สามัคคีเสวก
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา
๏ อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่
ณ ชาตินั้นนรชนไม่สนใจ ในศิลปะวิไลละวาดงาม ๚
๏ แต่ชาติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม
ย่อมจำนงศิลปาสง่างาม เพื่ออร่ามเรืองระยับประดับประดา ๚
๏ อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย ๚
๏ ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ ๚
๏ แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ ๚
๏ เพราะการช่างนี้สำคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทั้งน้อยใหญ่
จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลาศดีเป็นศรีเมือง ๚
๏ ใครดูถูกผู้ชำนาญในการช่าง ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่อง
เหมือนคนบ้าคนไพรไม่รุ่งเรือง จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่งวาจา ๚
๏ แต่กรุงไทยศรีวิไลทันเพื่อนบ้าน จึ่งมีช่างชำนาญวิเลขา
ทั้งช่างปั้นช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทำนอง ๚
๏ ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผ่อง
อีกช่างถมลายลักษณะจำลอง อีกช่ำชองเชิงรัตนะประกร ๚
๏ ควรไทยเราช่วยบำรุงวิชาช่าง เครื่องสำอางแบบไทยสโมสร
ช่วยบำรุงช่างไทยให้ถาวร อย่าให้หย่อนกว่าเขาเราจะอาย ๚
๏ อันผองชาติไพรัชช่างจัดสรร เป็นหลายอย่างต่างพรรณเข้ามาขาย
เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย ต้องใช้ทรัพย์สุรุ่ยสุร่ายเป็นก่ายกอง ๚
๏ แม้พวกเราชาวไทยตั้งใจช่วย เอออำนวยช่างไทยให้ทำของ
ช่างคงใฝ่ใจผูกถูกทำนอง และทำของงามงามขึ้นตามกาล ๚
๏ เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ได้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล
สมเป็นเมืองใหญ่โตมโหฬาร พอไม่อายเพื่อนบ้านจึ่งจะดี ๚
ถอดคำประพันธ์
ชาติใดที่มีศึกสงครามไม่มีความสงบสุขในแผ่นดิน ประชาชนย่อมไม่มีจืตใจสนใจความงดงามของศิลปะ
แต่หากประเทศใด(ชาติใด)บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ประชาชนก็จะทำนุบำรุงการศิลปกรรมทั้งปวงให้เจริญรุ่งเรือง
ชาติใดที่ปราศจากช่างศิลป์ ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่มีความงามไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของใคร มีแต่จะถูกเยาะเย้ยให้ได้อาย
อ้นศิลปกรรมนั้นช่วยทำให้จิตใจคลายเศร้า ช่วยทำให้ความทุกข์หมด ทำให้จิตใจของเรามีความสุขซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย(ทำให้สุขภาพใจและกายดี) ตรงกันข้าม หากใครไม่เห็นคุณค่าความงามของศิลปะ เมื่อเผชิญความทุกข์ก็ไม่มีสิ่งใดมาเป็นยาช่วยรสมานบาดแผลของจิตใจ เขาเหล่านั้นจึงเป๋นคนที่น่าสงสารยิ่งนัก เพราะความรู้ทางช่างศิลป์สำคัญเช่นนี้ นานาประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะและความสามารถเชิงช่างของช่างศิลป์ว่าเป็นเกียรติยศ ความรุ่งเรืองของแผ่นดิน คนที่ไม่เห็นคุณค่าของศิลปะก็เหมือนคนป่าคนดง ป่วยการอธิบาย พูดด้วยก็เปลืองน้ำลายเปล่า
แต่ประเทศไทยของเรานั้นเห็นคุณค่าของงานช่างศิลป์ เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างสถาปัตย์ ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถมและช่างอัญมณี ซึ่งเราควรสนับสนุนงานช่างศิลป์ไทยให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่าให้ด้อยน้อยหน้ากว่านานาประเทศ ชาวต่างชาติเมื่อมาเยือนเมืองไทยจะได้ซ้อหางานศิลปะเหล่านี้กลับไปเพราะเห้นในคุณค่า การช่วยสนับสนุนงานศิลปกรรม และส่งเสริมช่างศิลปฺไทยให้สร้างสรรงานศิลปะขึ้นจึงเท่ากัยได้ช่วยพัฒนาชาติ ให้เจริญพัฒนาอย่าถาวร
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว
ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี
หมายถึง สิ่งหนึ่งที่เราควรมีไว้ในจิตใจคือ พระเจ้าแผ่นดินเปรียบเสมือนพ่อบังเกิดเกล้าที่เราควรเกรงใจและเคารพนับถือ เราต้องไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป
-----------------------------------------------------------
ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี
เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จำต้องมีมิตรจิตรสนิทกัน
หมายถึง ควรนึกว่าพวกเราก็เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินคนหนึ่งเหมือนลูกเรือที่ อยู่ในเรือกลางทะเลจำเป็นที่จะต้องมีความสามัคคีต่อกันและกัน
----------------------------------------------------------
แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน
คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึงจะรอดตลอดทะเล
หมายถึง ถ้าลูกเรือเชื่อฟังกัปตันก็จะต้องช่วยกัปตันอย่างแข็งขัน ต้องตั้งใจฟังคำสั่งของกัปตันเรือก็จะรอดไปถึงจุดหมาย
------------------------------------------------------
แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส
เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ เรือจะเหล่ระยำคว่ำไป
หมายถึง แต่ถ้าลูกเรือไม่เชื่อฟังกัปตันและเริ่มแตกคอกัน เวลาคลื่นลมแรงเรือก็จะโคลงเคลง ต่อมาเรือก็จะจม
---------------------------------------------------
แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน
แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง
หมายถึง ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มีกำลังมาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครัดต่อกฏระเบียบเวลาที่เกิดภัยอะไรขึ้นจะเดือดร้อน
---------------------------------------------------------
นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง
จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร
หมายถึง กัปตันสั่งอะไรก็ไม่ฟังพอถึงเวลาก็มีข้อขัดแย้งต่อมาก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ในที่สุดเรือก็จะล่มกลางทะเล
---------------------------------------------------------
ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร
ในพระราชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย
หมายถึง ถึงจะเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ในพระราชสำนักก็เปรียบเสมือนเรือที่แล่นอยู่ตามทะเลมหาสมุทร
----------------------------------------------------------
เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่
รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี
หมายถึง เหล่าข้าราชการในราชสำนักก็เหมือนเป็นกะลาสีควรให้ความสำคัญกับหน้าที่ที่ ต้องทำเป็นหลัก ปฏิบัติตนตามกฏตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดและสามัคคีจงรักภักดีต่อพระ เจ้าแผ่นดิน
-------------------------------------------------------
ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นกำลังพลังศรี
ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว
หมายถึง ไม่ควรแยกฝ่ายเลือกที่จะเคารพเชื่อฟังใคร ควรที่จะสามัคคีปรองดองกันในหมู่ข้าราชการเพื่อเป็นพลังในการทำความดีให้สม กับที่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน
-----------------------------------------------------
ที่มาhttp://bbs.cartooninw.com/viewth
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวะกรรมา
๏ อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่
ณ ชาตินั้นนรชนไม่สนใจ ในศิลปะวิไลละวาดงาม ๚
๏ แต่ชาติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม
ย่อมจำนงศิลปาสง่างาม เพื่ออร่ามเรืองระยับประดับประดา ๚
๏ อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย ๚
๏ ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ ๚
๏ แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ ๚
๏ เพราะการช่างนี้สำคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทั้งน้อยใหญ่
จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลาศดีเป็นศรีเมือง ๚
๏ ใครดูถูกผู้ชำนาญในการช่าง ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่อง
เหมือนคนบ้าคนไพรไม่รุ่งเรือง จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่งวาจา ๚
๏ แต่กรุงไทยศรีวิไลทันเพื่อนบ้าน จึ่งมีช่างชำนาญวิเลขา
