• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:3476881905d17cdaf1953eef67b99409' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><meta content=\"en-us\" http-equiv=\"Content-Language\" /></p>\n<link rel=\"File-List\" href=\"/index_files/filelist.xml\" />\n<style>\n<!--\np.MsoNormal\n{mso-style-parent:\"\";\nmargin-bottom:.0001pt;\nfont-size:12.0pt;\nfont-family:\"Times New Roman\";\nmargin-left:0in; margin-right:0in; margin-top:0in}\nspan.mw-headline\n{}\ntable.MsoNormalTable\n{mso-style-parent:\"\";\nfont-size:10.0pt;\nfont-family:\"Times New Roman\";\n}\n--><!--\np.MsoNormal\n{mso-style-parent:\"\";\nmargin-bottom:.0001pt;\nfont-size:12.0pt;\nfont-family:\"Times New Roman\";\nmargin-left:0in; margin-right:0in; margin-top:0in}\nspan.mw-headline\n{}\ntable.MsoNormalTable\n{mso-style-parent:\"\";\nfont-size:10.0pt;\nfont-family:\"Times New Roman\";\n}\n--></style><style>\nv\\:* { behavior: url(#default#VML) }\no\\:* { behavior: url(#default#VML) }\n.shape { behavior: url(#default#VML) }</style><p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: medium\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส</span></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: medium; font-family: Angsana New\"></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: small\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14</span></span></b><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"> (</span><span style=\"font-family: Tahoma\"><i>Louis XIV de France</i></span><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">) (<span style=\"color: #000000\">5 กันยายน</span> <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2181</span> </span><span style=\"font-family: Tahoma\">–</span></span><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: small\"> <span style=\"color: #000000\">1 กันยายน</span> <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2258</span>) กษัตริย์แห่ง<span style=\"color: #000000\">ประเทศฝรั่งเศส</span> และ<span style=\"color: #000000\">นาวาร์</span> ทรงครองรายช์เมื่อมีพระชนมายุได้เพียง 5 ชันษา เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 ของ<span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์บูร์บง</span>แห่ง<span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์กาเปเตียง</span> เสวยราชสมบัติเมื่อวันที่ <span style=\"color: #000000\">14 พฤษภาคม</span> <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2186</span> และทรงครองราชย์นานถึง 72 ปีนับเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดของ<span style=\"color: #000000\">ประเทศฝรั่งเศส</span> และนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นใน<span style=\"color: #000000\">ทวีปยุโรป</span>อีกด้วย</span></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\"></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span class=\"mw-headline\"><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: medium\">พระราชประวัติ</span></span></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span class=\"mw-headline\"></span>\n</p>\n<p align=\"center\" style=\"background: #f9f9f9; line-height: 16.8pt; text-align: center\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 11pt; font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"><span style=\"text-decoration: none\"><v:shapetype id=\"_x0000_t75\"><v:stroke></v:stroke><v:formulas><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f><v:f></v:f></v:formulas><v:path></v:path><o:lock v:ext=\"edit\" aspectratio=\"t\"></o:lock></v:shapetype><v:shape style=\"width: 184.5pt; height: 264.75pt\" id=\"_x0000_s1025\"><v:imagedata></v:imagedata></v:shape></span></span>\n</p>\n<p align=\"center\" style=\"background: #f9f9f9; line-height: 16.8pt; text-align: center\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 11pt; font-family: Arial\"></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"color: #0000ff; font-family: Tahoma; text-decoration: underline\">  </span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14</span></b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"> พระราชสมภพ ณ <span style=\"color: #000000\">ปราสาทแซงต์-แชร์แม็ง-ออง-เลย์</span> (</span><i><span style=\"font-family: Tahoma\">Château de Saint-Germain-en-Laye</span></i><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">) นับเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์เพราะประสูติหลังจากที่พระบิดา (<span style=\"color: #000000\">พระเจ้าหลุยส์ ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส</span>) และพระมารดา(<span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระราชินีแอนน์ แห่งออสเตรีย</span>) ที่ได้อภิเษกสมรสกันมาเป็นเวลานานถึง 23 ปีโดยไม่มีโอรส-ธิดา จึงได้รับพระนามว่า <i>หลุยส์ ดิเยอดอนเน</i> ซึ่งแปลว่าหลุยส์ที่พระเจ้าทรงประทาน เนื่องจากพระองค์ประสูติตามคำสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าของพระเจ้าหลุยส์ ที่ 13 (ด้วยการทำพิธีถวายแผ่นดิน<span style=\"color: #000000\">ฝรั่งเศส</span>แด่<span style=\"color: #000000\">พระแม่มารี</span> เมื่อเดือนสิงหาคม ปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2181</span>) ซึ่งหลังจากพระองค์ประสูติแล้ว สองปีต่อมา ก็มีพระอนุชา คือเจ้าชายฟิลิปป์ (ดยุคแห่งอองจู และเป็นดยุคแห่งออร์เลออง) ประสูติตามมา</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักในนามของ <b>&quot;สุริยกษัตริย์&quot;</b> (</span><i><span style=\"font-family: Tahoma\">le Roi soleil</span></i><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">) พระเจ้าหลุยส์ทรงสถาปนา<span style=\"color: #000000\">ระบอบราชาธิปไตย</span>ใน<span style=\"color: #000000\">ฝรั่งเศส</span> ตามคำคมว่า <b>รัฐคือข้า</b> ที่มีคนแอบอ้างว่าเป็นอัญพจน์ของพระองค์ ทำให้ระบอบดังกล่าวถูกมองว่าเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่กษัตริย์มาปกครองประเทศตามบัญชาของสวรรค์ นักประวัติศาสตร์แสดงความเห็นขัดแย้งเกี่ยวกับคำคมดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากทราบกันว่ารัชสมัยของพระองค์นั้นโดดเด่นในเรื่องความก้าวหน้าทางด้านสิทธิของสาธารณชน ทำให้คำคมดังกล่าวที่ถูกอ้างมาผิดๆ้ ว่าองค์พระประมุขกับรัฐเป็นสิ่งเดียวกันนั้นสวนทางกับข้อเท็จจริง นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระองค์ ได้มีข้อกำหนดต่างๆเพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อต้าน<span style=\"color: #000000\">นิกายโปรเตสแตนท์</span> และในปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2228</span> พระองค์ได้ทรงรื้อฟื้น<span style=\"color: #000000\">พระบัญชาแห่งนองต์</span> อันเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมาโดย<span style=\"color: #000000\">พระเจ้าอองรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส</span> สมเด็จพระอัยกาของพระองค์อีกด้วย</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">พระองค์ได้ทรงลดทอนอำนาจของชนชั้นสูงที่เชี่ยวชาญในการรบ ด้วยทรงรับสั่งให้พวกเขาเหล่านั้นรับใช้พระองค์เช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกในราชสำนัก อันเป็นการถ่ายโอนอำนาจมายังระบบธุรการแบบรวมศูนย์ และทำให้พวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นชนชั้นสูงที่ใช้สติปัญญา พระองค์ทรงดำริให้สร้าง<span style=\"color: #000000\">พระราชวังแวร์ซายส์</span> ขึ้นในอุทยาน โดยมีการจัดสวนให้เป็นรูปทรง<span style=\"color: #000000\">เรขาคณิต</span> พระราชวังแวร์ซายที่มีขนาดใหญ่นี้ตั้งอยู่ห่างออกไปราว 15 กิโลเมตรทางตะวันตกของ<span style=\"color: #000000\">กรุงปารีส</span> ที่เมืองแวร์ซาย ในเขตปริมณฑลของกรุงปารีส</span>\n</p>\n<div id=\"globalWrapper\">\n<div id=\"column-content\">\n<div id=\"content\">\n<div id=\"bodyContent\">\nพระองค์ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ<span style=\"color: #000000\">พระนางมารี-เทเรส แห่งออสเตรีย</span> (<span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2181</span> - <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2226</span>) พระธิดาของ<span style=\"color: #000000\">พระเจ้าฟิลิปป์ที่ 4 แห่งสเปน</span> กับ<span style=\"color: #000000\">พระนางเอลิซาเบธ แห่งฝรั่งเศส</span> (<span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2145</span> - <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2187</span>) ทรงมีโอรสธิดารวมห้าพระองค์: \n<ul>\n<li>เจ้าชาย<span style=\"color: #000000\">หลุยส์แห่งฝรั่งเศส</span>(<span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2204</span> - <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2254</span>) ผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมาร </li>\n<li>เจ้าหญิงมารี-เทเรส (<span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2210</span> - <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2215</span>) </li>\n<li>เจ้าหญิงอานน์-เอลิซาเบธ ( <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2205</span> - <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2205</span>) </li>\n<li>เจ้าชาย<span style=\"color: #000000\">หลุยส์แห่งฝรั่งเศส</span>( <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2210</span> - <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2226</span>) </li>\n<li>เจ้าหญิงมารี-อานน์ ( <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2207</span> - <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2207</span>) </li>\n</ul>\n</div>\n</div>\n</div>\n</div>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\"></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14</span></b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"> ทรงมีพระสนมมากมาย ในจำนวนนั้น รวมถึง<span style=\"color: #000000\">หลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์</span> <span style=\"color: #000000\">อองเจลลิก เดอ ฟงตองจ์</span> <span style=\"color: #000000\">มาดาม เดอ มงต์เตสปอง</span> และ <span style=\"color: #000000\">มาดาม เดอ มังเตอนง</span> (ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงอภิเษกสมรสด้วยอย่างลับๆ ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของราชินี ในปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2227</span>) ในวัยรุ่น พระองค์ได้ทรงรู้จักกับหลานสาวของ<span style=\"color: #000000\">พระคาร์ดินัลมาซารัง</span> ชื่อ<span style=\"color: #000000\">มารี มองซีนี</span> ความรักแบบเพื่อนของทั้งสองถูกขัดขวางโดยพระคาร์ดินัล ผู้ประสงค์ให้พระองค์อภิเษกสมรสกับราชนิกูลของ<span style=\"color: #000000\">ประเทศสเปน</span>เพื่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศส และของตัวพระคาร์ดินัลเอง คนมักจะพูดกันว่านางสาวเดอ โบเวส์โชคดีมากที่ไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนก็ยังกังขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี พระเจ้าหลุยส์ยังทรงมีสัมพันธ์เป็นเวลายาวนานอีกกับเด็กสาวพนักงานซักรีดของ<span style=\"color: #000000\">พระราชวังลูฟ</span> ด้วยความเจ้าชู้ของพระองค์ ต่อมาภายหลังได้ทรงรับสั่งให้สร้างบันไดลับไว้มากมายใน<span style=\"color: #000000\">พระราชวังแวร์ซาย</span>เพื่อจะได้สเด็จไปหาพระสนมของพระองค์ได้สะดวก ความสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้พวกเคร่งศาสนากลุ่มหนึ่งไม่พอใจ <span style=\"color: #000000\">โบสซูเอต์</span> กับ <span style=\"color: #000000\">มาดาม เดอ มังเตอนง</span> จึงพยายามชักชวนให้พระองค์หันกลับมาสู่ความทรงคุณธรรมอีกครั้ง ซึ่งทำคนทั่วไปรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของพระราชวังแวร์ซายได้ แต่ก็ทำให้ผู้บันทึกประวัติหลายคนรู้สึกเสียดาย</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">ปัญหาเรื่องพระพลานามัยที่ทรุดโทรมและปัญหาการหารัชทายาท ทำให้เกิดบรรยากาศเศร้าสลดขึ้นในช่วงปลายรัชสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์ต้องสูญเสียพระโอรส เจ้าชายหลุยส์แห่งฝรั่งเศส (มกุฎราชกุมาร) ไปในปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2254</span> ในปีถัดมา ดยุคแห่งบูกอญจ์ ผู้เป็นพระราชนัดดา พร้อมด้วยโอรสองค์โตของดยุคพระองค์นี้ก็ได้สิ้นพระชนม์ลงอีกด้วย<span style=\"color: #000000\">โรคฝีดาษ</span> องค์มกุฎราชกุมารทรงมีพระโอรสอีกสององค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้เป็นกษัตริย์ของ<span style=\"color: #000000\">สเปน</span>ภายใต้พระนามว่าฟิลลิปป์ที่ 5 แห่งสเปน เป็นผู้ซึ่งปฏิเสธสิทธิในการขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศสที่สืบเนื่องมาจากสงครามชิงบัลลังก์ในสเปนภายใต้สนธิสัญญาอุเทรชต์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2257 ดยุคแห่งแบรี โอรสอีกพระองค์หนึ่งของมกุฎราชกุมารก็สิ้นพระชนม์ลงอีกด้วย ราชนิกูลชายผู้สืบเชื้ออย่างถูกต้องจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในขณะนั้นจึงได้แก่ดยุคแห่งอองจู พระโอรสองค์รองของเจ้าชายแห่งบูกอญจ์ ผู้เป็นเหลนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2253 แต่ก็เป็นเด็กชายผู้มีพลานามัยเปราะบาง นอกเหนือจากดยุคแห่งอองจูผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งมกุฎราชกุมารแล้ว ก็มีเจ้าชายผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจากพระองค์อยู่อีกไม่มากในสายมารดาอื่น พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงทรงตัดสินพระทัยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ราชวงศ์ด้วยการมอบสิทธิ์การขึ้นครองบัลลังก์ให้แก่เจ้าชายอีกสองพระองค์ด้วยเช่นกัน ได้แก่เจ้าชายหลุยส์ ออกุสต์ เดอ บูร์บง ดยุคแห่งเมน และเจ้าชายหลุยส์ อเล็กซองเดรอ เคาท์แห่งตูลูส พระโอรสอันชอบธรรมสองพระองค์ที่ประสูติแด่ มาดาม เดอ มงต์เตสปอง</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14</span></b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"> เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2258 ด้วยโรคติดเชื้อจากแผลกดทับ พระองค์ได้ทรงประกาศก่อนสิ้นพระทัยว่า <i>&quot;ข้าจะไปแล้ว แต่รัฐของข้าจะคงอยู่ตลอดไป&quot;</i> รัชสมัยของพระองค์กินเวลา 72 ปี กับ 100 วัน พระศพถูกฝังไว้ที่บาซิลิก ซังต์ เดอนี ซึ่งหลุมพระศพนี้ถูกบุกรุกทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสในกาลต่อมา ดยุคแห่งอองจู เหลนของพระองค์ผู้มีพระชนม์เพียงห้าชันษาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ต่อมา ภายใต้พระนามว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส โดยมีเจ้าชายฟิลิปป์ ดยุคแห่งออร์เลอง พระนัดดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นผู้สำเร็จราชการตลอดช่วงที่กษัตริย์ยังทรงพระเยาว์</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\"></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\"><span class=\"mw-headline\"></span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\"><span class=\"mw-headline\"></span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\"><span class=\"mw-headline\"></span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span class=\"mw-headline\"></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span class=\"mw-headline\"></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span class=\"mw-headline\"><span style=\"font-size: large; font-family: Tahoma\"></span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span class=\"mw-headline\"><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: large\">การเมืองการปกครอง</span></span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 14pt; font-family: Angsana New\" lang=\"TH\"><span style=\"text-decoration: none\"><v:shape style=\"width: 201pt; height: 158.25pt\" id=\"_x0000_s1026\"><v:imagedata></v:imagedata></v:shape></span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Arial\"></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">ช่วงรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั้นโดดเด่นด้วยการรังสรรค์วัฒนธรรมชั้นสูงของฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศสได้กลายเป็นภาษาของคนชั้นสูง และภาษาทางการทูตในช่วง<span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 17</span> และ <span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 18</span> โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน<span style=\"color: #000000\">ประเทศรัสเซีย</span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">ในปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2217</span> รัฐบาลฝรั่งเศสได้ซื้อหมู่เกาะ<span style=\"color: #000000\">มาร์ตีนีก</span> มาจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ยึดเกาะนี้มาได้ตั้งแต่ปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2178</span> ในปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2232</span> พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ทรงประกาศ&quot;กฎดำ&quot; ที่ให้อนุญาตให้มีทาสได้ในดินแดนอาณานิคม ผู้ที่ชื่นชมพระองค์ได้มองกฎดำนี้ว่าเป็นกฎที่ทำให้มีการค้าทาสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้จำกัดการกระทำทารุณกรรมต่อทาส และมอบสถานภาพทางสังคมให้แก่ทาส ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นได้เพียงทรัพย์สมบัติโดยตรงของเจ้าของทาส เฉกเช่นสิ่งของเครื่องใช้ และด้วยกฎนี้ พวกทาสสามารถมีสิทธิ์เป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ในจำนวนจำกัด มีสิทธิ์เกษียณอายุเมื่อถึงวัยชรา มีสิทธิ์ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากเจ้าของ และได้รับอาหารที่ดี กฎดำจึงกลายเป็นกรอบของ<span style=\"color: #000000\">สนธิสัญญาทาส</span>ในสมัยนั้น</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงเป็นที่รักและเคารพของประชาชนชาวฝรั่งเศส จากการที่พระองค์ทำให้ประเทศเกรียงไกรและแผ่ขยายอาณาเขตไปเป็นอันมาก อย่างไรก็ดี การตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดเวลาทำให้รัฐต้องขาดดุล และต้องเก็บภาษีอากรจากชาวไร่ชาวนาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก <span style=\"color: #000000\">อเล็กซิส เดอ ทอกเกอวิลล์</span> นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้แสดงความเห็นว่า การที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เปลี่ยนพวกชนชั้นสูงให้กลายเป็นข้าราชบริพารธรรมดา รวมทั้งยังเข้าพวกกับผู้ดีใหม่ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้แต่ไม่ให้มีอำนาจทางการเมือง มีส่วนผลักดันให้เกิดความไม่มั่นคงในสเถียรภาพทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในเวลาต่อมา และเป็นชนวนก่อให้เกิด<span style=\"color: #000000\">การปฏิวัติฝรั่งเศส</span>ในที่สุด</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">ในช่วงต้นของรัชสมัย ประเทศมหาอำนาจในยุโรปอีกประเทศหนึ่งคือ<span style=\"color: #000000\">ประเทศสเปน</span> ในขณะที่<span style=\"color: #000000\">สหราชอาณาจักร</span> โดยเฉพาะ<span style=\"color: #000000\">อังกฤษ</span> ได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์</span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n<b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14</span></b><span style=\"font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"> ทรงครองราชย์ตรงกับช่วงระหว่างรัชสมัยของ<span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง</span> <span style=\"color: #000000\">สมเด็จเจ้าฟ้าชัย</span> <span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา</span> <span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระนารายณ์มหาราช</span> <span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระเพทราชา</span> <span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8</span> (พระเจ้าเสือ) และ <span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 9</span> (พระเจ้าท้ายสระ) แห่ง<span style=\"color: #000000\">สมัยอยุธยา</span></span>\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\nพระราชวังแวร์ซายส์\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 12pt; font-family: Times New Roman\"><span style=\"text-decoration: none\"><v:shape style=\"width: 217.5pt; height: 131.25pt\" id=\"_x0000_s1027\"><v:imagedata></v:imagedata></v:shape></span></span></p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<div id=\"globalWrapper0\">\n<div id=\"column-content0\">\n<div id=\"content0\">\n<div id=\"bodyContent0\">\nเดิมนั้น เมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อ<span style=\"color: #000000\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 13</span> ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2167</span> โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น \n<p>\nเมื่อ <span style=\"color: #000000\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 14</span> แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2204</span> ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 <span style=\"color: #000000\">ฟรังก์</span> คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จใน<span style=\"color: #000000\"><span style=\"text-decoration: none\">พ</span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"text-decoration: none\">.ศ. 2231</span></span> ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง\n</p>\n<p>\nการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับ<span style=\"color: #000000\">พระเจ้าหลุยส์ที่ 16</span> กับพระนาง<span style=\"color: #000000\">มารี อองตัวเนต</span> ประหารด้วย &quot;<span style=\"color: #000000\">กิโยติน</span>&quot; ในวันที่ <span style=\"color: #000000\">6 ตุลาคม</span> <span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2332</span> ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้\n</p>\n</div>\n</div>\n</div>\n</div>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"background: #f8fcff; text-indent: 0.5in\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 12pt; font-family: Tahoma\" lang=\"TH\"><span style=\"text-decoration: none\"><v:shape style=\"width: 562.5pt; height: 97.5pt\" id=\"_x0000_s1028\"><v:imagedata></v:imagedata></v:shape></span></span></p>\n', created = 1720189904, expire = 1720276304, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:3476881905d17cdaf1953eef67b99409' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV de France) (5 กันยายน พ.ศ. 2181 1 กันยายน พ.ศ. 2258) กษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศส และนาวาร์ ทรงครองรายช์เมื่อมีพระชนมายุได้เพียง 5 ชันษา เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 ของราชวงศ์บูร์บงแห่งราชวงศ์กาเปเตียง เสวยราชสมบัติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2186 และทรงครองราชย์นานถึง 72 ปีนับเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดของประเทศฝรั่งเศส และนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นในทวีปยุโรปอีกด้วย

พระราชประวัติ

 

 

 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระราชสมภพ ณ ปราสาทแซงต์-แชร์แม็ง-ออง-เลย์ (Château de Saint-Germain-en-Laye) นับเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์เพราะประสูติหลังจากที่พระบิดา (พระเจ้าหลุยส์ ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส) และพระมารดา(สมเด็จพระราชินีแอนน์ แห่งออสเตรีย) ที่ได้อภิเษกสมรสกันมาเป็นเวลานานถึง 23 ปีโดยไม่มีโอรส-ธิดา จึงได้รับพระนามว่า หลุยส์ ดิเยอดอนเน ซึ่งแปลว่าหลุยส์ที่พระเจ้าทรงประทาน เนื่องจากพระองค์ประสูติตามคำสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าของพระเจ้าหลุยส์ ที่ 13 (ด้วยการทำพิธีถวายแผ่นดินฝรั่งเศสแด่พระแม่มารี เมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2181) ซึ่งหลังจากพระองค์ประสูติแล้ว สองปีต่อมา ก็มีพระอนุชา คือเจ้าชายฟิลิปป์ (ดยุคแห่งอองจู และเป็นดยุคแห่งออร์เลออง) ประสูติตามมา

พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักในนามของ "สุริยกษัตริย์" (le Roi soleil) พระเจ้าหลุยส์ทรงสถาปนาระบอบราชาธิปไตยในฝรั่งเศส ตามคำคมว่า รัฐคือข้า ที่มีคนแอบอ้างว่าเป็นอัญพจน์ของพระองค์ ทำให้ระบอบดังกล่าวถูกมองว่าเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่กษัตริย์มาปกครองประเทศตามบัญชาของสวรรค์ นักประวัติศาสตร์แสดงความเห็นขัดแย้งเกี่ยวกับคำคมดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากทราบกันว่ารัชสมัยของพระองค์นั้นโดดเด่นในเรื่องความก้าวหน้าทางด้านสิทธิของสาธารณชน ทำให้คำคมดังกล่าวที่ถูกอ้างมาผิดๆ้ ว่าองค์พระประมุขกับรัฐเป็นสิ่งเดียวกันนั้นสวนทางกับข้อเท็จจริง นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระองค์ ได้มีข้อกำหนดต่างๆเพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อต้านนิกายโปรเตสแตนท์ และในปี พ.ศ. 2228 พระองค์ได้ทรงรื้อฟื้นพระบัญชาแห่งนองต์ อันเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมาโดยพระเจ้าอองรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส สมเด็จพระอัยกาของพระองค์อีกด้วย

พระองค์ได้ทรงลดทอนอำนาจของชนชั้นสูงที่เชี่ยวชาญในการรบ ด้วยทรงรับสั่งให้พวกเขาเหล่านั้นรับใช้พระองค์เช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกในราชสำนัก อันเป็นการถ่ายโอนอำนาจมายังระบบธุรการแบบรวมศูนย์ และทำให้พวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นชนชั้นสูงที่ใช้สติปัญญา พระองค์ทรงดำริให้สร้างพระราชวังแวร์ซายส์ ขึ้นในอุทยาน โดยมีการจัดสวนให้เป็นรูปทรงเรขาคณิต พระราชวังแวร์ซายที่มีขนาดใหญ่นี้ตั้งอยู่ห่างออกไปราว 15 กิโลเมตรทางตะวันตกของกรุงปารีส ที่เมืองแวร์ซาย ในเขตปริมณฑลของกรุงปารีส

พระองค์ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระนางมารี-เทเรส แห่งออสเตรีย (พ.ศ. 2181 - พ.ศ. 2226) พระธิดาของพระเจ้าฟิลิปป์ที่ 4 แห่งสเปน กับพระนางเอลิซาเบธ แห่งฝรั่งเศส (พ.ศ. 2145 - พ.ศ. 2187) ทรงมีโอรสธิดารวมห้าพระองค์:
  • เจ้าชายหลุยส์แห่งฝรั่งเศส(พ.ศ. 2204 - พ.ศ. 2254) ผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมาร
  • เจ้าหญิงมารี-เทเรส (พ.ศ. 2210 - พ.ศ. 2215)
  • เจ้าหญิงอานน์-เอลิซาเบธ ( พ.ศ. 2205 - พ.ศ. 2205)
  • เจ้าชายหลุยส์แห่งฝรั่งเศส( พ.ศ. 2210 - พ.ศ. 2226)
  • เจ้าหญิงมารี-อานน์ ( พ.ศ. 2207 - พ.ศ. 2207)

