ประโยชน์ของโยเกิร์ต
โยเกิร์ตมีแคลเซียมสูง และแคลเซียมมีบทบาทในการป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง มะเร็งในลำไส้ใหญ่ ช่วยในการลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญไขมัน
เชื้อแลคโตแบซิลลัสในโยเกิร์ตช่วยลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีในโยเกิร์ตช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อ "เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร" ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ
กรดไขมันคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิคในโยเกิร์ต ป้องกันโรคหัวใจได้
งานวิจัยยังพบว่าโยเกิร์ตวันละ 2- 5 ถ้วย ช่วยลดระดับ "แกซไฮโดรเจนซัลไฟด์" ที่ทำให้ลมหายใจมีกลิ่น และลดความเสี่ยงโรคเหงือก
โยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่มีชีวิต ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินบี และวิตามินเคในลำไส้ จากงานวิจัยพบว่า การบริโภคโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
กินอย่างไรให้อายุยืน
โยเกิร์ตรสชาติดั้งเดิมของชาวบัลแกเรียไม่ใส่น้ำตาล และมีรสชาติเปรี้ยว แต่ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดจะมีรสหวาน เนื่องจากผสมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมลงไปด้วย ผู้ป่วยโรคเบาหวานแนะนำให้กินรสธรรมชาติ (ไม่มีน้ำตาล ผลไม้เชื่อมหรือน้ำเชื่อมผสม) กับผลไม้สด หรือนำโยเกิร์ตมาปั่นรวมกับผลไม้และนม จะได้อาหารที่มีพลังงานเพียงพอถึงเที่ยง และถ้านำมาดัดแปลงใช้แทนมายองเนสในการทำน้ำสลัดหรือผสมทำไส้แซนด์วิชจะได้อาหารที่ชูสุขภาพทีเดียว