ทั้งช่างปั้นช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทำนอง ๚
๏ ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผ่อง
อีกช่างถมลายลักษณะจำลอง อีกช่ำชองเชิงรัตนะประกร ๚
๏ ควรไทยเราช่วยบำรุงวิชาช่าง เครื่องสำอางแบบไทยสโมสร
ช่วยบำรุงช่างไทยให้ถาวร อย่าให้หย่อนกว่าเขาเราจะอาย ๚
๏ อันผองชาติไพรัชช่างจัดสรร เป็นหลายอย่างต่างพรรณเข้ามาขาย
เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย ต้องใช้ทรัพย์สุรุ่ยสุร่ายเป็นก่ายกอง ๚
๏ แม้พวกเราชาวไทยตั้งใจช่วย เอออำนวยช่างไทยให้ทำของ
ช่างคงใฝ่ใจผูกถูกทำนอง และทำของงามงามขึ้นตามกาล ๚
๏ เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ได้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล
สมเป็นเมืองใหญ่โตมโหฬาร พอไม่อายเพื่อนบ้านจึ่งจะดี ๚
ถอดคำประพันธ์
ชาติใดที่มีศึกสงครามไม่มีความสงบสุขในแผ่นดิน ประชาชนย่อมไม่มีจืตใจสนใจความงดงามของศิลปะ
แต่หากประเทศใด(ชาติใด)บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ประชาชนก็จะทำนุบำรุงการศิลปกรรมทั้งปวงให้เจริญรุ่งเรือง
ชาติใดที่ปราศจากช่างศิลป์ ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่มีความงามไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของใคร มีแต่จะถูกเยาะเย้ยให้ได้อาย
อ้นศิลปกรรมนั้นช่วยทำให้จิตใจคลายเศร้า ช่วยทำให้ความทุกข์หมด ทำให้จิตใจของเรามีความสุขซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย(ทำให้สุขภาพใจและกายดี) ตรงกันข้าม หากใครไม่เห็นคุณค่าความงามของศิลปะ เมื่อเผชิญความทุกข์ก็ไม่มีสิ่งใดมาเป็นยาช่วยรสมานบาดแผลของจิตใจ เขาเหล่านั้นจึงเป๋นคนที่น่าสงสารยิ่งนัก เพราะความรู้ทางช่างศิลป์สำคัญเช่นนี้ นานาประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะและความสามารถเชิงช่างของช่างศิลป์ว่าเป็นเกียรติยศ ความรุ่งเรืองของแผ่นดิน คนที่ไม่เห็นคุณค่าของศิลปะก็เหมือนคนป่าคนดง ป่วยการอธิบาย พูดด้วยก็เปลืองน้ำลายเปล่า
แต่ประเทศไทยของเรานั้นเห็นคุณค่าของงานช่างศิลป์ เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างสถาปัตย์ ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถมและช่างอัญมณี ซึ่งเราควรสนับสนุนงานช่างศิลป์ไทยให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่าให้ด้อยน้อยหน้ากว่านานาประเทศ ชาวต่างชาติเมื่อมาเยือนเมืองไทยจะได้ซ้อหางานศิลปะเหล่านี้กลับไปเพราะเห้นในคุณค่า การช่วยสนับสนุนงานศิลปกรรม และส่งเสริมช่างศิลปฺไทยให้สร้างสรรงานศิลปะขึ้นจึงเท่ากัยได้ช่วยพัฒนาชาติ ให้เจริญพัฒนาอย่าถาวร
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว
ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี
หมายถึง สิ่งหนึ่งที่เราควรมีไว้ในจิตใจคือ พระเจ้าแผ่นดินเปรียบเสมือนพ่อบังเกิดเกล้าที่เราควรเกรงใจและเคารพนับถือ เราต้องไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป
-----------------------------------------------------------
ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี
เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จำต้องมีมิตรจิตรสนิทกัน
หมายถึง ควรนึกว่าพวกเราก็เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินคนหนึ่งเหมือนลูกเรือที่ อยู่ในเรือกลางทะเลจำเป็นที่จะต้องมีความสามัคคีต่อกันและกัน
----------------------------------------------------------
แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน
คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึงจะรอดตลอดทะเล
หมายถึง ถ้าลูกเรือเชื่อฟังกัปตันก็จะต้องช่วยกัปตันอย่างแข็งขัน ต้องตั้งใจฟังคำสั่งของกัปตันเรือก็จะรอดไปถึงจุดหมาย
------------------------------------------------------
แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส
เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ เรือจะเหล่ระยำคว่ำไป
หมายถึง แต่ถ้าลูกเรือไม่เชื่อฟังกัปตันและเริ่มแตกคอกัน เวลาคลื่นลมแรงเรือก็จะโคลงเคลง ต่อมาเรือก็จะจม
---------------------------------------------------
แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน
แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง
หมายถึง ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มีกำลังมาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครัดต่อกฏระเบียบเวลาที่เกิดภัยอะไรขึ้นจะเดือดร้อน
---------------------------------------------------------
นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง
จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร
หมายถึง กัปตันสั่งอะไรก็ไม่ฟังพอถึงเวลาก็มีข้อขัดแย้งต่อมาก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ในที่สุดเรือก็จะล่มกลางทะเล
---------------------------------------------------------
ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร
ในพระราชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย
หมายถึง ถึงจะเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ในพระราชสำนักก็เปรียบเสมือนเรือที่แล่นอยู่ตามทะเลมหาสมุทร
----------------------------------------------------------
เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่
รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี
หมายถึง เหล่าข้าราชการในราชสำนักก็เหมือนเป็นกะลาสีควรให้ความสำคัญกับหน้าที่ที่ ต้องทำเป็นหลัก ปฏิบัติตนตามกฏตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดและสามัคคีจงรักภักดีต่อพระ เจ้าแผ่นดิน
-------------------------------------------------------
ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นกำลังพลังศรี
ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว
หมายถึง ไม่ควรแยกฝ่ายเลือกที่จะเคารพเชื่อฟังใคร ควรที่จะสามัคคีปรองดองกันในหมู่ข้าราชการเพื่อเป็นพลังในการทำความดีให้สม กับที่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน
-----------------------------------------------------
ที่มาhttp://bbs.cartooninw.com/viewth
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวะกรรมา
๏ อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่
ณ ชาตินั้นนรชนไม่สนใจ ในศิลปะวิไลละวาดงาม ๚
๏ แต่ชาติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม
ย่อมจำนงศิลปาสง่างาม เพื่ออร่ามเรืองระยับประดับประดา ๚
๏ อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย ๚
๏ ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ ๚
๏ แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ ๚
๏ เพราะการช่างนี้สำคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทั้งน้อยใหญ่
จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลาศดีเป็นศรีเมือง ๚
๏ ใครดูถูกผู้ชำนาญในการช่าง ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่อง
เหมือนคนบ้าคนไพรไม่รุ่งเรือง จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่งวาจา ๚
๏ แต่กรุงไทยศรีวิไลทันเพื่อนบ้าน จึ่งมีช่างชำนาญวิเลขา
ทั้งช่างปั้นช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทำนอง ๚
๏ ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผ่อง
อีกช่างถมลายลักษณะจำลอง อีกช่ำชองเชิงรัตนะประกร ๚
๏ ควรไทยเราช่วยบำรุงวิชาช่าง เครื่องสำอางแบบไทยสโมสร
ช่วยบำรุงช่างไทยให้ถาวร อย่าให้หย่อนกว่าเขาเราจะอาย ๚
๏ อันผองชาติไพรัชช่างจัดสรร เป็นหลายอย่างต่างพรรณเข้ามาขาย
เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย ต้องใช้ทรัพย์สุรุ่ยสุร่ายเป็นก่ายกอง ๚
๏ แม้พวกเราชาวไทยตั้งใจช่วย เอออำนวยช่างไทยให้ทำของ
ช่างคงใฝ่ใจผูกถูกทำนอง และทำของงามงามขึ้นตามกาล ๚
๏ เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ได้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล
สมเป็นเมืองใหญ่โตมโหฬาร พอไม่อายเพื่อนบ้านจึ่งจะดี ๚
ถอดคำประพันธ์
ชาติใดที่มีศึกสงครามไม่มีความสงบสุขในแผ่นดิน ประชาชนย่อมไม่มีจืตใจสนใจความงดงามของศิลปะ
