ตัวละครหลักในสามก๊ก
ตัวละครหลักในสามก๊ก
ประวัติกวนอู
กวนอูเดิมเป็นชาวอำเภอไก่เหลียง ดินแดนฮอตั๋ง ชื่อเดิมคือเผิงเสียน ชื่อรองโซ่วฉางรูปร่างสูงใหญ่ สง่างามน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น มีกำเนิดในครอบครัวนักปราชญ์ เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์พิชัยสงครามและคัมภีร์หลี่ซื่อชุนชิวเป็นนักโทษต้องคดีอาญาแผ่นดิน หลบหนีการจับกุมเร่รอนไปทั่วเป็นเวลา 6 ปี จนถึงด่านถงกวน นายด่านพบพิรุธจึงสอบถามชื่อแซ่ กวนอูตกใจจึงชี้ไปที่ชื่อด่านคือ "ถงกวน" ทำให้นายด่านเข้าใจว่ากวนอูนั้นแซ่กวน หลังจากนั้นเป็นต้นมากวนอูจึงเปลี่ยนจากชื่อเดิมคือเผิงเสียนเป็นกวนอู ต่อมาได้พบเล่าปี่และเตียวหุยที่ตุ้นก้วนและร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน กวนอูได้ร่วมรบกับเล่าปี่ปราบโจรโพกผ้าเหลืองจนราบคาบในสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่เล่าปี่กลับได้เพียงตำแหน่งนายอำเภออันห้อก้วน ภายหลังต๊กอิ้วซึ่งเป็นเจ้าเมืองออกตรวจราชการที่อำเภออันห้อก้วน เล่าปี่ไม่มีสินบนมอบให้จึงถูกใส่ความด้วยการเขียนฎีกาถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ในข้อหากบฏเตียวหุยโกรธจัดถึงกับพลั้งมือเฆี่ยนตีต๊กอิ้วจนเกือบเสียชีวิต ทำให้เล่าปี่ต้องหลบหนีจากการจับกุมของทางการพร้อมกับกวนอูและเตียวหุย
วีรกรรมของกวนอูนั้นมีมากมาย เริ่มจากการร่วมปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองร่วมกับทหารหลวงของพระเจ้าเหี้ยนเต้ สังหารฮัวหยงแม่ทัพของตั๋งโต๊ะโดยที่สุราคาราวะจากโจโฉยังอุ่น ๆ ปราบงันเหลียงและบุนทิวสองทหารเอกของอ้วนเสี้ยว บุกเดี่ยวพันลี้หนีจากโจโฉเพื่อ หวนกลับคืนสู่เล่าปี่ด้วยคำสัตย์สาบานในสวนท้อ ทั้งที่โจโฉพยายามทุกวิถีทางเพื่อมัดใจกวนอูแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6ขุนพลของโจโฉ และในคราวศึกเซ็กเพ็กโจโฉแตกทัพหนีไปตามเส้นทางฮัวหยง กวนอูได้รับมอบหมายจากขงเบ้งให้นำกำลังทหารมาดักรอจับกุม โจโฉว่ากล่าวตักเตือนให้กวนอูระลึกถึงบุญคุณครั้งก่อนจนกวนอูใจอ่อนยอมปล่อยโจโฉหลุดรอดไป โดยยอมรับโทษประหารตามที่ได้ทำทัณฑ์บนไว้กับขงเบ้ง เมื่อเล่าปี่สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิครองเสฉวน ได้ให้กวนอูไปกินตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วและแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในห้าทหารเสือของเล่าปี่ ภายหลังซุนกวนมอบหมายให้โลซกเจรจา ขอเกงจิ๋วคืน กวนอูบุกเดี่ยวข้ามฟากไปกังตั๋งเพื่อกินโต๊ะตามคำเชิญโดยที่โลซกและทหารที่ แอบซุ่มรอบๆบริเวณไม่สามารถทำอันตรายได้ ภายหลังซุนกวนเป็นพันธมิตรกับโจโฉนำทัพโจมตีเกงจิ๋ว กวนอูพลาดท่าเสียทีแก่ลิบองและลกซุนสองแม่ทัพแห่งกังตั๋งจน จนเสียเกงจิ๋วพยายามตีฝ่ากำลังทหารที่ล้อมเมืองเป๊กเสีย เพื่อชิงเกงจิ๋วกลับคืนแต่โดนกลอุบายจับตัวไปได้ ซุนกวนพยายามเกลี้ยกล่อมให้กวนอูยอมจำนนและสวามิภักดิ์แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกประหารพร้อมกับกวนเป๋งบุตรบุญธรรมในเดือนสิบสองของปี พ.