมาก็ให้อาหารอื่น เช่น เนื้อ เนื้อปลา ลูกชิ้น และไข่ เป็นต้น เพิ่มลงไปในอาหารผสมทีละน้อย จนกระทั่งกินอาหารนี้ได้โดยไม่ต้องมีน้ำนม ในระหว่างการหัดให้หย่านมนี้ควรแยกแม่ออกจากลูกสุนัข และให้ลูกสุนัขกินนมห่างขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับให้อาหารดังกล่าวเสริมทดแทน จนกระทั่งไม่ต้องกินนมแม่อีกต่อไป ครั้นเมื่อมีอายุ ได้ 4 สัปดาห์ก็ให้ทำการถ่ายพยาธิเสีย และเมื่อมีอายุได้ 5 - 6 เดือนขึ้นไปก็ให้กินอาหารประมาณ 3.5 % ของน้ำหนักตัว ควรให้อาหารวันละ 3 เวลา ประมาณ 3 เดือน แล้วจึงค่อยลดลงให้เหลือวันละ 2 เวลา สำหรับสุนัขที่มีอายุ 8 - 9 เดือนเต็ม
ที่มาของรูป http://www.thaidbmarket.com/uploads/20090130-001324-594.JPG
การดูแลความสะอาดชิสุห์
ที่อยู่ที่นอน
สุนัขควรมีที่หลับนอนของมันเองที่เป็นที่เป็นทางและเป็นสัดส่วน จะเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านหรือนอกบ้านก็แล้วแต่ความพร้อมของเจ้าของและสมาชิกคนอื่นในครอบครัว ส่วนใหญ่หากมันยังเล็กก็นิยมเลี้ยงไว้ในบ้านเพื่อสะดวกในการดูแล และทำให้มันสนิทสนมกับคนในบ้านได้ง่าย แต่ต้องคอยดุแลเรื่องการขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง จัดที่นอนสำหรับลูกสุนัขไว้ในลังไม้หรือตะกร้าตั้งไว้มุมห้องเงียบ ๆ สักมุมหนึ่ง หรืออาจใช้เพียงผ้าผวยเก่า ๆ หรือเศษผ้านุ่ม ๆ หลายชั้นทำเป็นที่นอนขนาดเล็กใหญ่ ก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม
หากมีอาณาบริเวณบ้านมากพอ หรือต้องการเลี้ยงไว้นอกบ้าน ซึ่งมันก็ต้องการที่คุ้มแดดคุ้มฝน หรือหลบร้อนตอนกลางวัน การสร้างคอกหรือกรงเลี้ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็น ขนาดกรงควรกว้างพอให้มันเบียดตัวหรือกลับตัวได้ง่ายและสูงพอที่มันจะยืนได้ บริเวณที่ตั้งกรงหรือคอกเลือกเอาที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทได้ดีไม่อับชื้น และควรติดมุ้งลวดเพื่อกันยุงและแมลงให้มันด้วย
การอาบน้ำ
ตามปกติไม่นิยมอาบน้ำให้ลูกสุนัขบ่อยเกินไป เพราะจำทำให้น้ำมันที่เคลือบเส้นขนหมดไป ทำให้ผิวหนังและเส้นขนแห้งไม่เป็นมัน เกิดอาการคัน สุนัขจะกัดหรือเกาให้เป็นแผล นอกจากนี้สุนัขยังแพ้ต่อการเป็นโรคทางระบบหายใจ โดยเฉพาะ จะเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย เพราะฉะนั้นหาไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วก็ไม่ควรอาบน้ำให้สุนัข สำรับลุกสุนัขอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดให้แห้งตามตรงที่ตัวสกปรก หรือใช้แปรงและการหวีขนบ่อย ๆ ก็จะรักษาความสะอาดได้ดีโดยไม่ต้องอาบน้ำ เมื่อสุนัขโตขึ้นอาจจะอาบน้ำให้ด้วยน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นให้เพียงอาทิตย์ละครั้งก็พอ หรือเมื่อเห็นว่ามันสกปรกมาก มีกลิ่นเหม็นแล้ว การอาบน้ำควรอาบให้ในเวลาที่มีแดดออก อากาศไม่หนาวมาก ใช้สบู่หรือแชมพูอย่างอ่อน ถูให้ทั่วตัวและหัว ระวังไม่ให้ฟองสบู่เข้าตาและน้ำเข้าหู จากนั้นต้องล้างสบู่ออกให้หมด เพราะถ้าล้างออกไม่หมดจะทำให้เกิดการคันจนสุนัขเกาเป็นแผล เสร็จแล้วจึงเช็ดตัวสุนัขให้แห้ง
การกำจัดและป้องกันเห็บ
เห็บ หมัดและแมลง เป็นพาหะนำโรคบางชนิดมาสู่สุนัข ถึงแม้ไม่เกิดโรคก็จะทำความรำคาญให้สุนัขมาก เห็บหรือหมัดที่มีในสุนัขส่วนมากมักเกิดจากเจ้าของที่ไม่ดุแลสุนัขเท่าที่ควร หมัด หรือเห็บมักเกาะกินเลือดอยู่ตามบริเวณผิวหนังอ่อน ๆ ของสุนัข เช่น รอบคอ ริมฝีปาก บริเวณหลังเลยหางขึ้นไป ตามซอกเล็บ และตามบริเวณก้นการกำจัดเห็บ หมัด อาจใช้น้ำมันสนหยดลงไปให้ถูกตัวเล็กน้อย จะทำให้มันหลุดออกมา หากดึงหมัดหรือเห็บขณะที่มันกำลังกัดติดอยู่กับบริเวณผิวหนังแรง ๆ อาจทำให้ผิวสุนัขเป็นแผล การป้องกันกำจัดเห็บหรือหมัดอาจใช้วิธีรักษาความสะอาดตัวสุนัข ใช้อุปกรณ์ในการกำจัดเห็บ เช่น ยกกำจัดเห็บ แป้งกำจัดเห็บ แชมพูกำจัดเห็บ ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์หรือทำด้วยความระมัดระวัง ควรทำการจับหมัดหรือเห็บทุก ๆ อาทิตย์ และทำความสะอาดที่นอนสุนัขด้วย แต่การฆ่ากำจัดเห็บเฉพาะที่ตัวสุนัข ไม่สามารถแกปัญหาได้ตลอด เพราะเห็บหรือหมัดเล่านี้จะอาศัยอยู่บริเวณที่อยู่ของสุนัข ดังนั้นควรใช้ยาฆ่าเห็บผสมกับน้ำผสมกับน้ำราดตามบริเวณที่สุนัขอาศัยอยู่ด้วย การกำจัดสิ่งเหล่านี้จะต้องทำอย่างต่อเนื่องจึงจะประสบความสำเร็จ
แหล่งที่มา
http://www.kapank.com/pets/contents/dog/shih_tzu/shih_tzu.html
http://showoff.yenta4.com/forum/topic/310166
http://std.kku.ac.th/4530801871/412443(webpage)/MyWeb/html/takecare_page.htm
http://learners.in.th/blog/uthumporn-beam/227691
http://dek-d.com/board/view.php?id=904545
http://dek-d.com/board/view.php?id=1264633
สุดยอด อย่าลืมส่งประกวด
แต่ต้องสร้างให้มากกว่า 20 node พร้อมลิ้งค์ด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน