โรงเรียนนายเรือ
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือที่พระราชวังเดิม จึงถือกันว่า วันที่ ๒๐ พฤศจิกายนเป็น "วันเกิด" ของโรงเรียนนายเรือต่อมากองทัพเรือได้ถือว่าวันนี้เป็น "วันกองทัพ เรือ" อีกด้วย
ตามข้อเท็จจริงโรงเรียนนายเรือได้ถือกำเนิด และตั้งขึ้นก่อนวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ. ๑๒๕ แล้ว และได้ผลิตนายทหารมาแล้ว ๒ รุ่น ใน ร.ศ. ๑๒๓ (พ.ศ.๒๔๔๗) และ ร.ศ. ๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๘) ดังจะกล่าวต่อไป กองทัพเรือนั้น ก็ได้ตั้งขึ้นในวันที่ ๘เมษายน ร.ศ.๑๐๙ (พ.ศ.๒๔๓๓) ได้มีพระราชบัญญัติ "จัดการกรมยุทธนาธิการ" แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ เมื่อ ร.ศ.๑๐๖ กำหนดหน่วยขึ้นตรง และรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทหารบกทหารเรือเพิ่มขึ้น ในพระราชบัญญัติแบับนี้ กรมทหารเรือมีหน่วยขึ้นตรง ๕ หน่วย คือ โรงเรียนสอนวิชาการทหาร เรือโรงพยาบาลทหารเรือ กรมคุกทหารเรือ กรมอู่ทหารเรือ กรมอู่เรือ และกรงคลังพัสดุทางเรือ
"โรงเรียนสอนวิชาทหารเรือ" ตามพระราชบัญญัตินี้มีอัตรากำลังพล ๔ อัตรา คือ ผู้รักษา การ ๑ นายเวน ๑ นายคลัง ๑ ครูและผู้ฝึกหัดวิชา ๑ เท่ากับโรงเรียนสอนวิชาทหารบกตามพระ ราชบัญญัติเดียวกัน
พระาราชบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ทรงตระหนักถึงความ สำคัญของ "โรงเรียนสอนวิชาทหารเรือ" ว่าเป็นหน่วยงานที่จำเป็นต้องตั้งขึ้นเพื่อผลิตองค์บุคคล หรือกำลังพลสำหรับให้ราชการ
มีข้อสังเกตว่า ใน พ.ศ.๒๔๓๓ นี้ได้มีการเปิด "อู่หลวง" สำหรับซ่อมเรือหลวง และมีโรง งานสำหรับผลิต "ปัศตัน" (ลูกปืน) และชิ้นส่วนเครื่องจักร ในวันที่ ๙ มกราคม (เวลานั้นใช้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่) จึงมีผู้ทักว่า กรมอู่นั้นเกิดก่อนกองทัพเรือโดยไม่ได้ศึกษาเอกสาร ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และลำดับเหตุการณ์ให้ถูกต้อง
เนื่องจากเอกสารของกองทัพเรือก่อน ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔) ได้ถูกทำลายไปเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๗ ด้วยเหตุผล คือ "ไม่มีที่เก็บรักษา" การศึกษาประวัติกองทัพเรือในช่วงเวลานั้น จึงอาศัยราชกิจจานุเบกษา และเอกสารที่ "กรมทหารเรือ" ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอพระราชทาน ใช้วิจารณญานโดยรอบคอบ เพราะในสมัยแรกๆ นั้นยังใช้คำว่า "โรงเรียนนายร้อยทหารเรือ" แทนคำว่า "โรงเรียนนายเรือ" ในเอกสาร ดังจะเห็นได้ในตอนต่อๆไป
อัตรากำลังของโรงเรียนนายเรือ
ในร.ศ.๑๑๔ (พ.ศ.๒๔๓๘) ได้พบอัตรากำลังโรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนนายร้อยของ ทหารเรือเป็นครั้งแรก (เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ค.๕.๒/๙)ดังนี้
โรงเรียนนายร้อย (คือ โรงเรียนนายเรือ)
นายเรือตรี ผู้บังคับการ เงินเดือน ๓๕๐ บาท
ครูอังกฤษ เงินเดือน ๒๐๐ บาท
ครูไทย เงินเดือน ๖๐ บาท
ครูไทย เงินเดือน ๔๐ บาท
ครูไทย เงินเดือน ๓๐ บาท
เสมียนสามัญชั้น ๑๘ เงินเดือน ๑๒ บาท
นายร้อยโท นายหมวดชั้น ๖ เงินเดือน ๓๒ บาท
นายร้อยตรี นายหมวดชั้น ๑๑ เงินเดือน ๒๔ บาท
บุตรหมู่นักเรียน ๓๐ นาย เงินเดือนนายละ ๖ บาท รวม ๑๘๐ บาท
พลทหารคนใช้ ๑๒ นาย เงินเดือนนายละ ๔ บาท รวม ๔๘ บาท
รวม ๕๐ นาย เป็น ๙๗๖ บาท
มีบันทึกชี้แจงไว้ข้างอัตรานี้ว่า "เป็นแต่ขอไว้ก่อน ถ้าเรียกชื่อมาแล้วจะยื่นชื่อมาในฏีกา ต่อภายหลัง"
ขอให้สังเกตุว่า อัตราเงินเดือนของ "ผู้บังคับการ" และ"ครูอังกฤษ" แสดงว่าเป็น เงินเดือน ของชาวต่างประเทศ
ในเอกสารฉบับนี้ ยังมีอัตรากำลังของ "โรงเรียนนายร้อย" อีกดังนี้
โรงเรียนนายร้อย (คือ โรงเรียนนายสิบและโรงเรียนนายร้อย)
นายร้อยเอก มิสเตอคอล ผู้บังคับการ เงินเดือน ๓๕๐ บาท
นายจัน ครูไทย เงินเดือน ๔๐ บาท
นายเพิ่ม ครูไทย เงินเดือน ๓๐ บาท
นายเตี้ยม เสมียนสามัญชั้น ๑๘ เงินเดือน ๑๒ บาท
นายร้อยโท นายเลียบ เจ้าหมู่ชั้น ๖ เงินเดือน ๓๒ บาท
ยังไม่ได้ตั้ง นายร้อยตรี เจ้าหมู่ชั้น ๑๑ เงินเดือน ๒๔ บาท
บุตรหมู่นักเรียน ๖๐ นาย เงินเดือนนายละ ๖ บาท รวม ๓๖๐ บาท
พลทหารคนใช้ ๔ นาย เงินเดือนนายละ ๔ บาท รวม ๑๖ บาท
รวม ๗๐ นาย เป็นเงินเดือน ๘๖๔ บาท
"นายร้อยเอก มิสเตอคอส" คือ CAPTAIN A.T.F. KOLLS (ทหารราบ) รับราชการใน กองทัพเรือตั้งแต่พ.ศ.๒๔๓๗-๒๔๓๙
ผู้ที่เข้าเป็น "นักเรียน" หรือ "บุตรหมู่นักเรียน" ได้รับเงินเดือนมากกว่าพลทหารเดือนละ ๒ บาท