ศ. 762 ศีรษะของกวนอูถูกซุนกวนส่งไปมอบให้แก่โจโฉที่ฮูโต๋ ซึ่งเป็นกลอุบายที่หมายจะหลอกให้เล่าปี่หลงเชื่อว่าโจโฉเป็นผู้สั่งประหาร กวนอู และนำกำลังทหารไปทำศึกสงครามกับโจโฉแทน แต่โจโฉเท่าทันกลอุบายของซุนกวน จึงจัดงานศพให้แก่กวนอูอย่างสมเกียรติ นำไม้หอมมาต่อเป็นหีบใส่ศีรษะกวนอู แต่งเครื่องเซ่นไหว้ตามบรรดาศักดิ์ขุนนางผู้ใหญ่รวมทั้งสั่งการให้ทหารทั้งหมดแต่งกายขาวไว้ทุกข์ให้แก่กวนอู ยกย่องให้เป็นอ๋องแห่งเกงจิ๋วและจารึกอักษรที่หลุมฝังศพว่า "ที่ฝังศพเจ้าเมืองเกงจิ๋ว"
ศีรษะของกวนอูถูกฝังไว้ ณ ประตูเมืองลกเอี้ยงหรือลัวหยางทางด้านทิศใต้
ประวัติเล่าปี่
พระเจ้าเล่าปี่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ฮั่น โดย จงซานจิ้งอ๋องผู้เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าฮั่นเกงเต้จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่น ในลำดับอาลักษณ์ราชวงศ์ฮั่น เล่าปี่มีศักดิ์เป็น เสด็จอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จึงทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งทางพระ-ราชวงศ์เป็นพระปิตุลาธิราช หรือ พระเจ้าอา ส่วนตำแหน่งทางการเมืองดำรงตำแหน่งขุนพลฝ่ายซ้าย รูปพรรณสันฐาน เป็นคนผิวขาว หน้าขาวดังหยวก ตาเรียวเล็กสามารถมองถึงใบหู แววตาแจ่มใส หูยาวถึงบ่า ปากแดงดังชาดบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี แขนยาวถึงเข่า เดิมเป็นคนยากจน มีอาชีพทอเสื่อขาย ได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับ กวนอู เตียวหุย ที่สวนดอกท้อ เพื่อปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง เมื่ออายุได้ 28 พรรษา
โดยเป็นพี่ชายคนโต นิสัยมีน้ำใจดีงาม เป็นที่รักใคร่แก่คนทั่วไปใช้กระบี่คู่ เป็นอาวุธคู่กาย ต่อมาได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วหลังจากการของโตเกี๋ยม แล้วก็ภายหลังเสียเมืองซีจี๋วต้องหกระเหเร่ร่อนไปอาศัยเจ้าเมืองต่างๆ อยู่ต้องคอยอาศัยเมืองต่าง ๆ อยู่ไม่ว่าซีจิ๋วที่ถูกลิโป้ยึดครอง ฮูโต๋ที่ไปอาศัยโจโฉอยู่ ฮ่องแต่ได้แต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา หวังช่วยเป็นเรี่ยวแรงให้ฮ่องเต้ แต่โจโฉคิดปองร้ายจึงหาทางออกจากลกเอี๋ยงเมืองหลวง ไปกิจิ๋วของอ้วนเสี้ยวครั้งที่ซีจิ๋วโดนโจโฉตีแตกและยังหนีไปอาศํยอยู่กับเล่าเปียวที่เกงจิ๋ว จนได้ขงเบ้ง เป็นที่ปรึกษา จึงได้เริ่มฟื้นตัวเพื่อการกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นอีกครั้ง