แต่หากประเทศใด(ชาติใด)บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ประชาชนก็จะทำนุบำรุงการศิลปกรรมทั้งปวงให้เจริญรุ่งเรือง
ชาติใดที่ปราศจากช่างศิลป์ ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่มีความงามไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของใคร มีแต่จะถูกเยาะเย้ยให้ได้อาย
อ้นศิลปกรรมนั้นช่วยทำให้จิตใจคลายเศร้า ช่วยทำให้ความทุกข์หมด ทำให้จิตใจของเรามีความสุขซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย(ทำให้สุขภาพใจและกายดี) ตรงกันข้าม หากใครไม่เห็นคุณค่าความงามของศิลปะ เมื่อเผชิญความทุกข์ก็ไม่มีสิ่งใดมาเป็นยาช่วยรสมานบาดแผลของจิตใจ เขาเหล่านั้นจึงเป๋นคนที่น่าสงสารยิ่งนัก เพราะความรู้ทางช่างศิลป์สำคัญเช่นนี้ นานาประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะและความสามารถเชิงช่างของช่างศิลป์ว่าเป็นเกียรติยศ ความรุ่งเรืองของแผ่นดิน คนที่ไม่เห็นคุณค่าของศิลปะก็เหมือนคนป่าคนดง ป่วยการอธิบาย พูดด้วยก็เปลืองน้ำลายเปล่า
แต่ประเทศไทยของเรานั้นเห็นคุณค่าของงานช่างศิลป์ เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างสถาปัตย์ ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถมและช่างอัญมณี ซึ่งเราควรสนับสนุนงานช่างศิลป์ไทยให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่าให้ด้อยน้อยหน้ากว่านานาประเทศ ชาวต่างชาติเมื่อมาเยือนเมืองไทยจะได้ซ้อหางานศิลปะเหล่านี้กลับไปเพราะเห้นในคุณค่า การช่วยสนับสนุนงานศิลปกรรม และส่งเสริมช่างศิลปฺไทยให้สร้างสรรงานศิลปะขึ้นจึงเท่ากัยได้ช่วยพัฒนาชาติ ให้เจริญพัฒนาอย่าถาวร
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว
ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี
หมายถึง สิ่งหนึ่งที่เราควรมีไว้ในจิตใจคือ พระเจ้าแผ่นดินเปรียบเสมือนพ่อบังเกิดเกล้าที่เราควรเกรงใจและเคารพนับถือ เราต้องไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป
-----------------------------------------------------------
ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี
เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จำต้องมีมิตรจิตรสนิทกัน
หมายถึง ควรนึกว่าพวกเราก็เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินคนหนึ่งเหมือนลูกเรือที่ อยู่ในเรือกลางทะเลจำเป็นที่จะต้องมีความสามัคคีต่อกันและกัน
----------------------------------------------------------
แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน
คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึงจะรอดตลอดทะเล
หมายถึง ถ้าลูกเรือเชื่อฟังกัปตันก็จะต้องช่วยกัปตันอย่างแข็งขัน ต้องตั้งใจฟังคำสั่งของกัปตันเรือก็จะรอดไปถึงจุดหมาย
------------------------------------------------------
แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส
เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ เรือจะเหล่ระยำคว่ำไป
หมายถึง แต่ถ้าลูกเรือไม่เชื่อฟังกัปตันและเริ่มแตกคอกัน เวลาคลื่นลมแรงเรือก็จะโคลงเคลง ต่อมาเรือก็จะจม
---------------------------------------------------
แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน
แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง
หมายถึง ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มีกำลังมาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครัดต่อกฏระเบียบเวลาที่เกิดภัยอะไรขึ้นจะเดือดร้อน
---------------------------------------------------------
นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง
จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร
หมายถึง กัปตันสั่งอะไรก็ไม่ฟังพอถึงเวลาก็มีข้อขัดแย้งต่อมาก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ในที่สุดเรือก็จะล่มกลางทะเล
---------------------------------------------------------
ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร
ในพระราชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย
หมายถึง ถึงจะเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ในพระราชสำนักก็เปรียบเสมือนเรือที่แล่นอยู่ตามทะเลมหาสมุทร
