• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:796f41254e1456bc4f9bdc8912b85df3' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\nมูลนิธิสยามกัมมาจลร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา ได้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเยาวชนจิตอาสาขึ้น ในงาน “เวทีพลังเยาวชนจิตอาสา สร้างสุข สานสัมพันธ์จากสถานศึกษาสู่โรงพยาบาล” เพื่อให้เยาวชนจากสถานศึกษา 4 แห่งในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย และโรงเรียนกุนนทีรุทธารามวิทยาลัย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้จากเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังจิตอาสาในกลุ่มนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"351\" src=\"/files/u20/jit.jpg\" height=\"197\" />\n</p>\n<p>\n<br />\nน.ส.กรวิกา ก้อนแก้ว หัวหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษาระยะที่ 1 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิสยามกัมมาจล มาตลอดระยะเวลา 3 เดือนพบว่า กิจกรรมในโครงการได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงพฤติกรรม ค่านิยม และทัศนคติของเยาวชนในสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการอย่างมาก เด็กบางคนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านทัศนคติและค่านิยม ทุกๆ คนได้ข้อคิด และได้พัฒนาทักษะการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทางมูลนิธิฯ เล็งเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา อาจารย์ นักเรียน รวมทั้งผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องการกับพัฒนาเยาวชนจิตอาสาให้วงกว้าง จึงได้จัดเวทีดังกล่าวขึ้น\n</p>\n<p>\n<br />\nในเวทีเรื่องเล่าเร้าพลัง “พลังเยาวชนจิตอาสา จากรั้วโรงเรียน สู่โรงพยาบาล” ได้มีนักเรียนแกนนำจิตอาสาซึ่งเป็นตัวแทนจาก 4 โรงเรียนนำร่อง มาเล่าถึงความประทับใจและความเปลี่ยนแปลงหลังจากเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล โดย ด.ญ.ปนัสยา สมนวรางกูร หรือ “ชฎา” นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร  (ฝ่ายมัธยม)  ระบุว่า  การทำงานจิตอาสาไม่ใช่เรื่องยาก ไม่เหนื่อย แต่เป็นเรื่องใหม่ที่ทำแล้วได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกทั้งได้ความอิ่มเอมใจกลับมา อยากให้เพื่อนๆ ที่ไม่เคยทำกิจกรรมจิตอาสามาลองทำดู เพราะคนที่ไม่เคยทำจะไม่ทราบแน่นอนว่าทำแล้วมันมีความสุขอย่างไร\n</p>\n<p>\nน.ส.ชนกนันท์ แสงระวี หรือ “เตย” นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลังได้ทำกิจกรรมจิตอาสาว่า เมื่อก่อนเราอยู่บ้านอยากได้อะไรพ่อแม่ก็หาให้ จะไปไหนมาไหนพ่อแม่ก็พาไป แต่เราอยากเติมในสิ่งที่ขาดให้กับคนอื่นๆ บ้าง อยากที่จะเป็นฝ่ายให้คนอื่นบ้าง ยิ่งพอไปทำกิจกรรมกับน้องๆ ที่โรงพยาบาลเด็กได้ทำให้น้องที่เขานอนป่วยมานานได้ยิ้มออก ได้มีความสุขเราเองก็มีความสุขไปด้วย ประทับใจและซึ้งใจตอนที่สอนน้องๆ เขาทำการ์ดวันแม่น้องบางคนนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเป็นปีไม่ได้เจอพ่อแม่เพราะอยู่ต่างจังหวัด พอเห็นเขาตั้งใจเขียนการ์ดให้แม่ก็ซึ่งใจสุดๆ\n</p>\n<p>\nด้านอาจารย์จรรยา ธนะนิมิต หัวหน้าระดับชั้น ม.5 โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย  กล่าวว่า การทำกิจกรรมจิตอาสาในโรงพยาบาลนับเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนสนับสนุนให้นักเรียนทำกิจกรรมอาสาภายนอกรั้วโรงเรียน ที่น่าภาคภูมิใจคือ ในการทำกิจกรรม เด็กนักเรียนรวมกลุ่มดูแลจัดการกันเอง คุณครูไม่ต้องคอยผลักดันมากเพียงแต่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ดูแลเรื่องความสะดวกและความปลอดภัยของนักเรียน  และจากการสังเกตพบว่านักเรียนส่วนใหญ่จะเกิดความปิติกลับมา อีกทั้งยังชวนเพื่อนคนอื่นๆ หาโอกาสไปทำกิจกรรมกันอีก  เด็กบางคนปกติอาจจะเกเรบ้าง เมื่อไปทำกิจกรรม กลับก็หันมาตั้งใจเรียน แต่งตัวเรียบร้อย เชื่อฟังครู เพราะเขาคิดว่าการเป็นเยาวชนจิตอาสาก็หมายความว่าเขาต้องเป็นคนดี เขาเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ปัจจุบันโรงเรียนมีแนวคิดที่จะขยายผลกิจกรรมจิตอาสาไปยังนักเรียนชั้น ม.4 และผลักดันให้เกิดครอบครัวจิตอาสาให้พ่อแม่ลูกมาทำกิจกรรมด้านนี้ด้วยกัน\n</p>\n<p>\nพันตรีหญิงจันทนี ภูยานนท์ ผู้แทนจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของเยาวชนจิตอาสา กล่าวว่า จากการเฝ้าสังเกตเยาวชนที่เข้ามาทำกิจกรรมในโรงพยาบาลพบว่า ช่วงแรกเด็กบางคนไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงของเขาได้เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ แต่เมื่อผ่านไปสัก 2-3 ครั้งเขาจะเริ่มชินกับคนไข้ เริ่มคุ้นเคยพูดคุยกันด้วยความสนิทสนมมากขึ้น กล้าแสดงออกมากขึ้น ทำหน้าที่เป็นนักสันทนาการที่ดี สามารถผ่อนคลายความเครียดของผู้ป่วยลงได้\n</p>\n<p>\n“อยากให้โครงการดีๆ อย่างนี้ดำเนินต่อไป ซึ่งทางโรงพยาบาลมีแนวคิดที่จะให้การเรียนรู้และกิจกรรมเกิดความต่อเนื่องโดยเติมความรู้เรื่องสุขอนามัยให้เด็กกลับไปดูแลตัวเองและคนใกล้ชิด ซึ่งอาจจะทำให้เด็กๆ มีความภาคภูมิใจมากขึ้น เด็กบางคนเมื่อมาทำกิจกรรมอาสาแล้วก็ย้อนกลับมามองตัวเองและคนใกล้ตัวบางคนอยากจะกลับไปดูแลญาติพี่น้องที่ป่วย นี่คือสิ่งมุ่งหวังที่ค่อนข้างเกินความคาดหมาย ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งหมายของระบบสาธารณะสุขที่ต้องการให้ชุมชนและประชาชนดูแลกันเองได้ ฉะนั้นสังคมจะต้องช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึก และสร้างต้นแบบให้กับเยาวชนก่อน การที่เราสร้างต้นแบบที่ดีให้กับเขาก็จะเป็นการช่วยกันสร้างอนาคตของประเทศเราได้อีกทางหนึ่ง”\n</p>\n<hr id=\"null\" />\n<p align=\"right\">\nข้อมูลจาก มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)\n</p>\n', created = 1719803029, expire = 1719889429, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:796f41254e1456bc4f9bdc8912b85df3' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

