• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:1d4b9d320ac59492f9385af3f2c09a24' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18.5pt; line-height: 115%; font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: large; color: #000000\"><strong>อารยธรรมโรมัน</strong></span></span>\n</p>\n<p><span><span style=\"color: #000000\"></span><br />\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: small\">1. <span lang=\"TH\">โรมันเป็นพวก อินโดยูโรเปียน ย้ายเข้ามาอยู่ใน แหลมอิตาลี กลุ่มที่อพยพเข้ามา เรียกรวมๆว่า อิตาลิก ( </span>Italic) <span lang=\"TH\">แต่กลุ่มคนที่สำคัญส่วนใหญ่คือ พวกลาติน ซึ่งเอาชนะชาวพื้นเมือง<em><span style=\"font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\">อีทรัสกัส</span></em> และสร้างอาณาจักรโรมขึ้นมา รวมทั้งกรุงโรมด้วย</span><br />\n2. <span lang=\"TH\">ชาวโรมันมีนิสัยเด่น คือ ชอบทำการรบ และการปกครอง เป็นพวกมีวินัย เป็นนักคิด นักปฏิบัติ</span><br />\n3. <span lang=\"TH\">การปกครองของโรมันแบ่งออกเป็น </span>2 <span lang=\"TH\">ยุค ได้แก่</span><br />\n3.1 <em><span style=\"font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\" lang=\"TH\">โรมันในสมัยสาธารณรัฐ</span></em><br />\n• <span lang=\"TH\">มีผู้นำคนสำคัญ คือ </span></span></span><a href=\"http://www.sf.ac.th/workstd/websbac_mpnew/test/roman_other1.htm\"><span style=\"color: windowtext\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: small\">จูเลียส ซีซ่า </span></span></a><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: small\">( Julius Caesar) <span lang=\"TH\">มีความสามารถด้านการรบมากสามารถแผ่ขยายอณาเขต รบชนะ กรีก อียิปต์ เอเชียไมเนอร์ แอฟริกา และ เสปน ได้หมด</span><br />\n3.2 <em><span style=\"font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\" lang=\"TH\">โรมันในสมัย จักรวรรดิ</span></em><br />\n• <span lang=\"TH\">เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่ออคตาเวียน ขึ้นปกครองโรม จึงเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบกษัตริย์ และสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ ชื่อ</span></span></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: medium\"><span style=\"font-size: 20pt; line-height: 115%; font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\" lang=\"TH\">ว่า </span><span style=\"font-size: 20pt; line-height: 115%; font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\"><a href=\"http://www.sf.ac.th/workstd/websbac_mpnew/test/roman_other2.htm\"><span style=\"color: windowtext\" lang=\"TH\">ออกุสตุส ซีซ่าร์</span></a></span></span></span><span style=\"font-size: 18.5pt; line-height: 115%; font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\"><br />\n<span style=\"font-size: small; color: #000000\">• <span lang=\"TH\">สมัยออตเตเวียนและจักรพรรดิ์ต่อมาอีก </span>4 <span lang=\"TH\">พระองค์ โรมันเจริญสูงสุดและได้ชื่อว่าเป็นสมัยแห่ง </span>“ <span lang=\"TH\">สันติภาพโรมัน </span>”<br />\n• <span lang=\"TH\">หลังจากนั้นโรมันก็ถูกชนเยอรมันเผ่า ก๊อด ( </span>Goth) <span lang=\"TH\">มารุกราน จักรพรรดิ์คอนสแตนติน จึงต้องแยก โรมันออกเป็น </span>2 <span lang=\"TH\">ส่วน</span><br />\n( Goth <span lang=\"TH\">เป็นชื่อเรียกชนเผ่าหนึ่งที่เอยู่ตอนเหนือของยุโรป แบ่งเป็น </span>2 <span lang=\"TH\">เผ่า คือ</span><br />\n1. VisiGoth <span lang=\"TH\">ตะวันตก (อยู่ในแถบฟินแลนด์และ สวีเดน)</span><br />\n2. Ostrogoths <span lang=\"TH\">ตะวันออก</span> (<span lang=\"TH\">เยอร์มัน/โปแลนด์) )</span><br />\n• <span lang=\"TH\">ฝั่งตะวันตก มีศูนย์กลางอยู่ที่ กรุงโรม</span><br />\n• <span lang=\"TH\">ฝั่งตะวันออก มีศูนย์กลางอยู่ที่ กรุงคอนสแตนติโนเปิล ( เดิมชื่อ ไบแซนไทน์ ปัจจุบันคือ อิสตันบลู ของตุรกี )</span><br />\n<em><span style=\"font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\" lang=\"TH\">ค.ศ. </span></em><em><span style=\"font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\">476 <span lang=\"TH\">กรุงโรมได้ สลายลง เพราะการโจมตีของชนเยอรมัน ติวโตนิก</span></span></em><br />\n4. <span lang=\"TH\">อารยธรรมเด่นๆ</span><br />\n4.1 <span lang=\"TH\">ศิลปะโรมันได้รับอิทธิพลศิลปกรรมจากกรีก แต่ก็ได้พัฒนาให้มีรูปแบบเป็นของตัวเอง แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ โอ่อ่าหรูหรา ซึ่งต่างจากกรีกที่มีรูปแบบเคร่งครัดตายตัว ประณีต และแสดงออกซึ่งจิตวิญญาณมากกว่าโรมัน ทั้งนี้เพราะปรัชญาแห่งการดำเนินชีวิตต่างกัน ในขณะที่กรีกมีพื้นฐานปรัชญาเน้นพุทธิปัญญา ( </span>Intellectual) <span lang=\"TH\">เป็นเป้าหมายสูงสุด แต่โรมันมีเป้าหมายอยู่ที่ความสุข เพราะมีหลักปรัชญาแบบประโยชน์นิยมและสุขนิยมเป็นพื้นฐาน โรมันจึงสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อรับใช้จักรพรรดิ์และประชาชน โรมันเป็นนักดัดแปลงที่เก่งกาจ มรดกของโรมันได้เหลือตกทอดให้แก่คนในยุคปัจจุบันได้ใช้ประโยชน์มีเป็นจำนวนไม่น้อย อาณาจักรโรมันจึงเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกที่น่าศึกษาและอนุรักษ์เป็นมรดกโลก</span><br />\n4.2 <span lang=\"TH\">โรมันเป็นพวกที่ไม่นิยมการปั้นรูปปั้นเน้นสัดส่วนแบบกรีก แม้ว่าจะได้รับอิทธิพลทางศิลปะจาก กรีกแต่โรมันก็นำ มาปรับใช้ให้เหมาะสมและเน้นเรื่องการใช้ประโยชน์มากที่สุด ชาวโรมันจึงมีความสุขกับวัตถุนิยม และมีความภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตน</span><br />\n4.3 <span lang=\"TH\">มีการประมวลกฎหมาย</span>12<span lang=\"TH\">โต๊ะ คือกฏหมาย เน้นเรื่องความเสมอภาคของประชาชนทุกคนในโรมัน และเป็นรากฐานของกฎในปัจจุบันนี้</span><br />\n4.4 <span lang=\"TH\">มีการสร้างสถานที่เด่นๆหลายอย่าง เช่น</span><br />\n• </span><u><a href=\"http://www.sf.ac.th/workstd/websbac_mpnew/test/roman_other4.htm\"><u><span style=\"color: windowtext\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: small\">สนามกีฬาโคลอสเซียม</span></span></u></a><br />\n</u><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: small\"><span lang=\"TH\">สนามกีฬาเป็นสถานที่พักผ่อนของคนโรมันที่นิยมกันมาก ที่มีชื่อเสียงมาก คือ </span>Colosseum <span lang=\"TH\">มีลักษณะเป็นวงรีรูปไข่ ยาว </span>620 <span lang=\"TH\">ฟุต กว้าง </span>513 <span lang=\"TH\">ฟุต สูง </span>160 <span lang=\"TH\">ฟุต มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ </span>6 <span lang=\"TH\">เอเคอร์ สร้างเป็นอัฒจรรย์ล้อมรอบสนาม จุคนดูได้ประมาณ </span>50,000 <span lang=\"TH\">คน พื้นสนามเป็นพื้นทราย บริเวณอัฒจรรย์มีที่นั่งเป็นแถวยกพื้นสูงเป็นชั้น ๆ ที่นั่งแบ่งเป็นสัดส่วนตามชนชั้นต่าง ๆ เช่น ที่นั่งของจักรพรรดิ์ สมาชิกรัฐสภา นักบวช ข้าราชการ และประชาชน สนามกีฬาแห่งนี้ สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เวชเปเซียน ยุคโรมเรืองอำนาจ ราว ค.ศ. </span>72 <span lang=\"TH\">เพื่อใช้เป็นที่ให้นักโทษกับสิงโตสู้กัน หากนักโทษคนใดชนะฆ่าสิงโตที่ดุร้ายด้วยเมือเปล่าก็รอดชีวิต บางครั้งใช้ในการประลองอาวุธ ประลองความเก่งกล้าสามารถของนักรบ หรือขุนศึกแห่งโรมทั้งหลาย</span><br />\n<span lang=\"TH\">สนามกีฬากรุงโรม เป็นหลักฐานแสดงถึงความรุ่งเรืองเกริกเกียรติของมหาอาณาจักรโรมัน ต่อมาเมื่อมหาอาณาจักรเสื่อมลง ถูกข้าศึกรุกราน สนามกีฬาแห่งนี้ถูกทำลายหลายครั้ง</span><br />\n<span lang=\"TH\">ปัจจุบัน สนามกีฬากรุงโรมอันโอฬาแห่งนี้เหลือเพียงโครงสร้างที่ให้โตไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชม ใต้สนาม</span><br />\n<span lang=\"TH\">นอกจากสนามกีฬาแล้ว ยังมีสถานที่แสดงละครและแสดงมหรสพต่าง ๆ สร้างเป็นรูปครึ่งวงกลม ที่นั่งเรียงเป็นแถวลดหลั่นเป็นชั้น ๆ คล้ายอัฒจรรย์มีห้องแต่งตัวและห้องพักของนักแสดง ตลอดจนมีการจัดระบบเสียงไว้อย่างดี คนดูสามารถเห็นและได้ยินเสียงอย่างชัดเจนทุกแถว</span><br />\n• </span></span><a href=\"http://www.sf.ac.th/workstd/websbac_mpnew/test/roman_other3.htm\"><u><span style=\"color: windowtext\" lang=\"TH\"><span style=\"font-size: small\">ประตูชัย</span></span></u></a><br />\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: small\"><span lang=\"TH\">เป็นอนุสาวรีย์ประเภทหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะจากสงคราม นิยมสร้างคร่อมถนนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางเจาะเป็นช่องทางลอดและเป็นประตูโค้ง บริเวณส่วนหน้าและหลังของตัวประตูนิยมสลักรูปและอักษร เพื่อบันทึกเหตุการณ์ของสงคราม ตลอดจนเพื่อยกย่องจักรพรรดิ์ที่ชนะการรบอันเป็นการแสดงเดชานุภาพของพระองค์ เพราะฉะนั้น ประตูชัยจึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่จำกัดเฉพาะองค์จักรพรรดิ์ เท่านั้น ประตูชัยที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ประตูชัยของจักรพรรดิ์ทราจัน ( </span>Trajan) <span lang=\"TH\">ประตูชัยของจักรพรรดิ์ตีตุส ( </span>Titus) <span lang=\"TH\">และประตูชัยของจักรพรรดิ์คอนสแตนติน</span> (Constantin) <span