การปฏิวัติภูมิปัญญา (Intellectual Revolution)
การปฏิวัติทางภูมิปัญญา ใน คริสต์ศตวรรษที่ 18
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นมิได้หยุดนิ่ง หากแต่มีพัฒนาการหรือทวีความเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเจริญก้าวหน้าทางความคิดและวิทยาศาสตร์ อันนำมาสู่การขยายตัวของการแสวงหาความจริงด้วยเหตุผลและการแสวงหาความรู้จากการสังเกตและประสบการณ์ ตัวอย่างของความเจริญทางปัญญาสะท้อนเด่นชัดผ่านคำกล่าวของนิวตันที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถค้นหาได้ โดยอาศัยที่รู้จักคิด” ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจแต่ประการใดที่จะมีการเรียกขานศตวรรษที่ 18 – 19 ว่าเป็น “ยุคภูมิธรรม” หรือ “ยุครู้แจ้ง” (Enlightenment)
พร้อมกับความก้าวหน้าทางความคิด ระบบเศรษฐกิจยังเจริญรุดหน้าไม่หยุดยั้งหลังจากมีการค้นพบโลกใหม่ ศูนย์กลางการค้าในยุโรปช่วงเวลานี้มิได้จำกัดตัวอยู่เฉพาะบริเวณแหลมอิตาลีเท่านั้น แต่เริ่มขยายตัวเข้าสู่ยุโรปตะวันตก เช่น ประเทศฮอลันดา อังกฤษและฝรั่งเศส สินค้าต่าง ๆ จากตะวันออกและโลกใหม่ ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของชาวตะวันตกพากันหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดในยุโรป การค้าที่เติบโตขึ้น ด้านหนึ่งส่งผลให้เริ่มมีการคิดทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ก้าวหน้าและได้ผลประโยชน์สูง เช่น การเริ่มสร้างระบบธนาคารเงินกู้และสินเชื่อ อีกด้านหนึ่งการขยายตัวทางการค้าก็มีส่วนให้ชนชั้นกลางในยุโรปทวีจำนวนมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ความก้าวหน้าทางความคิด ความจำเริญเติบโตของการค้าและชนชั้นกลางดังกล่าว ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เกิดผลกระทบอื่น ๆ ตามมาอย่างเป็นพลวัต ผลกระทบที่สืบเนื่องซึ่งมีความโดดเด่นและกลายเป็นแรงขับดันที่พลิกโฉมประเทศต่าง ๆ ในโลกตะวันตกให้กลายเป็นมหาอำนาจครอบงำโลกจวบจนปัจจุบัน คือ การปฏิวัติทางการเมืองและการปฏิวัติอุตสาหกรรม ดังนั้นในส่วนนี้จะพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในแต่ละมิติ
การปฏิวัติทางการเมืองการปกครอง
มิติการเมืองการปกครอง อิทธิพลของแนวคิดแบบเหตุผลนิยมที่ยกย่องความสามารถของมนุษย์ว่าเป็นผู้มีเหตุผล ทำให้ชาวตะวันตกเห็นคุณค่าและความสำคัญของมนุษย์ ไม่งมงายต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างปราศจากเหตุผล ปรารถนาที่จะเรียนรู้ คิด ก้าวหน้าและเริ่มเรียนรู้ที่จะประนีประนอมกับแนวคิดที่แตกต่างจากตน ประกอบกับการเติบโตของชนชั้นกลางจากการค้าและอุตสาหกรรม (จะกล่าวถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมข้างหน้า) ที่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง ได้ผลักดันให้เกิดความพยายามที่จะต่อสู้ เรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองในราวศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มจากการนำเสนอทฤษฎีการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นในโลกตะวันตก