 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมีพระสนมมากมาย ในจำนวนนั้น รวมถึงหลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์ อองเจลลิก เดอ ฟงตองจ์ มาดาม เดอ มงต์เตสปอง และ มาดาม เดอ มังเตอนง (ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงอภิเษกสมรสด้วยอย่างลับๆ ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของราชินี ในปี พ.ศ. 2227) ในวัยรุ่น พระองค์ได้ทรงรู้จักกับหลานสาวของพระคาร์ดินัลมาซารัง ชื่อมารี มองซีนี ความรักแบบเพื่อนของทั้งสองถูกขัดขวางโดยพระคาร์ดินัล ผู้ประสงค์ให้พระองค์อภิเษกสมรสกับราชนิกูลของประเทศสเปนเพื่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศส และของตัวพระคาร์ดินัลเอง คนมักจะพูดกันว่านางสาวเดอ โบเวส์โชคดีมากที่ไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนก็ยังกังขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี พระเจ้าหลุยส์ยังทรงมีสัมพันธ์เป็นเวลายาวนานอีกกับเด็กสาวพนักงานซักรีดของพระราชวังลูฟ ด้วยความเจ้าชู้ของพระองค์ ต่อมาภายหลังได้ทรงรับสั่งให้สร้างบันไดลับไว้มากมายในพระราชวังแวร์ซายเพื่อจะได้สเด็จไปหาพระสนมของพระองค์ได้สะดวก ความสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้พวกเคร่งศาสนากลุ่มหนึ่งไม่พอใจ โบสซูเอต์ กับ มาดาม เดอ มังเตอนง จึงพยายามชักชวนให้พระองค์หันกลับมาสู่ความทรงคุณธรรมอีกครั้ง ซึ่งทำคนทั่วไปรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของพระราชวังแวร์ซายได้ แต่ก็ทำให้ผู้บันทึกประวัติหลายคนรู้สึกเสียดาย

ปัญหาเรื่องพระพลานามัยที่ทรุดโทรมและปัญหาการหารัชทายาท ทำให้เกิดบรรยากาศเศร้าสลดขึ้นในช่วงปลายรัชสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์ต้องสูญเสียพระโอรส เจ้าชายหลุยส์แห่งฝรั่งเศส (มกุฎราชกุมาร) ไปในปี พ.ศ. 2254 ในปีถัดมา ดยุคแห่งบูกอญจ์ ผู้เป็นพระราชนัดดา พร้อมด้วยโอรสองค์โตของดยุคพระองค์นี้ก็ได้สิ้นพระชนม์ลงอีกด้วยโรคฝีดาษ องค์มกุฎราชกุมารทรงมีพระโอรสอีกสององค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้เป็นกษัตริย์ของสเปนภายใต้พระนามว่าฟิลลิปป์ที่ 5 แห่งสเปน เป็นผู้ซึ่งปฏิเสธสิทธิในการขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศสที่สืบเนื่องมาจากสงครามชิงบัลลังก์ในสเปนภายใต้สนธิสัญญาอุเทรชต์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2257 ดยุคแห่งแบรี โอรสอีกพระองค์หนึ่งของมกุฎราชกุมารก็สิ้นพระชนม์ลงอีกด้วย ราชนิกูลชายผู้สืบเชื้ออย่างถูกต้องจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในขณะนั้นจึงได้แก่ดยุคแห่งอองจู พระโอรสองค์รองของเจ้าชายแห่งบูกอญจ์ ผู้เป็นเหลนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2253 แต่ก็เป็นเด็กชายผู้มีพลานามัยเปราะบาง นอกเหนือจากดยุคแห่งอองจูผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งมกุฎราชกุมารแล้ว ก็มีเจ้าชายผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจากพระองค์อยู่อีกไม่มากในสายมารดาอื่น พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงทรงตัดสินพระทัยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ราชวงศ์ด้วยการมอบสิทธิ์การขึ้นครองบัลลังก์ให้แก่เจ้าชายอีกสองพระองค์ด้วยเช่นกัน ได้แก่เจ้าชายหลุยส์ ออกุสต์ เดอ บูร์บง ดยุคแห่งเมน และเจ้าชายหลุยส์ อเล็กซองเดรอ เคาท์แห่งตูลูส พระโอรสอันชอบธรรมสองพระองค์ที่ประสูติแด่ มาดาม เดอ มงต์เตสปอง

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2258 ด้วยโรคติดเชื้อจากแผลกดทับ พระองค์ได้ทรงประกาศก่อนสิ้นพระทัยว่า "ข้าจะไปแล้ว แต่รัฐของข้าจะคงอยู่ตลอดไป" รัชสมัยของพระองค์กินเวลา 72 ปี กับ 100 วัน พระศพถูกฝังไว้ที่บาซิลิก ซังต์ เดอนี ซึ่งหลุมพระศพนี้ถูกบุกรุกทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสในกาลต่อมา ดยุคแห่งอองจู เหลนของพระองค์ผู้มีพระชนม์เพียงห้าชันษาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ต่อมา ภายใต้พระนามว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส โดยมีเจ้าชายฟิลิปป์ ดยุคแห่งออร์เลอง พระนัดดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นผู้สำเร็จราชการตลอดช่วงที่กษัตริย์ยังทรงพระเยาว์

 

การเมืองการปกครอง

ช่วงรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั้นโดดเด่นด้วยการรังสรรค์วัฒนธรรมชั้นสูงของฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศสได้กลายเป็นภาษาของคนชั้นสูง และภาษาทางการทูตในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ คริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศรัสเซีย

ในปี พ.ศ. 2217 รัฐบาลฝรั่งเศสได้ซื้อหมู่เกาะมาร์ตีนีก มาจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ยึดเกาะนี้มาได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2178 ในปี พ.ศ. 2232 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ทรงประกาศ"กฎดำ" ที่ให้อนุญาตให้มีทาสได้ในดินแดนอาณานิคม ผู้ที่ชื่นชมพระองค์ได้มองกฎดำนี้ว่าเป็นกฎที่ทำให้มีการค้าทาสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้จำกัดการกระทำทารุณกรรมต่อทาส และมอบสถานภาพทางสังคมให้แก่ทาส ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นได้เพียงทรัพย์สมบัติโดยตรงของเจ้าของทาส เฉกเช่นสิ่งของเครื่องใช้ และด้วยกฎนี้ พวกทาสสามารถมีสิทธิ์เป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ในจำนวนจำกัด มีสิทธิ์เกษียณอายุเมื่อถึงวัยชรา มีสิทธิ์ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากเจ้าของ และได้รับอาหารที่ดี กฎดำจึงกลายเป็นกรอบของสนธิสัญญาทาสในสมัยนั้น

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงเป็นที่รักและเคารพของประชาชนชาวฝรั่งเศส จากการที่พระองค์ทำให้ประเทศเกรียงไกรและแผ่ขยายอาณาเขตไปเป็นอันมาก อย่างไรก็ดี การตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดเวลาทำให้รัฐต้องขาดดุล และต้องเก็บภาษีอากรจากชาวไร่ชาวนาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อเล็กซิส เดอ ทอกเกอวิลล์ นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้แสดงความเห็นว่า การที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เปลี่ยนพวกชนชั้นสูงให้กลายเป็นข้าราชบริพารธรรมดา รวมทั้งยังเข้าพวกกับผู้ดีใหม่ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้แต่ไม่ให้มีอำนาจทางการเมือง มีส่วนผลักดันให้เกิดความไม่มั่นคงในสเถียรภาพทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในเวลาต่อมา และเป็นชนวนก่อให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในที่สุด

ในช่วงต้นของรัชสมัย ประเทศมหาอำนาจในยุโรปอีกประเทศหนึ่งคือประเทศสเปน ในขณะที่สหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอังกฤษ ได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงครองราชย์ตรงกับช่วงระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สมเด็จเจ้าฟ้าชัย สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชา สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) และ สมเด็จพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ) แห่งสมัยอยุธยา

 

พระราชวังแวร์ซายส์

 

เดิมนั้น เมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จใน.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง

การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้

 

 

สร้างโดย: 
คันธมาลี

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 602 คน กำลังออนไลน์