ในช่วงสามถึงสี่ปีมานี้ การทำการตลาดเริ่มเปลี่ยนแปลงจากระบบอนาล็อกสู่โลกยุคดิจิตอล ใครจะคิดว่าวันนี้สื่อโทรทัศน์แทบไม่มีคนดู ยิ่งพอพูดถึงโฆษณาทางโทรทัศน์ตัวใหม่ๆ ทุกคนคงใบ้รับประทาน เพราะไม่ได้ดูมานานแล้ว โดยส่วนใหญ่หมกตัวอยู่ในโลกออนไลน์ อินเตอร์เน็ต และเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ ทวิตเตอร์

บทความนี้จะไม่กล่าวถึงอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกนี้เปลี่ยนไป แต่จะมาพูดถึงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของนักการตลาดยุคปัจจุบัน

อย่างที่เกริ่นมาก็คือ โฆษณา และการขายของในยุคนี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ มูลค่าการซื้อขายสินค้าอีคอมเมิร์ซทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูท่าจะเติบโตไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเทรนด์ของคนเปลี่ยนไป ความสะดวกสบายคือสิ่งที่ทุกคนโหยหา โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การเดินทางไปซื้อสินค้าอาจมีต้นทุนสูงกว่าการให้สินค้ามาส่งที่บ้านเสียอีก แถมไม่ต้องเผชิญรถติด และความวุ่นวายต่างๆที่ดูจะไม่ค่อยปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่าไหร่นัก

การทำการตลาดตอนนี้จึงเกิดขึ้นในทุกๆแพลตฟอร์ม ทั้งบนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก หรือเว็บส่วนลดสินค้าต่างๆ ที่ออกคูปองส่วนลดสินค้ามาลดแลกแจกแถมกันอย่างไม่หยุด จนเรียกได้ว่าเป็นสมรภูมิที่น่าเข้ามาประลองอย่างยิ่ง

ความได้เปรียบเสียเปรียบของการขายกลับไม่ได้อยู่ที่ตัวสินค้า แต่อยู่ที่ความรู้ไอทีของเหล่านักการตลาดทั้งหลาย

บางคนอาจสงสัยความรู้ไอทีเกี่ยวอะไรกับการตลาด

จริงๆแล้วต้องบอกว่าเกี่ยวอย่างมาก เพราะเครื่องมือหลักของลูกค้าสำหรับการใช้ค้นหาสินค้า นั่นก็คือGoogle นั่นเอง ผลการค้นหาในลำดับต้นๆมักจะได้รับความสนใจและถูกขายได้มากกว่าสินค้าที่ไม่ได้ปรากฎอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหา อย่างเช่น หากกำลังมองหาข้อมูลสำหรับเที่ยวต่างประเทศ ลูกค้าจะเลือกเข้าไปหาอ่านข้อมูลที่ถูกค้นหาจากคีย์เวิร์ดในลำดับแรกๆก่อน ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลที่พอใจแล้ว ก็จะไม่เปิดเว็บอื่นๆต่ออีก ดังนั้นหากคุณต้องการโปรโมทที่พักพร้อมส่วนลด คุณจะเสียโอกาสมากๆถ้าไม่รู้จักวิธีการขยับอันดับเว็บไซต์ตัวเอง

SEO และ SEM รวมถึงศัพท์เทคนิคเชิงไอทีทั้งหลาย คือสิ่งที่นักการตลาดรุ่นใหม่ต้องเรียนรู้ เพราะเทคนิคและวิธีการต่างๆนั้นจะช่วยเพิ่มยอดขาย และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม หรือแม้แต่การเรียนรู้ที่จะใช้โปรแกรมGoogle Analytics ซึ่งเป็นโปรแกรมวิเคราะห์สถิติแบบอัจฉริยะ ก็ควรใช้ให้ได้เช่นกัน

เพราะตอนนี้หากสมัครงานสายการตลาด ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่จะรับคนที่มีความรู้ไอทีด้วย

จริงอยู่ที่หลายบริษัทให้ทีมไอทีเป็นคนรับผิดชอบเรื่องราวเหล่านี้ แต่ถ้ามองไปให้ไกล ศาสตร์การตลาดนั้นถ้ามีความรู้ด้านอื่นด้วยก็ยิ่งได้เปรียบมากกว่าคู่แข่ง ดังนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้อาจจะได้เปรียบ และไม่ต้องร้องโอดโอยในอนาคตว่า

“รู้งี้หาความรู้ไว้ตั้งแต่แรกดีกว่า”