lang=\"TH\">เป็นต้น</span></span></span></span></p>\n<p><span style=\"font-size: 18.5pt; line-height: 115%; font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\"><o:p></o:p></span></span></span></p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"color: #000000\"><span><span style=\"font-size: small\"><strong>จากอารยธรรมโรมัน</strong></span></span></span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: small; color: #000000\"><span></span></span><span style=\"font-size: 18.5pt; line-height: 115%; font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: small\"><br />\n<span lang=\"TH\">มรดกอารยธรรมโรมันที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เลียนแบบมาจากกรีก ได้พัฒนาผสมผสานเป็นของโรมันที่มุ่งด้านประโยชน์ ใช้สอย ซึ่งความยิ่งใหญ่ของการพัฒนากองทัพเหนือกว่าจักรวรรดิโบราณใดๆ กรีกเป็นนักคิด แต่ช่วงเวลาในการขยายผลทางความคิดถูกกำจัดเพราถูกอำนาจจักรวรรดินิยมโรมันเข้าครอบครอง โลกเฮเลนิสติกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยังไม่ประสบความสำเร็จด้วยตนเอง แต่หากมีจักรวรรดิโรมันเป็นผู้เผยแพร่ อย่างไรก็ตาม โรมันมีมรดกที่สำคัญไว้ปรากฏแก่โลก คือ</span><br />\n1 <span lang=\"TH\">ด้านกฎหมายและการปกครอง ถือเป็นมรดกที่สำคัญที่สุดของโรมัน</span><br />\n<span>กฎหมาย ฉบับแรกเกิดขึ้นเมื่อปี </span>450 <span lang=\"TH\">ก่อน ค.ศ. คือ กฎหมาย </span>12 <span lang=\"TH\">โต๊ะ ได้พัฒนามาเป็นเวลาเกือบ</span> 1000 <span lang=\"TH\">ปี มาเป็น ประมวลกฎหมายจัสติเนียน ที่ยึดแนวปรัชญาสโตอิคเป็นหลักในคริสตศตวรรษที่ </span>6 <span lang=\"TH\">คือ การกำหนดแนวทางในการปฏิบัติของจักรพรรดิ วิธีพิพากษาคดี กฎหมายบุคคล กฎหมายสาธารณชน กฎหมายการค้า ถือว่ากฎหมายของโรมันมีความเที่ยงตรง ยุติธรรม มีมนุษยธรรม ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนที่เท่าเทียมกัน คือหลักของผู้ต้องหาที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าผิดจริง การทรมานให้รับสารภาพเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หลักปรัชญาของสโตอิค มีอิทธิพลต่อการกำหนดกฎหมายของประเทศต่างๆในระยะต่อมา</span><br />\n<span lang=\"TH\">โรมันเป็นผู้วางโครงร่างในการเมือง การปกครองหลายด้าน เช่น การเงิน สภาซีเนต หรือสภาสูง การตั้งกงสุล การมีประชามติ การกำหนดบทบาทพลเมือง การสำรวจสำมะโนครัว ศัพท์ทางกฎหมายและการเมืองยังคงใช้เป็นรากฐานมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งใช้ภาษาละตินเป็นต้นแบบ</span><br />\n<span>การปกครองมีการสร้างถนนแอพเพนเวย์เชื่อมจักรวรรดิทั้งมวล ประกาศใช้ภาษาและกฎหมายโรม ยกฐานะพลเมืองและเสรีชนในดินแดนต่างๆให้เป็นโรมัน มีการแบ่งจักรวรรดิออกเป็นส่วนเพื่อสะดวกในการควบคุมดูแลและปกครองเป็น </span>4 <span lang=\"TH\">ส่วน เรียกว่า พรีเฟคเตอร์ (</span>Prefector) <span lang=\"TH\">แบ่งส่วนย่อยออกเป็นไดออซิส (</span>Diosis)<span lang=\"TH\">และพรอพวินส์</span> (Province) <span lang=\"TH\">ตามลำดับ</span><br />\n2.