----------------------------------------------------------
เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่
รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี
หมายถึง เหล่าข้าราชการในราชสำนักก็เหมือนเป็นกะลาสีควรให้ความสำคัญกับหน้าที่ที่ ต้องทำเป็นหลัก ปฏิบัติตนตามกฏตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดและสามัคคีจงรักภักดีต่อพระ เจ้าแผ่นดิน
-------------------------------------------------------
ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นกำลังพลังศรี
ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว
หมายถึง ไม่ควรแยกฝ่ายเลือกที่จะเคารพเชื่อฟังใคร ควรที่จะสามัคคีปรองดองกันในหมู่ข้าราชการเพื่อเป็นพลังในการทำความดีให้สม กับที่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน
-----------------------------------------------------
ที่มาhttp://bbs.cartooninw.com/viewth
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวะกรรมา
๏ อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่
ณ ชาตินั้นนรชนไม่สนใจ ในศิลปะวิไลละวาดงาม ๚
๏ แต่ชาติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม
ย่อมจำนงศิลปาสง่างาม เพื่ออร่ามเรืองระยับประดับประดา ๚
๏ อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย ๚
๏ ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ ๚
๏ แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ ๚
๏ เพราะการช่างนี้สำคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทั้งน้อยใหญ่
จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลาศดีเป็นศรีเมือง ๚
๏ ใครดูถูกผู้ชำนาญในการช่าง ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่อง
เหมือนคนบ้าคนไพรไม่รุ่งเรือง จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่งวาจา ๚
๏ แต่กรุงไทยศรีวิไลทันเพื่อนบ้าน จึ่งมีช่างชำนาญวิเลขา
ทั้งช่างปั้นช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทำนอง ๚
๏ ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผ่อง
อีกช่างถมลายลักษณะจำลอง อีกช่ำชองเชิงรัตนะประกร ๚
๏ ควรไทยเราช่วยบำรุงวิชาช่าง เครื่องสำอางแบบไทยสโมสร
ช่วยบำรุงช่างไทยให้ถาวร อย่าให้หย่อนกว่าเขาเราจะอาย ๚
๏ อันผองชาติไพรัชช่างจัดสรร เป็นหลายอย่างต่างพรรณเข้ามาขาย
เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย ต้องใช้ทรัพย์สุรุ่ยสุร่ายเป็นก่ายกอง ๚
๏ แม้พวกเราชาวไทยตั้งใจช่วย เอออำนวยช่างไทยให้ทำของ
ช่างคงใฝ่ใจผูกถูกทำนอง และทำของงามงามขึ้นตามกาล ๚
๏ เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ได้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล
สมเป็นเมืองใหญ่โตมโหฬาร พอไม่อายเพื่อนบ้านจึ่งจะดี ๚
ถอดคำประพันธ์
ชาติใดที่มีศึกสงครามไม่มีความสงบสุขในแผ่นดิน ประชาชนย่อมไม่มีจืตใจสนใจความงดงามของศิลปะ
แต่หากประเทศใด(ชาติใด)บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ประชาชนก็จะทำนุบำรุงการศิลปกรรมทั้งปวงให้เจริญรุ่งเรือง
ชาติใดที่ปราศจากช่างศิลป์ ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่มีความงามไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของใคร มีแต่จะถูกเยาะเย้ยให้ได้อาย
อ้นศิลปกรรมนั้นช่วยทำให้จิตใจคลายเศร้า ช่วยทำให้ความทุกข์หมด ทำให้จิตใจของเรามีความสุขซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย(ทำให้สุขภาพใจและกายดี) ตรงกันข้าม หากใครไม่เห็นคุณค่าความงามของศิลปะ เมื่อเผชิญความทุกข์ก็ไม่มีสิ่งใดมาเป็นยาช่วยรสมานบาดแผลของจิตใจ เขาเหล่านั้นจึงเป๋นคนที่น่าสงสารยิ่งนัก เพราะความรู้ทางช่างศิลป์สำคัญเช่นนี้ นานาประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะและความสามารถเชิงช่างของช่างศิลป์ว่าเป็นเกียรติยศ ความรุ่งเรืองของแผ่นดิน คนที่ไม่เห็นคุณค่าของศิลปะก็เหมือนคนป่าคนดง ป่วยการอธิบาย พูดด้วยก็เปลืองน้ำลายเปล่า
