• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('ภาษาไทย', 'node/31878', '', '18.117.100.118', 0, '6be6148853df768653e185e8cedf207f', 193, 1716118320) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:2e8ea1e810fbafb98b4191c2b38ea4be' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; เลิกราชการส่วนภูมิภาค ส่งเสริมราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นการกระจายอำนาจ คือการปฏิรูประบบราชการที่แท้ ทำได้ด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; จากข้อมูลช้างต้น จะเห็นได้ว่า</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; 1. ราชการส่วนภูมิภาค หรือก็คือแขนขาของราชการส่วนกลางที่ถูกส่งไปประจำตามท้องถิ่นต่าง ๆ นั้น มีกำลังคนอยู่เป็นจำนวนมากถึง 360,928 คน ตามข้อมูลคนภาครัฐในฝ่ายพลเรือน พ.ศ.2557 ซึ่งเป็นข้อมูลเผยแพร่ล่าสุด&nbsp; ข้าราชการส่วนภูมิภาคจำนวนนี้มีสัดส่วนถึง 17% ของข้าราชการทั้งหมด</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; 2. แต่ราชการส่วนท้องถิ่น มีกำลังคนเพียง 22% เท่านั้น&nbsp; ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในจังหวัดภูมิภาคหรือในชนบท กลับมีข้าราชการไป \"รับใช้ประชาชน\" น้อยมาก</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; 3. ที่น่าสังเกตก็คือราชการส่วนกลาง ที่กระจุกอยู่ในกรุงเทพมหานครมีข้าราชการรวมกันถึง 1,267,609 คนหรือราว 61% ของทั้งหมด ซึ่งแสดงถึงองคาพยพที่ใหญ่โตมากของระบบราชการที่อาจมีกำลังคนเกินความจำเป็น (นอกจากนั้นข้อมูลข้างต้นยังรวมเฉพาะในส่วนของกำลังคนในฝ่ายพลเรือนเท่านั้น ยังไม่รวมรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนข้าราชการทหารที่มีอีก)</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; และข้อมูลล่าสุดระบุว่า จำนวนกำลังคนภาครัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 50% อยู่ที่ราว 2.2 ล้านคน (ณ ปี 2558) ถ้าหากรวมเอาภาระงบบุคลากรรวมทั้งสวัสดิการข้าราชการอื่นๆ อย่างค่ารักษาพยาบาล และบำเหน็จ บำนาญ ก็ร่วม 1.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ของรัฐบาล. . .เมื่อเทียบกับจีดีพี งบบุคลากรภาครัฐของไทยสูงเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย รองจากบาร์เรนและมัลดีฟส์ โดยสัดส่วนงบบุคลากรภาครัฐต่อจีดีพีของไทยอยู่ประมาณ 7% สูงกว่าเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย (6%) ฟิลิปปินส์ (5%) หรือสิงคโปร์ (3%) (<a href=\"http://bit.ly/1zgXzfh\" title=\"http://bit.ly/1zgXzfh\">http://bit.ly/1zgXzfh</a>)</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; ในอดีตประเทศไทยมีแต่ราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การจดทะเบียนต่างๆ ก็ต้องไปติดต่อที่อำเภอ หรือจังหวัด&nbsp; แต่ในปัจจุบันเรามีราชการส่วนท้องถิ่น จะเห็นได้ว่าบทบาทของอำเภอหรือจังหวัดมีน้อยลงมาก ยกเว้นอำนาจจากส่วนกลางที่พยายามจะรักษาไว้เพื่อการควบคุมส่วนท้องถิ่น&nbsp; อันที่จริงควรมีการเลือกตั้งนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อการกระจายอำนาจ&nbsp; นี่จึงเป็นการปฏิรูประบบราชการที่แท้ และให้อำนาจตกเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง&nbsp; แต่ดูจากแนวโน้มประเทศไทยเราคงเดินไปในแนวทางที่จะให้อำนาจข้าราชการประจำมากขึ้น แทนที่จะส่งเสริมท้องถิ่นให้มีอำนาจจริง</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; ในการส่งเสริมส่วนท้องถิ่นนั้น สามารถดำเนินการได้โดย</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp; 1. ให้อำนาจส่วนท้องถิ่นในการจัดการศึกษา การดูแลความปลอดภัย การปกครองโดยตรง โดยมีข้าราชการเป็นของตนเอง ไม่สังกัดส่วนกลาง ไทยก็จะมีองคาพยพของระบบราชการที่ไม่อุ้ยอ้าย ไม่มีกระทรวงศึกษาธิการที่ \"เทอะทะ\" ตัดวงจรเส้นสายต่าง ๆ ไป</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp; 2. ให้ท้องถิ่นสามารถแต่งตั้งหรือสรรหา \"City Manager\" (ผู้จัดการเมือง) \"City Appraiser\" (ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน) หรือผู้บริหารการศึกษา ผู้จัดการฝ่ายโยธา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา โดยมีข้าราชการประจำคอยปฏิบัติตามนโยบาย ไม่ใช่ให้ข้าราชการประจำที่ควรรับใช้ประชาชนกลับมา \"ขี่คอ\"&nbsp;</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; 3. การแต่งตั้งหรือสรรหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้ ก็มาจากท้องถิ่น โดยนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน&nbsp; ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้งจากส่วนกลางอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นเท่ากับไม่เป็นประชาธิปไตย</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; ดังนั้นงบประมาณต่าง ๆ ที่จะใช้จึงมาจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง&nbsp; นำเงินส่วนนี้มาใช้เพื่อการบริหารเมืองหรือท้องถิ่นระดับต่างๆ ต่อไป&nbsp; ในการนี้</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp; 1. ต้องจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้เพียงพอ ไม่ใช่เก็บแค่ 0.1-1%&nbsp; แต่พึงจัดเก็บที่ 1-2% ของมูลค่าในแต่ละปี</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp; 2. ลดภาระภาษีทางอื่น เช่น เลิกใช้ภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีและค่าธรรมเนียมโอน เป็นต้น</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp; 3. ลดการเก็บภาษีทางตรง หรืออย่างน้อยต้องไม่เพิ่มขึ้น เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเงินจะได้ไม่ไหลไปส่วนกลาง ทำให้เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบต่างๆ ในระหว่างทางได้</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; ระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ดีจึงจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างยิ่ง</p>\n<p>ที่มา: <a href=\"http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1526.htm\" title=\"http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1526.htm\">http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_an...</a></p>\n', created = 1716118329, expire = 1716204729, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:2e8ea1e810fbafb98b4191c2b38ea4be' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เลิกราชการส่วนภูมิภาคได้แล้ว