<span lang=\"TH\">ศาสนา โรมันโบราณนับถือภูติผีปีศาจ หินเหล็กไฟ หมาใน หมาป่า ศาสนาโรมัน ขึ้นอยู่กับความกลัว ใช้วิธีการฆ่าสัตว์ บูชาเซ่นไหว้ การฆ่าและการบูชายัญด้วยชีวิตสัตว์และมนุษย์ด้วยกันเอง</span><br />\n<span lang=\"TH\">ถือเป็นกิจวัตร กฎหมายเปิดโอกาสและสนับสนุนความเชื่อและพิธีกรรมทุกอย่าง ใครนับถืออะไรก็ได้</span><br />\n<span lang=\"TH\">ถือว่าโรมันมีความเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์ รวมทั้งจักรพรรดิที่ถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าที่ชาวโรมันต้องให้ความเคารพยำเกรงเหนือสิ่งอื่นใด และต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด</span><br />\n<span lang=\"TH\">คริสตศาสนาเดิมเป็นศาสนาที่สวนกับแนวความคิดและสวนกระแสโรมัน ที่ยกย่องเชิดชูจักรพรรดิดุจเทพเจ้า ได้รับรับการต่อต้านจากชาวโรมันเป็นอย่างมากจนต่อมามีการตรึงไม้กางเขนพระเยซู และประหารชีวิตสาวกด้วยวิธีการต่างๆนานาที่โหดร้ายทารุณ เพื่อสกัดมิให้ความเชื่อถือที่มีต่อจักรพวรรดิเสื่อมถอยลง</span><br />\n<span lang=\"TH\">นับแต่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนเมื่อปี ค.ศ. </span>29 <span lang=\"TH\">สานุศิษย์ได้รวมตัวกันอย่างลับๆ</span><br />\n<span lang=\"TH\">และค่อยๆเปิดเผยออกมาโดยประกาศการฟื้นคืนชีพของพระเยซู และได้เสด็จดำเนินมาหาพวกเขาเพื่อให้ประกาศศาสนาคอยไป ทำให้ประชาชนเกิดความศรัทธาในการเผยแพร่คำสอน การเผยแผ่ของสาวกได้ดำเนินไปพร้อมกับการต่อต้านของกลุ่มยิวผู้นับถือศาสนายูดาห์ ซึ่งเป็นยิวด้วยกัน และจักรวรรดิโรมันที่มีจักรพรรดิเป็นเทพเจ้า</span><br />\n<span lang=\"TH\">สาวกจำนวน </span>4 <span lang=\"TH\">คน เรียกตนเองว่าผู้เผยแผ่ ได้เขียนหลักคำสอนขึ้นมามีชื่อว่าคัมภีร์ใหม่</span><br />\n<span lang=\"TH\">แบ่งเนื้อหาออกเป็น </span>4 <span lang=\"TH\">ตอน เกือบทั้งหมดจะเป็นชีวประวัติของพระเยซูและจดหมายเหตุเน้นคำสอนของพระเยซูเป็นสำคัญ เช่น คำพยากรณ์ ถึงวันสิ้นโลกของนักบุญเซนต์จอห์นที่สามารถสร้างความเชื่อถือในหมู่สามัญชนได้ และต่อมาได้เผยแผ่เข้าสู่ชนชั้นปกครองในเวลาต่อมา</span><br />\n3.<span lang=\"TH\">ด้านการแพทย์ ชาวโรมันมีความสามารถทางด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศัลยกรรมหรือการผ่าตัด สาธารณสุข มีการประดิษฐ์คีมและปากคีบเพื่อช่วยในการศัลยกรรมผ่าตัด สามารถผ่าตัดท่อนทอนซิล คอพอก นิ่ว และผ่าตัดทำคลอดหน้าท้อง เชื่อกันว่าจูเลียต ซีซ่าร์ เป็นทารกคนแรกที่คลอดวิธีนี้จึงเรียกการผ่าตัดแบบนี้ว่า</span> “<span lang=\"TH\">การผ่าแบบซีซ่าร์</span>”<br />\n<span lang=\"TH\">มีการสร้างโรงพยาบาลเพื่อบำบัดโรคจากการสงครามและจิตใจ มีความก้าวหน้าทางวิทยศาสตร์ การแพทย์ แบบใหม่ๆ ที่เน้นความผาสุกและความสบายแก่มนุษย์เป็นหลัก</span><br />\n4.<span lang=\"TH\">วรรณกรรม ภาษาโรมัน คือต้นแบบของภาษาละติน เป็นมรดกชิ้นสำคัญของโลกที่รับมาจากจักรวรรดิโรมันเพราะเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วจักรวรรดิ แม้จักรวรรดิจล่มสลายไปแล้ว แต่ยังเป็นภาษาสำคัญต่อวิวัฒนาการอารยธรรม</span><br />\n<span lang=\"TH\">โรมันได้นำเอาวรรณกรรมมาจากกรีก และได้ผลิตผลงานด้านการคิดสร้างสรรค์ไว้น้อยแต่มุ่งในด้านการนำสิ่งที่กรีกคิดไว้ไปปฏิบัติ ทำให้ชาวโรมันประสบความสำเร็จในการสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ใช้สอยเป็นส่วนใหญ่ โดยการนำเอาอารยธรรมเฮลนิสติคออกไปเผยแพร่ ทั่วจักรวรรดิ</span><br />\n5.