ตารางเก้าช่องพัฒนาทักษะเต้นรำ
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
พลศึกษาเป็นวิชาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาบุคคลในทุกๆ ด้าน ให้มีประสิทธิภาพและสมรรถภาพในการประกอบกิจกรรมต่างๆ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดให้มีวิชาพลศึกษาในหลักสูตรการเรียนการสอนทุกระดับ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาเยาวชนด้วยการใช้กิจกรรมกีฬาเป็นสื่อ ก่อให้เกิดทัศนคติที่ดี และสามารถนำกิจกรรมการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬา ไปใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาคุณภาพชีวิตตนเอง
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนพลศึกษาต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น ตามหลักสูตรการศึกษา พุทธศักราช 2544 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นศักยภาพขั้นพื้นฐานของผู้เรียนให้เป็นคนเก่ง คนดีและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข รวมทั้งมีความสามารถในการเลือกศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ผู้เรียนมีความสนใจเลือกปฏิบัติกิจกรรมที่ผู้เรียนมีความถนัดและสนใจของแต่ละบุคคล สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ของสังคมในโลกปัจจุบันและในอนาคต โดยมีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นข้อกำหนดคุณภาพของผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ ที่เป็นเนื้อหาสาระเป็นตัวกำหนดองค์ความรู้ ครอบคลุมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กรมวิชาการ. 2545 : 2)
เมื่อพิจารณาตามมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจมีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่น และกีฬา และมาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมในสุนทรียภาพของการกีฬา และประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับอย่างเต็มที่แล้ว ผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย จึงมีการปรึกษาหารือในกลุ่มสาระเพื่อจัดสรรอัตรากำลัง และเลือกประเภทกีฬาที่จะสอนให้เหมาะสมกับวัยและกิจกรรมของนักเรียนแต่ละระดับชั้นโดยอิงกับวิชาพื้นฐานของแต่ละระดับ
สำหรับผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายซึ่งไม่มีวิชาพื้นฐาน จะปรับเป็นการจัดการเรียนการสอนเป็นแบบบังคับเลือก เนื่องจากข้อจำกัดด้านจำนวนครูผู้สอนและสถานที่ของโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัยซึ่งค่อนข้างคับแคบ โดยในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้ขอรับการประเมินเป็นผู้รับผิดชอบการสอนนั้น ได้พิจารณาร่วมกันในกลุ่มสาระฯ แล้วเห็นควรเปิดสอนวิชาลีลาศ เนื่องจากเป็นวิชาที่เหมาะสมกับวัยและกิจกรรมของผู้เรียน ซึ่งกำลังเติบโตและจะต้องเตรียมตัวเพื่อการสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา เนื่องจากการเต้นรำนับเป็นการออกกำลังกายอีกวิธีหนึ่ง ที่ผู้ปฏิบัติจะได้ทั้งสุขภาพที่ดี และความสนุกสนานเพลิดเพลิน เป็นวิธีบริหารร่างกายโดยใช้จังหวะดนตรีเข้ามาผสมผสาน (พรเพ็ญ.2550 : อ้างถึงใน http://www.arunaswat.com/)
การลีลาศเป็นกิจกรรมที่เกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกาย (Physical activity) และเป็นการออกกำลังกาย (Exercise training) ที่มีผลต่อสุขภาพ การฝึกลีลาศอย่างต่อเนื่องถือเป็นการฝึกแบบแอโรบิกที่เสริมสร้างประสิทธิภาพของระบบการผลิตพลังงานที่ใช้ออกซิเจน ซึ่งช่วยเสริมสร้างความอดทนของระบบหายใจ และไหลเวียนโลหิต ลีลาศจึงเป็นการออกกำลังตามหลักวิทยาศาสตร์ และยังอาศัยศิลปะในการเคลื่อนไหวเพื่อความสวยงามอีกด้วย (พรเพ็ญ.2550 : อ้างถึงใน http://www.arunaswat.com)นอกจากนี้/
นอกจากนี้ ลีลาศยังเป็นกิจกรรมนันทนาการที่ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพและสมรรถภาพทางกลไก รวมถึงความมีระเบียบวินัย ความมีน้ำใจ ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และส่งเสริมการทำงานเป็นทีมอีกด้วย
การเรียนการสอนที่ถือว่าประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องสามารถนำความรู้จากหลักการ ทฤษฏี ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตได้ ดังที่ เจริญ กระบวนรัตน์ (2550 : 162) กล่าวว่า “การศึกษาที่ดีต้องทำให้มีชีวิต” ... การจัดกิจกรรมและรูปแบบการถ่ายทอดความรู้โดยใช้ตารางเก้าช่อง ทำให้กระบวนการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจ เป็นแรงจูงใจที่จะนำไปสู่การพัฒนาความรู้ สติปัญญา ความเชื่อมั่น ความคิดสร้างสรรค์ บุคลิกภาพ รวมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี กับทั้งครูและเด็ก เป็นการศึกษาที่มีชีวิตและนำไปสู่ความงอกงามทางปัญญาได้อย่างมีคุณค่าเป็นรูปธรรม