ศิลปะ และวรรณคดีของอารยธรรมอียิปต์
การแสดงออกทางศิลปะของชาวอียิปต์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์และในสมัยประวัติศาสตร์
จุดมุ่งหมายของศิลปะเปลี่ยนแปลงไปตามการเมืองและสังคม ศิลปกรรมในสมัยราชอาณาจักรเก่า ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายไปแล้ว และศิลปะจะเน้นที่ตามลัทธิชาตินิบมมีดังนี้
พีระมิดที่เมือง ซักการา |
1.1พีระมิด มีชื่อเสียงมาก เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันหนึ่งของโลกทั้งในโบราณและในสมัยปัจจุบัน พีระมิดแรกสร้างขึ้นประมาณ 2,270 ก่อนคริสต์ศักราช ที่เมืองซัคคารา (Pyramid สร้างโดย ฟาโรห์โซเซอร์ (Zoser) แห่งราชวงศ์ที่ 3 ซึ่งนับเป็นงานที่ใช้แรงงานและฝีมือมนุษย์จำนวนมากมาย พีระมิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ พีระมิดของฟาโรห์คูฟูหรือคีออปส์ Khufu หรือ Cheops สูง 481 ฟุต ฐานกว้างด้านละ 75 ฟุต และมีมุม 50 องศา
1.เหตุผลทางการเมือง ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า หลุมฝังศพที่แข็งแรงของฟาโรห์ จะเป็นหลักประกันความเป็นอมตะของประชาชน เพราะชาวอียิปต์เปรียบฟาโรห์เป็นชีวิตของชาติ หลุมฝังศพยังเป็นสัญลักษณ์การบูชาดวงอาทิตย์ อีกทั้งยังเป็นการควบคุมประชาชนให้ใกล้ชิด และทำงานร่วมกัน
2.เหตุผลทางเศรษฐกิจ ฟาโรห์สร้างโอกาสการทำงานให้แก่ประชาชนของพระองค์ เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น
3.เหตุผลทางศาสนา ในสมัยราชอาณาจักรเก่า การก่อสร้างพีระมิดเป็นความเชื่อของฟาโรห์และประชาชน เพื่อให้รัฐมีความมั่นคงและยั่งยืน
1.2วัด เนื่องจากในสมัยอาณาจักรกลางและสมัยจักรวรรดินิยม ความเชื่อดังกล่าวจึงเปลี่ยนไป เพราะความเชื่อในฟาโรห์และชาติให้ยั่งยืน ใช้ค่าใช้จ่ายและแรงงานมาก ฟาโรห์จึงหันมาสร้างวัดแทนพีระมิด วัดที่สำคัญ เช่น วัดที่เมืองคาร์นัด (Karnak) และวัดที่ลุกซอร์ (
ความคิดของชาวอียิปต์มีอิทธิพลต่อชาติต่าง ๆ ซึ่งนิยมสร้างอาคารและรูปปั้นใหญ่โต เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความภูมิใจในชัยชนะของพวกเขา
แต่ใบหน้าเป็นฟาโรห์ จุดมุ่งหมายของการสร้างสฟิงซ์ดูว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของฟาโรห์ผู้ทรงพลัง กล้าหาญ เข้มแข็ง และแข็งแรง
ประติมากรรมที่สวยงามอีกชั้น คือ พระเศียรของพระนางเนเฟอติตติ (Nefertiti) เป็นรูปแกะสลักครึ่ง องค์ ทรงมีลักษณะยิ้มน้อย ๆ แบบล้อเลียนที่สิงอยู่ ถือเป็นงานประติมากรรมที่ยิ่งใหญ่ในศิลปะประวัติศาสตร์
คุณค่าประติมากรรมของอียิปต์ทำให้เราสมารถศึกษาชีวิต ความเป็นอยู่ และความนึกคิดของชาวอียิปต์ได้อย่างหนึ่ง
วรรณคดี
ชาวอียิปต์รู้จักถ่ายทอดภาษาพูดเป็นตัวอักษรประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นตัวอักษรภาพแสดงความหมาย ต่อมาใช้ภาพแทนเสียงของคำที่มีความหมาย และมี
ภาพขวาเป็นภาพต้นปาปิรุส
1.สติปัญญาและศิลปะ ตวามรู้และความสามารถของชาวอียิปต์ที่มีอิทธิพลต่ออารยธรรมตะวันตกและอารยธรรมโลกอย่างมาก ที่สำคัญคือ ปรัชญา วรรณคดี นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีเกี่ยวกับการพิจารณาคดี ทฤษฎีการเมือง เป็นต้น
2.ศาสนาและศีลธรรม ถ้าไม่นับชาวเปอร์เชียแล้ว นับว่าชาวอียิปต์เป็นชาติโบราณที่ได้สร้างศาสนสถานประตำชาติขึ้นภายใต้ทฤษฎีของความเป็นอมตะในชีวิต นับถือพระเจ้าองค์เดียว มีการให้อภัยแก่บาป มีการให้รางวัล และทำโทษภายหลังการตายแล้ว ที่สำคัญคือ ทฤษฎีเกี่ยวกับศีลธรรม มีอิทธิพลต่อศาสนาอื่น ๆ ทั้งในด้านศีลธรรมส่วนบุคคลและสังคม เหล่านี้ล้วนเป็นศาสนาและศีลธรรมของชาวอียิปต์ที่มราอิทธิพลต่อชาวโลก
สรุปได้ว่า ในการที่ชาวอียิปต์โบราณนั้น ชาวอียิปต์เป็นคนที่มีความคิดที่ลึกซึ้ง เป็นคนที่มีความคิดทะลุปุโรง นึกคิดถึงภายหลัง และจะมีความสำคัญต่อโลกในปัจจุบัน อย่างมาก รู้จักคิด วิเคราะห์และมีความเชื่อในส่วนตัวในการนับถือพระเจ้าของเขาถึงแม้จะเป็นความเชื่อที่คนในปัจจุบันไม่ค่อยเชื่อแต่คนในสมัยนั้นเชื่อเพราะมีอิทธิพลต่อตัวเขามาก ชาวอียิปต์ยังมีสถาปัตยกรรมที่สำคัญ เช่น พีระมิด ที่เกิดขึ้นรวมถึงอีก 6 สิ่งมหัศจรรย์ที่ติดอันดับของโลก ที่เป็นสิ่งที่ค้นพบจากการใช้ฝีมือมนุษย์ในการสร้างที่ไม่มีการใช้เครื่องทุนแรง หรือเครื่องจักรใด ๆ เลย และยังมีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาในการนับถือความเชื่อในสมัยก่อนของไทยเรา เช่น ภูตผีปีศาจ หรือไม่ว่าจะเป็น เทวดา นางไม้ เจ้าป่าเจ้าเขา พระแม่ธรณี พระแม่คงคา เป็นต้น และยังมีอิทธิพลต่อพระพุทธศาสนาของเราด้วย เช่น การห้ามพูดเท็จ ห้ามการลักขโมย ห้ามฆ่าสัตว์ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี ถ้าผู้อ่านได้เรียนรู้และศึกษา ในการศึกษานี้ยังแฝงไปถึงความรู้ และข้อคิดที่ดี และผู้เขียนจึงขอแนะนำให้ผู้อ่านนำสิ่งต่าง ๆ ในด้านที่ดี ไปเป็นความรู้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตของท่านให้ประสบสู่ความสำเร็จได้
คณะบดีคณะอักษรศาสตร์
ตรวจแล้ว