<span lang=\"TH\">สถาปตยกรรม สิ่งที่โรมันได้สร้างไว้มีมากมาย ได้แก่การสร้างถนนในกรุงโรมและถนนเชื่อจักรวรรดิ คือ แอพเพนเวย์ที่สามารถติดต่ออย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วได้ ทุกฤดูกาล มีการสร้างท่อส่งน้ำ วิศวกรรมโยธาประสบความสำเร็จในการทำคอนกรีตที่มีความคงทน แข็งแรง จากส่วนผสมจากทราย ปูน ซิลิกา หิน ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ</span><br />\n<span lang=\"TH\">สิ่งก่อสร้างได้แก่โรงละคร สะพาน ที่อาบน้ำสาธารณะ อัฒจันทร์ชมกีฬา โดยนิยมสร้างโดยการนำเอารูปโค้งมาใช้ เพื่อความแข็งแรง และคลอบคลุมเนื้อที่กว้างขึ้น ส่วนหัวเสานิยมประดับตกแต่งตามแบบคอรินท์ปรากฏที่กรีกให้เห็นจนถึงปัจจุบัน คือ โครอสเซี่ยมของจักรพรรดิติตุส ตึกรัฐสภารูปโมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง </span>142 <span lang=\"TH\">ฟุต สร้างถวายจักรพรรดิออกัสตุส</span><br />\n6.<span lang=\"TH\">ประติมากรรม รับแบบอย่างมาจากกรีก เช่น การแกะสลักบนหัว ส่วนการแกะสลักคนทั้งตัวมักทำเฉพาะจักรพรรดิเท่านั้น</span></span></span></span>\n</p>\n', created = 1719809074, expire = 1719895474, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:1d4b9d320ac59492f9385af3f2c09a24' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

อารายธรรมโรมัน

อารยธรรมโรมัน


1. โรมันเป็นพวก อินโดยูโรเปียน ย้ายเข้ามาอยู่ใน แหลมอิตาลี กลุ่มที่อพยพเข้ามา เรียกรวมๆว่า อิตาลิก ( Italic) แต่กลุ่มคนที่สำคัญส่วนใหญ่คือ พวกลาติน ซึ่งเอาชนะชาวพื้นเมืองอีทรัสกัส และสร้างอาณาจักรโรมขึ้นมา รวมทั้งกรุงโรมด้วย
2. ชาวโรมันมีนิสัยเด่น คือ ชอบทำการรบ และการปกครอง เป็นพวกมีวินัย เป็นนักคิด นักปฏิบัติ
3. การปกครองของโรมันแบ่งออกเป็น 2 ยุค ได้แก่
3.1 โรมันในสมัยสาธารณรัฐ
มีผู้นำคนสำคัญ คือ
จูเลียส ซีซ่า ( Julius Caesar) มีความสามารถด้านการรบมากสามารถแผ่ขยายอณาเขต รบชนะ กรีก อียิปต์ เอเชียไมเนอร์ แอฟริกา และ เสปน ได้หมด
3.2 โรมันในสมัย จักรวรรดิ
เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่ออคตาเวียน ขึ้นปกครองโรม จึงเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบกษัตริย์ และสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ ชื่อ
ว่า ออกุสตุส ซีซ่าร์
สมัยออตเตเวียนและจักรพรรดิ์ต่อมาอีก 4 พระองค์ โรมันเจริญสูงสุดและได้ชื่อว่าเป็นสมัยแห่ง สันติภาพโรมัน
หลังจากนั้นโรมันก็ถูกชนเยอรมันเผ่า ก๊อด ( Goth) มารุกราน จักรพรรดิ์คอนสแตนติน จึงต้องแยก โรมันออกเป็น 2 ส่วน
( Goth เป็นชื่อเรียกชนเผ่าหนึ่งที่เอยู่ตอนเหนือของยุโรป แบ่งเป็น 2 เผ่า คือ
1. VisiGoth ตะวันตก (อยู่ในแถบฟินแลนด์และ สวีเดน)
2. Ostrogoths ตะวันออก (เยอร์มัน/โปแลนด์) )
ฝั่งตะวันตก มีศูนย์กลางอยู่ที่ กรุงโรม