จิตอาสาในโรงพยาบาล

มูลนิธิสยามกัมมาจลร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา ได้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเยาวชนจิตอาสาขึ้น ในงาน “เวทีพลังเยาวชนจิตอาสา สร้างสุข สานสัมพันธ์จากสถานศึกษาสู่โรงพยาบาล” เพื่อให้เยาวชนจากสถานศึกษา 4 แห่งในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย และโรงเรียนกุนนทีรุทธารามวิทยาลัย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้จากเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังจิตอาสาในกลุ่มนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ

 


น.ส.กรวิกา ก้อนแก้ว หัวหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษาระยะที่ 1 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิสยามกัมมาจล มาตลอดระยะเวลา 3 เดือนพบว่า กิจกรรมในโครงการได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงพฤติกรรม ค่านิยม และทัศนคติของเยาวชนในสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการอย่างมาก เด็กบางคนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านทัศนคติและค่านิยม ทุกๆ คนได้ข้อคิด และได้พัฒนาทักษะการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทางมูลนิธิฯ เล็งเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา อาจารย์ นักเรียน รวมทั้งผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องการกับพัฒนาเยาวชนจิตอาสาให้วงกว้าง จึงได้จัดเวทีดังกล่าวขึ้น


ในเวทีเรื่องเล่าเร้าพลัง “พลังเยาวชนจิตอาสา จากรั้วโรงเรียน สู่โรงพยาบาล” ได้มีนักเรียนแกนนำจิตอาสาซึ่งเป็นตัวแทนจาก 4 โรงเรียนนำร่อง มาเล่าถึงความประทับใจและความเปลี่ยนแปลงหลังจากเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล โดย ด.ญ.ปนัสยา สมนวรางกูร หรือ “ชฎา” นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร  (ฝ่ายมัธยม)  ระบุว่า  การทำงานจิตอาสาไม่ใช่เรื่องยาก ไม่เหนื่อย แต่เป็นเรื่องใหม่ที่ทำแล้วได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกทั้งได้ความอิ่มเอมใจกลับมา อยากให้เพื่อนๆ ที่ไม่เคยทำกิจกรรมจิตอาสามาลองทำดู เพราะคนที่ไม่เคยทำจะไม่ทราบแน่นอนว่าทำแล้วมันมีความสุขอย่างไร

น.ส.ชนกนันท์ แสงระวี หรือ “เตย” นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลังได้ทำกิจกรรมจิตอาสาว่า เมื่อก่อนเราอยู่บ้านอยากได้อะไรพ่อแม่ก็หาให้ จะไปไหนมาไหนพ่อแม่ก็พาไป แต่เราอยากเติมในสิ่งที่ขาดให้กับคนอื่นๆ บ้าง อยากที่จะเป็นฝ่ายให้คนอื่นบ้าง ยิ่งพอไปทำกิจกรรมกับน้องๆ ที่โรงพยาบาลเด็กได้ทำให้น้องที่เขานอนป่วยมานานได้ยิ้มออก ได้มีความสุขเราเองก็มีความสุขไปด้วย ประทับใจและซึ้งใจตอนที่สอนน้องๆ เขาทำการ์ดวันแม่น้องบางคนนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเป็นปีไม่ได้เจอพ่อแม่เพราะอยู่ต่างจังหวัด พอเห็นเขาตั้งใจเขียนการ์ดให้แม่ก็ซึ่งใจสุดๆ

ด้านอาจารย์จรรยา ธนะนิมิต หัวหน้าระดับชั้น ม.5 โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย  กล่าวว่า การทำกิจกรรมจิตอาสาในโรงพยาบาลนับเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนสนับสนุนให้นักเรียนทำกิจกรรมอาสาภายนอกรั้วโรงเรียน ที่น่าภาคภูมิใจคือ ในการทำกิจกรรม เด็กนักเรียนรวมกลุ่มดูแลจัดการกันเอง คุณครูไม่ต้องคอยผลักดันมากเพียงแต่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ดูแลเรื่องความสะดวกและความปลอดภัยของนักเรียน  และจากการสังเกตพบว่านักเรียนส่วนใหญ่จะเกิดความปิติกลับมา อีกทั้งยังชวนเพื่อนคนอื่นๆ หาโอกาสไปทำกิจกรรมกันอีก  เด็กบางคนปกติอาจจะเกเรบ้าง เมื่อไปทำกิจกรรม กลับก็หันมาตั้งใจเรียน แต่งตัวเรียบร้อย เชื่อฟังครู เพราะเขาคิดว่าการเป็นเยาวชนจิตอาสาก็หมายความว่าเขาต้องเป็นคนดี เขาเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ปัจจุบันโรงเรียนมีแนวคิดที่จะขยายผลกิจกรรมจิตอาสาไปยังนักเรียนชั้น ม.4 และผลักดันให้เกิดครอบครัวจิตอาสาให้พ่อแม่ลูกมาทำกิจกรรมด้านนี้ด้วยกัน

พันตรีหญิงจันทนี ภูยานนท์ ผู้แทนจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของเยาวชนจิตอาสา กล่าวว่า จากการเฝ้าสังเกตเยาวชนที่เข้ามาทำกิจกรรมในโรงพยาบาลพบว่า ช่วงแรกเด็กบางคนไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงของเขาได้เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ แต่เมื่อผ่านไปสัก 2-3 ครั้งเขาจะเริ่มชินกับคนไข้ เริ่มคุ้นเคยพูดคุยกันด้วยความสนิทสนมมากขึ้น กล้าแสดงออกมากขึ้น ทำหน้าที่เป็นนักสันทนาการที่ดี สามารถผ่อนคลายความเครียดของผู้ป่วยลงได้

“อยากให้โครงการดีๆ อย่างนี้ดำเนินต่อไป ซึ่งทางโรงพยาบาลมีแนวคิดที่จะให้การเรียนรู้และกิจกรรมเกิดความต่อเนื่องโดยเติมความรู้เรื่องสุขอนามัยให้เด็กกลับไปดูแลตัวเองและคนใกล้ชิด ซึ่งอาจจะทำให้เด็กๆ มีความภาคภูมิใจมากขึ้น เด็กบางคนเมื่อมาทำกิจกรรมอาสาแล้วก็ย้อนกลับมามองตัวเองและคนใกล้ตัวบางคนอยากจะกลับไปดูแลญาติพี่น้องที่ป่วย นี่คือสิ่งมุ่งหวังที่ค่อนข้างเกินความคาดหมาย ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งหมายของระบบสาธารณะสุขที่ต้องการให้ชุมชนและประชาชนดูแลกันเองได้ ฉะนั้นสังคมจะต้องช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึก และสร้างต้นแบบให้กับเยาวชนก่อน การที่เราสร้างต้นแบบที่ดีให้กับเขาก็จะเป็นการช่วยกันสร้างอนาคตของประเทศเราได้อีกทางหนึ่ง”


ข้อมูลจาก มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 607 คน กำลังออนไลน์