โดยร่วมมือกับซุนกวนแห่งง่อก๊ก ปราบปรามกองทัพ 1 ล้านของโจโฉ โดยโดนยุทธวิธีไฟของจิวยี่ เผาเรือรบและทหารต้องตายหลายแสน จนโจโฉต้องหนีเอาตัวรอดอย่างน่าเวทนา ระหว่างหลบหนีได้หัวเราะว่าจิวยี่และขงเบ้งไม่ได้เก่งสมคำล่ำลือ ถ้าเป็นเขาเองจะซุ่มทหารไว้ แล้วก็ได้หัวเราะแบบนี้ถึงสามครั้งสามสถานที่ แต่แล้วต้องกลของขงเบ้งที่ให้ทหารไปซุ่มรอทั้งจูล่ง เตียวหุย กวนอู และได้วานขอชีวิตต่อกวนอู เพราะโจโฉก็เคยไว้ชีวิตกวนอูและเลี้ยงดูอย่างดี
สุดท้ายโจโฉเหลือทหารเพียงหยิบกำมือกลับเมือง หลังจากยุทธการนี้เล่าปี่ได้ยึดเมืองและขยายอาณาเขตออกไปกว้างขวาง ได้แม่ทัพ และกุนซืออีกมากมาย จิวยี่ได้ใช้กล ให้แต่งกับซุนฮูหยินน้องสาวของซุนกวน เป็นอีก 1 ตำนานของบุรุษสตรีงามคู่กัน แต่ขงเบ้งก็แก้กลได้
พระเจ้าเล่าปี่มีเหล่าแม่ทัพผู้จงรักภักดีมากมาย มีทั้งขงเบ้ง ฉายามังกรหลับและบังทอง ฉายาหงส์ดรุณ สองกุนซือดังแห่งยุคช่วยเหลือภายหลัง สามารถครอบครองดินแดนเสฉวนได้ในชื่อว่าจ๊กก๊ก ในภายหลังจากที่กวนอูเสียท่าแก่ลิบอง และลกซุน แม่ทัพแห่งง่อก๊ก ภายหลังตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองราชย์ที่เสฉวนได้ 3 ปีตามคำร้องขอของเสนาธิการของพระองค์ เฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระจักรพรรดิเจียงบู๊เต้ ทรงยกทัพหลวงไปเพื่อล้างแค้นให้กวนอู แต่เตียวหุยก็ยังโดนลอบสังหารจนถึงแก่ความตาย ยิ่งทำให้พระเจ้าเล่าปี่ทรงคิดแต่จะล้างแดนง่อก๊กให้พินาศ แต่ก็โดนลอบวางเพลิงค่ายทหารโดยลกซุนแม่ทัพแห่งง่อก๊ก จนต้องเสด็จหนีและประชวรสวรรคตที่เมืองปักเต้ ด้วยพระชนมายุ 63 พรรษา
พระราชโอรสองค์โต พระนาม เล่าเสี้ยน (อาเต๊า) ได้ขึ้นครองราชย์ต่อ แต่เป็นคนไม่มีสติปัญญา ทรงเชื่อฟังขุนนางชั่ว ขันทีโฉด สุดท้ายต้องเสียดินแดนให้ วุยก๊ก พระเจ้าเล่าปี่ถือได้ว่าเป็นตัวละครเอกในเรื่องสามก๊ก โดยล่อกวนตง มีลักษณะของผู้มีคุณธรรมอย่างเต็มเปี่ยม ไม่เคยคิดเอาเปรียบใคร ไม่เคยใช้เล่ห์กลในทางมิชอบ ซึ่งตรงข้ามกับโจโฉโดยสิ้นเชิง เป็นผู้ที่นบน้อมต่อคนทุกชนชั้น จึงได้รับการเรียกขานจากยาขอบว่า "ผู้ไหว้ทั้งสิบทิศ"
ประวัติเตียวหุย
เตียวหุยเป็นน้องร่วมสาบานคนสุดท้องของเล่าปี่และกวนอู โดยการสาบานที่สวนดอกท้อนั้น กระทำขึ้นที่หลังบ้านของเตียวหุยเอง และเป็นเตียวหุยที่ออกทุนทรัพย์ในการรวบรวมผู้คนเป็นครั้งแรกของทั้ง 3 มีนิสัยวู่วามอารมณ์ร้อน ชอบดื่มสุราจนเมามายแล้วเฆี่ยนตีทหารบ่อยๆ ศีรษะโตเหมือนเสือ หน้าสีดำ ตาพองโต เสียงดังปานฟ้าผ่า กิริยาดั่งม้าควบ เป็นผู้มีพละกำลังมาก อาวุธประจำตัวคือทวนยาว 8 ศอก หนัก 80 ชั่งจีน บางตำราเรียกว่า ทวนยาวอสรพิษ ตัวคมทวนขดไปมาเป็นคลื่นคล้ายงู ปลายคมเป็นรูปจันทรเสี้ยว อาชีพเดิมคือคนขายหมู ต่อมาได้ติดตามเล่าปี่เพื่อปราบโจรกบฏผ้าเหลือง