ฝั่งตะวันออก มีศูนย์กลางอยู่ที่ กรุงคอนสแตนติโนเปิล ( เดิมชื่อ ไบแซนไทน์ ปัจจุบันคือ อิสตันบลู ของตุรกี )
ค.ศ. 476 กรุงโรมได้ สลายลง เพราะการโจมตีของชนเยอรมัน ติวโตนิก
4. อารยธรรมเด่นๆ
4.1 ศิลปะโรมันได้รับอิทธิพลศิลปกรรมจากกรีก แต่ก็ได้พัฒนาให้มีรูปแบบเป็นของตัวเอง แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ โอ่อ่าหรูหรา ซึ่งต่างจากกรีกที่มีรูปแบบเคร่งครัดตายตัว ประณีต และแสดงออกซึ่งจิตวิญญาณมากกว่าโรมัน ทั้งนี้เพราะปรัชญาแห่งการดำเนินชีวิตต่างกัน ในขณะที่กรีกมีพื้นฐานปรัชญาเน้นพุทธิปัญญา ( Intellectual) เป็นเป้าหมายสูงสุด แต่โรมันมีเป้าหมายอยู่ที่ความสุข เพราะมีหลักปรัชญาแบบประโยชน์นิยมและสุขนิยมเป็นพื้นฐาน โรมันจึงสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อรับใช้จักรพรรดิ์และประชาชน โรมันเป็นนักดัดแปลงที่เก่งกาจ มรดกของโรมันได้เหลือตกทอดให้แก่คนในยุคปัจจุบันได้ใช้ประโยชน์มีเป็นจำนวนไม่น้อย อาณาจักรโรมันจึงเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกที่น่าศึกษาและอนุรักษ์เป็นมรดกโลก
4.2 โรมันเป็นพวกที่ไม่นิยมการปั้นรูปปั้นเน้นสัดส่วนแบบกรีก แม้ว่าจะได้รับอิทธิพลทางศิลปะจาก กรีกแต่โรมันก็นำ มาปรับใช้ให้เหมาะสมและเน้นเรื่องการใช้ประโยชน์มากที่สุด ชาวโรมันจึงมีความสุขกับวัตถุนิยม และมีความภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตน
4.3 มีการประมวลกฎหมาย12โต๊ะ คือกฏหมาย เน้นเรื่องความเสมอภาคของประชาชนทุกคนในโรมัน และเป็นรากฐานของกฎในปัจจุบันนี้
4.4 มีการสร้างสถานที่เด่นๆหลายอย่าง เช่น
สนามกีฬาโคลอสเซียม
สนามกีฬาเป็นสถานที่พักผ่อนของคนโรมันที่นิยมกันมาก ที่มีชื่อเสียงมาก คือ Colosseum มีลักษณะเป็นวงรีรูปไข่ ยาว 620 ฟุต กว้าง 513 ฟุต สูง 160 ฟุต มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 6 เอเคอร์ สร้างเป็นอัฒจรรย์ล้อมรอบสนาม จุคนดูได้ประมาณ 50,000 คน พื้นสนามเป็นพื้นทราย บริเวณอัฒจรรย์มีที่นั่งเป็นแถวยกพื้นสูงเป็นชั้น ๆ ที่นั่งแบ่งเป็นสัดส่วนตามชนชั้นต่าง ๆ เช่น ที่นั่งของจักรพรรดิ์ สมาชิกรัฐสภา นักบวช ข้าราชการ และประชาชน สนามกีฬาแห่งนี้ สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เวชเปเซียน ยุคโรมเรืองอำนาจ ราว ค.ศ. 72 เพื่อใช้เป็นที่ให้นักโทษกับสิงโตสู้กัน หากนักโทษคนใดชนะฆ่าสิงโตที่ดุร้ายด้วยเมือเปล่าก็รอดชีวิต บางครั้งใช้ในการประลองอาวุธ ประลองความเก่งกล้าสามารถของนักรบ หรือขุนศึกแห่งโรมทั้งหลาย
สนามกีฬากรุงโรม เป็นหลักฐานแสดงถึงความรุ่งเรืองเกริกเกียรติของมหาอาณาจักรโรมัน ต่อมาเมื่อมหาอาณาจักรเสื่อมลง ถูกข้าศึกรุกราน สนามกีฬาแห่งนี้ถูกทำลายหลายครั้ง
ปัจจุบัน สนามกีฬากรุงโรมอันโอฬาแห่งนี้เหลือเพียงโครงสร้างที่ให้โตไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชม ใต้สนาม
นอกจากสนามกีฬาแล้ว ยังมีสถานที่แสดงละครและแสดงมหรสพต่าง ๆ สร้างเป็นรูปครึ่งวงกลม ที่นั่งเรียงเป็นแถวลดหลั่นเป็นชั้น ๆ คล้ายอัฒจรรย์มีห้องแต่งตัวและห้องพักของนักแสดง ตลอดจนมีการจัดระบบเสียงไว้อย่างดี คนดูสามารถเห็นและได้ยินเสียงอย่างชัดเจนทุกแถว
ประตูชัย