นักปรัชญาการเมืองแนวประชาธิปไตย
1. เสนอว่าอำนาจการปกครองต้องรวมอยู่ที่บุคคลคนเดียวเพื่อมิให้มนุษย์กลับไปสู่สภาพธรรมชาติของตนที่เลวร้าย กษัตริย์มีอำนาจการปกครองสูงสุด มนุษย์ต้องเชื่อฟังกฎหมายที่กษัตริย์บัญญัติขึ้น
2. เน้นว่าอำนาจของกษัตริย์มาจากความยินยอมของประขาชนมิได้มาจาสกลัทธิเทวสิทธิ์
3. เสนอว่ามนุษย์ควรเชื่อด้วยเหตุผลและวิธีทางวิทยาศาสตร์ เขายอมรับพระเจ้าแต่ปฏิเสธพิธีกรรมและผู้นำทางศาสนา
ผลงาน Leviathan
1. ประชาชนทุกคนมีสิทธิตามธรรมชาติ คือ สิทธิในชีวิตเสรีภาพ และทรัพย์สิน
2. ไม่เห็นด้วยกับโทมัส ฮอบส์ที่ว่าให้รวมอำนาจปกครองไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น
3. มนุษย์เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลถ้ารัฐบาลทำผิดสัญญาประชาคม ประชาชนมีสิทธิ์ล้มรัฐบาลได้
4. เป็นผู้ริเริ่มแนวคิดแบ่งแยกอำนาจ
5. เห็นว่ารัฐเป็นเพียงกลไกที่มนุษย์พร้อมใจกันสร้างขึ้นเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของตนอำนาจอธิปไตยยังเป็นของประชาชนส่วนใหญ่อำนาจทางการเมืองที่แท้จริงมาจากประชาชน ทุกคนมีความเสมอภาคทางงกฎหมายรัฐมีหน้าที่หลักคือรักษาสิทธิขั้นมูลฐานของมนุษย์
6. แนวคิดของเขาเป็นทั้งทฤษฎีประชาธิปไตยและทฤษฎีการปฏิวัติและมีอิทธิพลอย่างมากต่อนักปฏิวัติชาวอเมริกันและชาวฝรั่งเศส
ผลงาน Two Treaties of Government, A Letter Concerning Toreration
1. ทฤษฎีแบ่งอำนาจการเมือง 3 ฝ่ายคือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ
2. ระบบการปกครองต้องสอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศและประวัติศาสต์ของแต่ละสังคม
3. การปกครองที่ดีที่สุดคือให้กษัตริย์ยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
ผลงาน The Spirit of Laws
1. เน้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและนับถือศาสนาแนวคิดของเขามีอิทธิพลต่อความคิดของพระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชในการพัฒนาและปฏิรูป ปรัสเซีย ให้เข้าสู่ยุคภูมิธรรม
2.”แม้ข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับที่ท่านพูดมาแม้แต่น้อย แต้ข้าพเจ้าจะปกป้องสิทธิ์ในการพูดของท่านอย่างสุดชีวิต”
รุสโซ
1. เจ้าทฤษฎี”อำนาจอธิปไตยของประชาชน”
2. เน้นเรื่อง”เจตจำนงร่วมของประชาชน” (General Will) คืออำนาจสูงสุดในการปกครอง
3. เสนอว่ามนุษย์มาอยู่รวมกันเป็น”องค์อธิปัตย์”คือองกรที่มีอำนาจสูงสุดดังนั้นรัฐบาลต้องยอมรับเจตจำนงทั่วไปของประขาขนรัฐบาลต้องสร้างความเสมอภาคให้การศึกษาจัดระบบกิจการคลังที่ดี มีระบบการเก็บภาษีมรดกและสิ่งฟุ่มเฟือย
4. มนุษย์เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาสลถ้ารัฐบาลทำผิดสัญญาประชาคมประชาชนมีสิทธิ์ล้มรัฐบาลได้
5. มีผลต่อการปฏิวัติฝรั่งเศส”เสรีภาพ เสมอภาพ ภารดรภาพ”
6.“มนุษย์เกิดมาอิสระแต่ทุกหนทุกแห่งเขาตกอยู่ในพันธนาการ”
ผลงาน Social Contract (สัญญาประชาคม)
ตรวจแล้วจ้า
อันนี้ทำใหม่น้ะค่ะ