รูปภาพของ pornchokchai

            เลิกราชการส่วนภูมิภาค ส่งเสริมราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นการกระจายอำนาจ คือการปฏิรูประบบราชการที่แท้ ทำได้ด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

            จากข้อมูลช้างต้น จะเห็นได้ว่า

            1. ราชการส่วนภูมิภาค หรือก็คือแขนขาของราชการส่วนกลางที่ถูกส่งไปประจำตามท้องถิ่นต่าง ๆ นั้น มีกำลังคนอยู่เป็นจำนวนมากถึง 360,928 คน ตามข้อมูลคนภาครัฐในฝ่ายพลเรือน พ.ศ.2557 ซึ่งเป็นข้อมูลเผยแพร่ล่าสุด  ข้าราชการส่วนภูมิภาคจำนวนนี้มีสัดส่วนถึง 17% ของข้าราชการทั้งหมด

            2. แต่ราชการส่วนท้องถิ่น มีกำลังคนเพียง 22% เท่านั้น  ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในจังหวัดภูมิภาคหรือในชนบท กลับมีข้าราชการไป "รับใช้ประชาชน" น้อยมาก

            3. ที่น่าสังเกตก็คือราชการส่วนกลาง ที่กระจุกอยู่ในกรุงเทพมหานครมีข้าราชการรวมกันถึง 1,267,609 คนหรือราว 61% ของทั้งหมด ซึ่งแสดงถึงองคาพยพที่ใหญ่โตมากของระบบราชการที่อาจมีกำลังคนเกินความจำเป็น (นอกจากนั้นข้อมูลข้างต้นยังรวมเฉพาะในส่วนของกำลังคนในฝ่ายพลเรือนเท่านั้น ยังไม่รวมรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนข้าราชการทหารที่มีอีก)

