เอสซีจี ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดโครงการ SCG Sci-Camp ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 เพื่อเสริมสร้างความรู้แก่เยาวชนและปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยมีคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  คัดเลือกเยาวชนที่สนใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 100 คนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ มาร่วมค้นหาความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สำหรับปีนี้เน้นแนวคิด  “รักษ์น้ำ รักษ์ป่าไม้ รู้จักใช้อย่างพอเพียง”  ด้วยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับความรู้ทางวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ภายในค่ายแห่งนี้ นอกจากน้องๆ จะได้รับความรู้เชิงทฤษฎีจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ยังได้ฝึกปฏิบัติจริงในห้องทดลอง ร่วมทำกิจกรรมภาคสนาม  ตลอดจนทัศนศึกษานอกสถานที่  โดยน้องๆ ได้มีโอกาสร่วมกันบำเพ็ญความดีกลับคืนสู่สังคมด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะช่วยให้ธรรมชาติมีความสมดุล และทำให้คนดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข  นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมโรงงานอันทันสมัยของเอสซีจี เปเปอร์  ศึกษากระบวนการผลิตกระดาษคุณภาพสูง  และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐานสากล

อภิญญา  กองจันทร์  หรือน้องสตางค์  โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา  จ.ชัยภูมิ เล่าถึงกิจกรรมในค่ายว่า  “นอกจากเราจะได้เรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังได้ฝึกปฏิบัติจริง ทำให้รู้ว่าสองมือน้อยๆ และหนึ่งสมองของเรานี้ สามารถช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้  โดยจะเริ่มที่ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก  ปกติชอบทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งอ่านหนังสือ  เล่นคอมพิวเตอร์  ดูโทรทัศน์ และฟังเพลงไปพร้อมกัน แต่หลังจากนี้จะทำทีละอย่าง เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองทรัพยากรมากนัก  นอกจากนี้ จะนำความรู้ไปเผยแพร่ เช่น การนำพืชน้ำมาบำบัดน้ำเสียในแหล่งน้ำชุมชน เพื่อให้แหล่งน้ำมีคุณภาพที่ดีขึ้น และช่วยให้ระบบนิเวศในน้ำกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม”

ชวิน  นิพพิทาวาสิน หรือน้องเก้า  โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ พูดถึงแนวคิดในการนำความรู้ไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ในอนาคตว่า  “การร่วมกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ ทำให้เข้าใจปัญหาสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับน้ำและป่าไม้ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน  และรู้ว่าเยาวชนไทยสามารถปฏิบัติอย่างไรได้บ้างเพื่อที่จะช่วยลดปัญหาต่างๆ เหล่านี้  สำหรับความรู้ที่ได้รับสามารถนำไปประยุกต์ใช้สร้างสิ่งประดิษฐ์ได้ เช่น กับดักแมลงและศัตรูพืชที่ผลิตได้จากธรรมชาติ ซึ่งเป็นการพึ่งพาแบบธรรมชาติช่วยธรรมชาติ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี”

มัฏฐนันท์  สังขวาสี  หรือน้องจั๋ง  โรงเรียนราชินี  จ.กรุงเทพฯ  เล่าว่า “ดีใจมากที่ได้มาเข้าค่าย ทั้งสนุกและได้รับความรู้มากมาย ฝึกความสามัคคี แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพราะมาจากทั่วประเทศ  นอกจากเราจะนำความรู้ไปใช้กับตนเองแล้ว ยังสามารถนำไปเผยแพร่ให้ผู้อื่น เช่น การจัดบอร์ดนิทรรศการ จัดทำแผ่นพับ เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ เราก็สามารถเผยแพร่ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยจัดทำ Blog หรือ hi5  เพื่อให้ทราบว่าสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ เราควรช่วยกันอนุรักษ์และร่วมกันจัดการปัญหาให้หมดไป เพราะคนรุ่นใหม่ต้องดี และใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย”

ฉัตรภณ  วรรธนะวุฒิ หรือน้องมิก โรงเรียนวิสุทธรังษี จ.กาญจนบุรี บอกเล่าความรู้สึกว่า “การมาเข้าค่ายครั้งนี้ได้รับประโยชน์มากมาย  โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และยังได้ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  มีโอกาสศึกษาดูงานในหลายพื้นที่  ทำให้เกิดความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และธรณีวิทยา รวมทั้งสามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้กับสิ่งแวดล้อมและชีวิตประจำวันต่อไปในอนาคต” 

ค่ายวิทยาศาสตร์ SCG Sci-camp ในรูปแบบที่ให้เยาวชนได้เข้าไปสัมผัสด้วยประสบการณ์จริง  ถือเป็นการบ่มเพาะองค์ความรู้ใหม่ๆ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนเกิดความสนใจเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม  และยังสร้างความผูกพันให้กับน้อง ๆ ได้อย่างน่าประทับใจ  หากเด็กไทยสนใจเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น  ประเทศไทยของเราคงพัฒนาได้ไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน