• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d2aa603a67a2b4f4ff1df2658bccc0b5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n          หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กและเยาวชน คือ ภาวะความเครียด ปีละ 600 ราย (สถิติจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.)\n</p>\n<p>\n          พ่อแม่และคนใกล้ชิดจึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาความคิดของลูก เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสังคม รับความกดดันและความผิดหวัง\n</p>\n<p>\n          คำแนะนำการเลี้ยงลูกให้รู้จักทักษะการดำเนินชีวิตในสังคมที่ต้องเจอกับสภาวะกดดันรอบด้าน โดยคุณสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เสนอไว้หลายเรื่องด้วยกัน\n</p>\n<p>\n        <span style=\"background-color: #00ffff\"><strong>  เลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการตามวัย<br />\n</strong></span>          พ่อแม่ผู้ปกครองควรเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการตามวัยของเด็ก และต้องสนับสนุนช่วยเหลือ สอนเด็กให้เหมาะสมกับการพัฒนาตามวัย โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูกกำลังเป็นวัยรุ่น มักนำวิธีการปฏิบัติต่อเด็กเล็กๆ ไปใช้กับเด็กวัยรุ่น เช่น ไปบอกเด็กว่า ผมยาวมากไป แต่งตัวอย่างนี้ไม่เหมาะ <br />\n          การสอนแบบนี้ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมกับเด็กวัยรุ่น ควรพูดชักจูงใจมากกว่า เช่น การที่ลูกใส่สายเดี่ยว ไม่ควรไปบอกว่าสวมไม่ได้ แต่อาจจะต้องคุยว่าการนุ่งสายเดี่ยวเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เพราะรู้สึกว่าเป็นแฟชั่นหรือเปล่า ถ้าเป็นความต้องการสร้างการยอมรับ ก็มีวิธีอื่นที่ทำให้คนยกย่องนับถือ และให้ความสำคัญกับเราได้ โดยไม่ดูที่เสื้อผ้าก็ได้ แนะให้ลูกเลือกทางอื่น เช่น ความฉลาด เรียนเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดี โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อาจจะได้รับการยอมรับมากกว่าการใส่สายเดี่ยว <br />\n          พ่อแม่ที่คิดว่าลูกเก่ง ฉลาด คิดเองได้ ถือเป็นการทำลายลูก เพราะไม่มีใครสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องเรียนรู้จากคนอื่น เป็นลักษณะเฉพาะของสังคมมนุษย์ จะพัฒนาตัวเองได้ด้วยการติดต่อสื่อสารกับสังคม จำเป็นต้องเรียนรู้จากสังคมแวดล้อม\n</p>\n<p>\n          <span style=\"background-color: #00ffff\"><strong>สอนลูกแพ้ให้เป็น<br />\n</strong></span>          พ่อแม่ต้องปล่อยให้ลูกล้มและลุกขึ้นมาเองบ้าง เพราะบางเรื่องลูกต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่เป็นเพียงแค่คนชี้แนะ สั่งสอนแต่ไม่ใช่ไปทำให้ลูก พ่อแม่บางคนลูกอายุ 20 กว่า ยังไปรับไปส่งลูกเหมือนกับลูกยังเป็นเด็กเล็กๆ ถ้าเป็นอย่างนี้เขาจะดูแลตัวเองไม่ได้เลย หากกลัวคนอื่นจะมาคุกคามสวัสดิภาพ ต้องฝึกให้มีทักษะรับมือกับปัญหาเอง เพราะหากวันใดไม่มีพ่อแม่ เขาจะอยู่ด้วยตนเองได้อย่างไร ควรฝึกให้ลูกเห็นว่าการแพ้เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่การชนะเสียอีกเป็นเรื่องยกเว้น เป็นลักษณะเฉพาะ แต่คนแพ้มีมากมาย คนซื้อลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 เป็นลักษณะเฉพาะ เพราะเป็นคนจำนวนน้อยมาก เด็กจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องการพ่ายแพ้ ผิดหวัง\n</p>\n<p>\n          <span style=\"background-color: #00ffff\">ชวนทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์</span><br />\n          พ่อแม่บางคนไม่ให้ลูกทำอะไรเลย พ่อแม่ทำให้หมด พอโตขึ้นจะเป็นคนหมกมุ่นกับตัวเอง มองอะไรเข้าหาตัวเองทุกอย่าง รู้สึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางคนอื่น จึงควรแนะนำให้ลูกไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ จะทำให้เขาคิดเกี่ยวกับตัวเองน้อยลงและคิดเกี่ยวกับคนอื่นหรือสังคมภายนอกมากขึ้น  เพราะการทำกิจกรรมคือการคิดเพื่อผู้อื่น ไม่ได้คิดเกี่ยวกับตัวเอง\n</p>\n<p>\n          การสอนให้ลูกมีทักษะการใช้ชีวิตเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม เป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูกในสังคมยุคปัจจุบันที่ต้องเจอกับสภาวะกดดันตลอดเวลา เพราะสังคมนอกบ้านย่อมแตกต่างจากในบ้าน การเลี้ยงดูและการให้ความรักคงไม่พอให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทั้งร่างกายและความคิด แต่การให้ลูกได้เรียนรู้ประสบการณ์จากโลกภายนอก เรียนรู้จากความผิดหวัง การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกไม่แพ้กัน ถ้าเขาผ่านจุดนั้นได้ จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง\n</p>\n<hr id=\"null\" />\n<p align=\"right\">\nข้อมูลจากหนังสือสารพินิจ\n</p>\n', created = 1719805867, expire = 1719892267, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d2aa603a67a2b4f4ff1df2658bccc0b5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เลี้ยงลูก "ล้มและลุกให้เป็น"

          หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กและเยาวชน คือ ภาวะความเครียด ปีละ 600 ราย (สถิติจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.)

          พ่อแม่และคนใกล้ชิดจึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาความคิดของลูก เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสังคม รับความกดดันและความผิดหวัง

          คำแนะนำการเลี้ยงลูกให้รู้จักทักษะการดำเนินชีวิตในสังคมที่ต้องเจอกับสภาวะกดดันรอบด้าน โดยคุณสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เสนอไว้หลายเรื่องด้วยกัน

          เลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการตามวัย
          พ่อแม่ผู้ปกครองควรเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการตามวัยของเด็ก และต้องสนับสนุนช่วยเหลือ สอนเด็กให้เหมาะสมกับการพัฒนาตามวัย โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูกกำลังเป็นวัยรุ่น มักนำวิธีการปฏิบัติต่อเด็กเล็กๆ ไปใช้กับเด็กวัยรุ่น เช่น ไปบอกเด็กว่า ผมยาวมากไป แต่งตัวอย่างนี้ไม่เหมาะ 
          การสอนแบบนี้ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมกับเด็กวัยรุ่น ควรพูดชักจูงใจมากกว่า เช่น การที่ลูกใส่สายเดี่ยว ไม่ควรไปบอกว่าสวมไม่ได้ แต่อาจจะต้องคุยว่าการนุ่งสายเดี่ยวเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เพราะรู้สึกว่าเป็นแฟชั่นหรือเปล่า ถ้าเป็นความต้องการสร้างการยอมรับ ก็มีวิธีอื่นที่ทำให้คนยกย่องนับถือ และให้ความสำคัญกับเราได้ โดยไม่ดูที่เสื้อผ้าก็ได้ แนะให้ลูกเลือกทางอื่น เช่น ความฉลาด เรียนเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดี โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อาจจะได้รับการยอมรับมากกว่าการใส่สายเดี่ยว 
          พ่อแม่ที่คิดว่าลูกเก่ง ฉลาด คิดเองได้ ถือเป็นการทำลายลูก เพราะไม่มีใครสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องเรียนรู้จากคนอื่น เป็นลักษณะเฉพาะของสังคมมนุษย์ จะพัฒนาตัวเองได้ด้วยการติดต่อสื่อสารกับสังคม จำเป็นต้องเรียนรู้จากสังคมแวดล้อม

          สอนลูกแพ้ให้เป็น
          พ่อแม่ต้องปล่อยให้ลูกล้มและลุกขึ้นมาเองบ้าง เพราะบางเรื่องลูกต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่เป็นเพียงแค่คนชี้แนะ สั่งสอนแต่ไม่ใช่ไปทำให้ลูก พ่อแม่บางคนลูกอายุ 20 กว่า ยังไปรับไปส่งลูกเหมือนกับลูกยังเป็นเด็กเล็กๆ ถ้าเป็นอย่างนี้เขาจะดูแลตัวเองไม่ได้เลย หากกลัวคนอื่นจะมาคุกคามสวัสดิภาพ ต้องฝึกให้มีทักษะรับมือกับปัญหาเอง เพราะหากวันใดไม่มีพ่อแม่ เขาจะอยู่ด้วยตนเองได้อย่างไร ควรฝึกให้ลูกเห็นว่าการแพ้เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่การชนะเสียอีกเป็นเรื่องยกเว้น เป็นลักษณะเฉพาะ แต่คนแพ้มีมากมาย คนซื้อลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 เป็นลักษณะเฉพาะ เพราะเป็นคนจำนวนน้อยมาก เด็กจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องการพ่ายแพ้ ผิดหวัง

          ชวนทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์
          พ่อแม่บางคนไม่ให้ลูกทำอะไรเลย พ่อแม่ทำให้หมด พอโตขึ้นจะเป็นคนหมกมุ่นกับตัวเอง มองอะไรเข้าหาตัวเองทุกอย่าง รู้สึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางคนอื่น จึงควรแนะนำให้ลูกไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ จะทำให้เขาคิดเกี่ยวกับตัวเองน้อยลงและคิดเกี่ยวกับคนอื่นหรือสังคมภายนอกมากขึ้น  เพราะการทำกิจกรรมคือการคิดเพื่อผู้อื่น ไม่ได้คิดเกี่ยวกับตัวเอง

          การสอนให้ลูกมีทักษะการใช้ชีวิตเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม เป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูกในสังคมยุคปัจจุบันที่ต้องเจอกับสภาวะกดดันตลอดเวลา เพราะสังคมนอกบ้านย่อมแตกต่างจากในบ้าน การเลี้ยงดูและการให้ความรักคงไม่พอให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทั้งร่างกายและความคิด แต่การให้ลูกได้เรียนรู้ประสบการณ์จากโลกภายนอก เรียนรู้จากความผิดหวัง การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกไม่แพ้กัน ถ้าเขาผ่านจุดนั้นได้ จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง


ข้อมูลจากหนังสือสารพินิจ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 608 คน กำลังออนไลน์