ยุคการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (เรอเนสซองส์)
ยุคการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (เรอเนสซองส์)
เรอเนสซองส์ แปลว่า การเกิดใหม่ หมายถึง การฟื้นฟูศิลปวิทยาการของกรีกและโรมัน ยุคการฟื้นฟูศิลปวิทยาการกรีก-โรมัน ที่เน้นอุดมคติมนุษย์นิยม คือเชื่อว่ามนุษย์มีความสำคัญที่สุดในจักรวาล
*สถาปัตยกรรมที่สำคัญสมัยเรอเนสซองส์ ได้แก่ วิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม ซึ่งออกแบบโดยราฟาเอล บรามันเต้ และไมเคิลแองเจโล
- ลีโอนาร์โด ดาวินซี ผลงานที่สำคัญ ได้แก่ ภาพโมนาลิซา อาหารเย็นมื้อสุดท้าย
- วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ ผลงานที่สำคัญได้แก่ โรเมโอจูเลียต เวนิสวานิส
* ศิลปวัฒนธรรมสมัยเรอเนสซองส์
1. ศิลปะไบแซนไทน์ (Bizantine Arts)
จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือไบแซนไทน์ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5-11 มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล (Constntinople) หรือ อิสตันบลู เมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน ทำหน้าที่รับทอดศิลปวัฒนธรรมกรีกและโรมัน โดยนำมาผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมตะวันออกทำให้กลายเป็นลักษณะเฉพาะตัว แสดงออกถึงอิทธิพลของคริสต์ศาสนา
มีลักษณะการผสมระหว่างศิลปะโรมันและมุสลิม ได้แก่ วิหารเซนต์โซเฟีย วิหารฮาร์เจียโซเฟีย การวาดภาพแบบเฟรสโก คือ การวาดภาพลงบนปูนฉาบที่ยังเปียกอยู่
1.1 งานสถาปัตยกรรม มีลักษณะงดงามทั้งโครงสร้างและการตกแต่ง นิยมสร้างวิหารที่มีรูปโดมอยู่ตรงกลาง และประดับกระจกสีเหนือบนประตูหน้าต่างอย่างวิจิตรบรรจง งานชิ้นเอกแห่งยุค คือ มหาวิหารซานตา โซเฟีย (Santa Sophia) และวิหารซานตา โซเฟีย (Santa Sophia) ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล
1.2 งานประติมากรรม มักปรากฎในลักษณะของรูปบูชาที่เกี่ยวข้องกับคริสต์ศาสนา เช่น พระเยซู หรือพระสาวก ส่วนใหญ่เป็นงานแกะสลักงาช้างหรืองานสำริดประเภทนูนต่ำ (Base-relief)
1.3 งานจิตรกรรม ที่เด่นมาก คือ งานเขียนภาพแบบเฟรสโก (Fresco) ซึ่งจิตรกรจะเขียนภาพบนปูนฉาบฝาผนังที่ยังเปียกอยู่ และรวมทั้งงานประดับหินโมเสก (Mosaic) บนฝาผนัง
1.4 งานด้านกฎหมาย มีการรวบรวมประมวลกฎหมายโรมันทั้งหมดและกฎหมายใหม่เข้าด้วยกัน เรียกว่า "ประมวลกฎหมายของจักรพรรดิจัสติเนียน" ซึ่งได้กลายมาเป็นแบบฉบับกฎหมายยุโรปสมัยต่อมา
2. ศิลปะโรมาเนสก์ (Romanesque Arts)
มีลักษณะของการผสมผานระหว่างศิลปะโรมันกับศิลปะของอนารยชนเยอรมันในช่วงคริศต์ศตวรรษที่ 11-12 มีศูนย์กลางอยู่ที่ฝรั่งเศส มีลักษณะเรียบง่ายไม่หรูหราเหมือนศิลปะไบแซนไทน์ ประตูหน้าต่างโค้งกลม กำแพงหนา บนหน้าต่างเล็กและเรียวยาว ภายในมืดมองภายนอกเหมือนป้อมปราการ เช่น วิหารแซงต์ - เอเดียนนี ในฝรั่งเศส หอเอนปิซา ในอิตาลี เกิดจากการสร้างสรรค์ของฝ่ายคริสต์จักรเป็นส่วนใหญ่
2.1 งานสถาปัตยกรรม ลักษณะเด่นคือ การสร้างวิหารขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางของวัด หลังคารูปโค้ง แต่ไม่ใช่หลังคาโดมเหมือนศิลปะไบแซนไทน์ ผลงานชิ้นสำคัญ คือวิหารแซงต์เอเตียนน์ ในฝรั่งเศส และหอเอนปิซา ในอิตาลี
2.2 งานประติมากรรม ส่วนใหญ่เป็นงานแกะสลักหินตามฝาผนังเหนือประตูหน้าต่าง เป็นเรื่องราวในคริสต์ศาสนา ใช้ลวดลายแบบเรขาคณิตตามแบบชนเผ่าเยอรมันโบราณ รูปแกะสลักมักยาวเรียวไม่เหมือนจริง ช่วยเน้นจินตนาการ ซึ่งแตกต่างจากศิลปะกรีกและโรมันที่เน้นรูปทรงสัดส่วนเหมือนจริงตามธรรมชาติ
3. ศิลปะโกธิค พัฒนามาจากโรมาเนสก์ มีลักษณะโปร่งบาง หลังคาเป็นยอดแหลม ประตูโค้ง ภายในประดับกระสี ได้แก่ วิหารโนตรดาม ในฝรั่งเศส วิหารออร์เวียตไต ในอิตาลี
ศิลปะโกธิก เป็นลักษณะเด่นที่สุดของยุโรปสมัยกลาง ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12-15 พัฒนามาจากโรมาเนสก์ มีลักษณะอ่อนโยน เหมือนจริงตามธรรมชาติ โปร่งบาง หลังคาเป็นยอดแหลม ประตูโค้ง ภายในประดับกระสี ได้แก่ วิหารโนตรดาม ในฝรั่งเศส วิหารออร์เวียตไต ในอิตาลี ให้ความสำคัญกับลักษณะของมนุษย์นิยมมาก เป็นศิลปะของยุโรปที่สะท้อนถึงอิทธิพลของคริสต์ศาสนา และหลุดพ้นจากอิทธิพลของศิลปะ กรีก-โรมัน อย่างแท้จริง
3.1 งานสถาปัตยกรรม รูปแบบของงานสถาปัตยกรรมโกธิกมีวิวัฒนาการมาจากสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ โดยจะเห็นได้ว่าวิหารในคริสต์ศาสนาจะก่อสร้างด้วยอิฐและหินที่มีหลังคาสูงและโค้งแหลม เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องของน้ำหนักหลังคา ช่วยให้น้ำหนักของหลังคากระจายไปทั่วโครงสร้างของตัววิหาร ได้แก่ วิหารโนตรดาม (Notre Dame) ฝรั่งเศส เป็นต้น งานสถาปัตยกรรมจึงเป็นจุดเด่นของศิลปะโกธิกเหนือกว่างานศิลปะแขนงใดๆ
3.3 งานจิตรกรรม ส่วนใหญ่เป็นงานจิตรกรรมบนบานกระจกตามวิหารต่างๆ โดยประดับกระจกสี รวมทั้งการวาดภาพบนผนังแบบธรรมดาและแบบปูนเปียก เน้นการเคลื่อนไหวที่เหมือนจริงตามธรรมชาติ จิตรกรที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ แจน แวน ไอด์ (Jan Van Eyck) นิยมเขียนภาพเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา
ตรวจแล้ว