            และข้อมูลล่าสุดระบุว่า จำนวนกำลังคนภาครัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 50% อยู่ที่ราว 2.2 ล้านคน (ณ ปี 2558) ถ้าหากรวมเอาภาระงบบุคลากรรวมทั้งสวัสดิการข้าราชการอื่นๆ อย่างค่ารักษาพยาบาล และบำเหน็จ บำนาญ ก็ร่วม 1.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ของรัฐบาล. . .เมื่อเทียบกับจีดีพี งบบุคลากรภาครัฐของไทยสูงเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย รองจากบาร์เรนและมัลดีฟส์ โดยสัดส่วนงบบุคลากรภาครัฐต่อจีดีพีของไทยอยู่ประมาณ 7% สูงกว่าเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย (6%) ฟิลิปปินส์ (5%) หรือสิงคโปร์ (3%) (http://bit.ly/1zgXzfh)

            ในอดีตประเทศไทยมีแต่ราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การจดทะเบียนต่างๆ ก็ต้องไปติดต่อที่อำเภอ หรือจังหวัด  แต่ในปัจจุบันเรามีราชการส่วนท้องถิ่น จะเห็นได้ว่าบทบาทของอำเภอหรือจังหวัดมีน้อยลงมาก ยกเว้นอำนาจจากส่วนกลางที่พยายามจะรักษาไว้เพื่อการควบคุมส่วนท้องถิ่น  อันที่จริงควรมีการเลือกตั้งนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อการกระจายอำนาจ  นี่จึงเป็นการปฏิรูประบบราชการที่แท้ และให้อำนาจตกเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง  แต่ดูจากแนวโน้มประเทศไทยเราคงเดินไปในแนวทางที่จะให้อำนาจข้าราชการประจำมากขึ้น แทนที่จะส่งเสริมท้องถิ่นให้มีอำนาจจริง

            ในการส่งเสริมส่วนท้องถิ่นนั้น สามารถดำเนินการได้โดย

            1. ให้อำนาจส่วนท้องถิ่นในการจัดการศึกษา การดูแลความปลอดภัย การปกครองโดยตรง โดยมีข้าราชการเป็นของตนเอง ไม่สังกัดส่วนกลาง ไทยก็จะมีองคาพยพของระบบราชการที่ไม่อุ้ยอ้าย ไม่มีกระทรวงศึกษาธิการที่ "เทอะทะ" ตัดวงจรเส้นสายต่าง ๆ ไป

            2. ให้ท้องถิ่นสามารถแต่งตั้งหรือสรรหา "City Manager" (ผู้จัดการเมือง) "City Appraiser" (ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน) หรือผู้บริหารการศึกษา ผู้จัดการฝ่ายโยธา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา โดยมีข้าราชการประจำคอยปฏิบัติตามนโยบาย ไม่ใช่ให้ข้าราชการประจำที่ควรรับใช้ประชาชนกลับมา "ขี่คอ" 

            3. การแต่งตั้งหรือสรรหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้ ก็มาจากท้องถิ่น โดยนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน  ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้งจากส่วนกลางอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นเท่ากับไม่เป็นประชาธิปไตย

            ดังนั้นงบประมาณต่าง ๆ ที่จะใช้จึงมาจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  นำเงินส่วนนี้มาใช้เพื่อการบริหารเมืองหรือท้องถิ่นระดับต่างๆ ต่อไป  ในการนี้

            1. ต้องจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้เพียงพอ ไม่ใช่เก็บแค่ 0.1-1%  แต่พึงจัดเก็บที่ 1-2% ของมูลค่าในแต่ละปี

            2. ลดภาระภาษีทางอื่น เช่น เลิกใช้ภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีและค่าธรรมเนียมโอน เป็นต้น

            3. ลดการเก็บภาษีทางตรง หรืออย่างน้อยต้องไม่เพิ่มขึ้น เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเงินจะได้ไม่ไหลไปส่วนกลาง ทำให้เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบต่างๆ ในระหว่างทางได้

            ระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ดีจึงจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_an...

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 258 คน กำลังออนไลน์