และก็ได้ร่วบรบกับเล่าปี่มาตลอด ภายหลังตายขณะยกทัพไปหมายจะล้างแค้นให้กวนอู เพราะถูกลอบฆ่าตัดหัว เนื่องจากนิสัยวู่วามของตนเอง ภายนอกเตียวหุยอาจดูเป็นคนหยาบช้า อารมณ์ร้อนไม่มีสติปัญญา แต่แท้ที่จริงแล้วเตียวหุยเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์มาก เป็นคนตรงไปตรงมา นับถือคุณธรรม และเป็นผู้ที่มีสติปัญญาในการวางอุบายรบด้วย ดั่งจะเห็นได้จากหลายตอน เช่น เมื่อครั้งที่เล่าปี่อพยพครอบครัวและชาวเมืองจากเมืองซินเอี๋ยหนีการตามล่าของโจโฉ เตียวหุยเป็นผู้ใช้อุบายใช้กิ่งไม้ผูก หางม้า แล้วให้ทหารวิ่งไปมาในป่าหลังสะพานเตียงปันให้ฝุ่นตลบ เพื่อลวงทหารโจโฉว่ามีกองกำลังซุ่มในป่าจำนวนมาก และอีกครั้งที่แสร้งทำเป็นเมามายเพื่อลวงเงียมหงัน จนในที่สุดก็เอาชนะเงียมหงันได้ ทั้งที่มีชัยภูมิเสียเปรียบกว่า เป็นต้น
ประวัตินิยายสามก๊ก
สามก๊ก (อังกฤษ: Romance of the Three Kingdoms; จีนตัวเต็ม: 三國演義; จีนตัวย่อ: 三国演义; พินอิน: sān guó yǎn yì) เป็นวรรณกรรมจีนที่แต่งขึ้นประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในสมัยราชวงศ์หยวน โดยนักประพันธ์ชื่อ หลอกว้านจง (อังกฤษ: Luo -Guanzhong; จีน: 羅貫中) กล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนในยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280)
โดยเริ่มปูที่มาที่ไปตั้งแต่ยุคโจรโพกผ้าเหลือง (ค.ศ.183) เนื้อเรื่องเน้นการชิงอำนาจในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น ของก๊กต่างๆ อันประกอบด้วยวุยก๊ก (เว่ย 魏) จ๊กก๊ก (ซู่ 蜀) และง่อก๊ก (หวู 吳) จนไปถึงการสถาปนาราชวงศ์จิ้นโดยสุมาเอี๋ยนหลานชายของสุมาอี้ (บุตรชายของสุมาเจียว) กินระยะเวลารวมประมาณ 60 ปี สามก๊กเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับไซอิ๋ว ซ้องกั๋ง และความฝันในหอแดง บางคนบอกว่าสามก๊กเป็น บทเรียนตำราพิชัยสงครามภาคปฏิบัติวรรณกรรมชิ้นนี้ยังได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโกให้เป็น สุดยอดวรรณกรรมชิ้นหนึ่งของโลกด้วย
สามก๊กฉบับแรกที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรคือ จดหมายเหตุสามก๊ก (三國志 หรือ ซานกว๋อจื้อ) ซึ่งเป็นงานเขียนในลักษณะพงศาวดาร ผู้เขียนคือเฉินโซ่ว ข้าราชการอาลักษณ์คนหนึ่งของจ๊กก๊กที่ถูกกวาดต้อนมาวุยก๊กหลังจากพ่ายแพ้ โดยเขียนขึ้นตามบัญชาของจิ้นหวู่ตี้เพื่อเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ ต่อมาในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่าง ค.ศ. 1330 - ค.ศ. 1400 หลอกว้านจง ได้นำซานกว๋อจื้อมาแต่งใหม่ในรูปแบบนิยายกึ่งประวัติศาสตร์โดยเนื้อเรื่องนำมาจากซานกว๋อจื้อบ้างและแต่งเพิ่มเองบ้าง ซึ่งเมื่อเทียบกับซานกว๋อจื้อนั้น พบว่ามาจากซานกว๋อจื้อ ร้อยละ 70 และแต่งเอง ร้อยละ 30 โดยประมาณ