แต่ประเทศไทยของเรานั้นเห็นคุณค่าของงานช่างศิลป์ เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างสถาปัตย์ ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถมและช่างอัญมณี ซึ่งเราควรสนับสนุนงานช่างศิลป์ไทยให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่าให้ด้อยน้อยหน้ากว่านานาประเทศ ชาวต่างชาติเมื่อมาเยือนเมืองไทยจะได้ซ้อหางานศิลปะเหล่านี้กลับไปเพราะเห้นในคุณค่า การช่วยสนับสนุนงานศิลปกรรม และส่งเสริมช่างศิลปฺไทยให้สร้างสรรงานศิลปะขึ้นจึงเท่ากัยได้ช่วยพัฒนาชาติ ให้เจริญพัฒนาอย่าถาวร
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว
ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี
หมายถึง สิ่งหนึ่งที่เราควรมีไว้ในจิตใจคือ พระเจ้าแผ่นดินเปรียบเสมือนพ่อบังเกิดเกล้าที่เราควรเกรงใจและเคารพนับถือ เราต้องไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป
-----------------------------------------------------------
ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี
เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จำต้องมีมิตรจิตรสนิทกัน
หมายถึง ควรนึกว่าพวกเราก็เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินคนหนึ่งเหมือนลูกเรือที่ อยู่ในเรือกลางทะเลจำเป็นที่จะต้องมีความสามัคคีต่อกันและกัน
----------------------------------------------------------
แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน
คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึงจะรอดตลอดทะเล
หมายถึง ถ้าลูกเรือเชื่อฟังกัปตันก็จะต้องช่วยกัปตันอย่างแข็งขัน ต้องตั้งใจฟังคำสั่งของกัปตันเรือก็จะรอดไปถึงจุดหมาย
------------------------------------------------------
แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส
เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ เรือจะเหล่ระยำคว่ำไป
หมายถึง แต่ถ้าลูกเรือไม่เชื่อฟังกัปตันและเริ่มแตกคอกัน เวลาคลื่นลมแรงเรือก็จะโคลงเคลง ต่อมาเรือก็จะจม
---------------------------------------------------
แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน
แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง
หมายถึง ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มีกำลังมาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครัดต่อกฏระเบียบเวลาที่เกิดภัยอะไรขึ้นจะเดือดร้อน
---------------------------------------------------------
นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง
จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร
หมายถึง กัปตันสั่งอะไรก็ไม่ฟังพอถึงเวลาก็มีข้อขัดแย้งต่อมาก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ในที่สุดเรือก็จะล่มกลางทะเล
---------------------------------------------------------
ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร
ในพระราชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย
หมายถึง ถึงจะเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ในพระราชสำนักก็เปรียบเสมือนเรือที่แล่นอยู่ตามทะเลมหาสมุทร
----------------------------------------------------------
เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่
รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี
หมายถึง เหล่าข้าราชการในราชสำนักก็เหมือนเป็นกะลาสีควรให้ความสำคัญกับหน้าที่ที่ ต้องทำเป็นหลัก ปฏิบัติตนตามกฏตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดและสามัคคีจงรักภักดีต่อพระ เจ้าแผ่นดิน
-------------------------------------------------------
ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นกำลังพลังศรี
ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว
หมายถึง ไม่ควรแยกฝ่ายเลือกที่จะเคารพเชื่อฟังใคร ควรที่จะสามัคคีปรองดองกันในหมู่ข้าราชการเพื่อเป็นพลังในการทำความดีให้สม กับที่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน
-----------------------------------------------------
ที่มาhttp://bbs.cartooninw.com/viewth