เป็นอนุสาวรีย์ประเภทหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะจากสงคราม นิยมสร้างคร่อมถนนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางเจาะเป็นช่องทางลอดและเป็นประตูโค้ง บริเวณส่วนหน้าและหลังของตัวประตูนิยมสลักรูปและอักษร เพื่อบันทึกเหตุการณ์ของสงคราม ตลอดจนเพื่อยกย่องจักรพรรดิ์ที่ชนะการรบอันเป็นการแสดงเดชานุภาพของพระองค์ เพราะฉะนั้น ประตูชัยจึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่จำกัดเฉพาะองค์จักรพรรดิ์ เท่านั้น ประตูชัยที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ประตูชัยของจักรพรรดิ์ทราจัน ( Trajan) ประตูชัยของจักรพรรดิ์ตีตุส ( Titus) และประตูชัยของจักรพรรดิ์คอนสแตนติน (Constantin) เป็นต้น

จากอารยธรรมโรมัน


มรดกอารยธรรมโรมันที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เลียนแบบมาจากกรีก ได้พัฒนาผสมผสานเป็นของโรมันที่มุ่งด้านประโยชน์ ใช้สอย ซึ่งความยิ่งใหญ่ของการพัฒนากองทัพเหนือกว่าจักรวรรดิโบราณใดๆ กรีกเป็นนักคิด แต่ช่วงเวลาในการขยายผลทางความคิดถูกกำจัดเพราถูกอำนาจจักรวรรดินิยมโรมันเข้าครอบครอง โลกเฮเลนิสติกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยังไม่ประสบความสำเร็จด้วยตนเอง แต่หากมีจักรวรรดิโรมันเป็นผู้เผยแพร่ อย่างไรก็ตาม โรมันมีมรดกที่สำคัญไว้ปรากฏแก่โลก คือ
1 ด้านกฎหมายและการปกครอง ถือเป็นมรดกที่สำคัญที่สุดของโรมัน
กฎหมาย ฉบับแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 450 ก่อน ค.ศ. คือ กฎหมาย 12 โต๊ะ ได้พัฒนามาเป็นเวลาเกือบ 1000 ปี มาเป็น ประมวลกฎหมายจัสติเนียน ที่ยึดแนวปรัชญาสโตอิคเป็นหลักในคริสตศตวรรษที่ 6 คือ การกำหนดแนวทางในการปฏิบัติของจักรพรรดิ วิธีพิพากษาคดี กฎหมายบุคคล กฎหมายสาธารณชน กฎหมายการค้า ถือว่ากฎหมายของโรมันมีความเที่ยงตรง ยุติธรรม มีมนุษยธรรม ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนที่เท่าเทียมกัน คือหลักของผู้ต้องหาที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าผิดจริง การทรมานให้รับสารภาพเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หลักปรัชญาของสโตอิค มีอิทธิพลต่อการกำหนดกฎหมายของประเทศต่างๆในระยะต่อมา
โรมันเป็นผู้วางโครงร่างในการเมือง การปกครองหลายด้าน เช่น การเงิน สภาซีเนต หรือสภาสูง การตั้งกงสุล การมีประชามติ การกำหนดบทบาทพลเมือง การสำรวจสำมะโนครัว ศัพท์ทางกฎหมายและการเมืองยังคงใช้เป็นรากฐานมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งใช้ภาษาละตินเป็นต้นแบบ
การปกครองมีการสร้างถนนแอพเพนเวย์เชื่อมจักรวรรดิทั้งมวล ประกาศใช้ภาษาและกฎหมายโรม ยกฐานะพลเมืองและเสรีชนในดินแดนต่างๆให้เป็นโรมัน มีการแบ่งจักรวรรดิออกเป็นส่วนเพื่อสะดวกในการควบคุมดูแลและปกครองเป็น 4 ส่วน เรียกว่า พรีเฟคเตอร์ (Prefector) แบ่งส่วนย่อยออกเป็นไดออซิส (Diosis)และพรอพวินส์ (Province) ตามลำดับ
2.ศาสนา โรมันโบราณนับถือภูติผีปีศาจ หินเหล็กไฟ หมาใน หมาป่า ศาสนาโรมัน ขึ้นอยู่กับความกลัว ใช้วิธีการฆ่าสัตว์ บูชาเซ่นไหว้ การฆ่าและการบูชายัญด้วยชีวิตสัตว์และมนุษย์ด้วยกันเอง
ถือเป็นกิจวัตร กฎหมายเปิดโอกาสและสนับสนุนความเชื่อและพิธีกรรมทุกอย่าง ใครนับถืออะไรก็ได้
ถือว่าโรมันมีความเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์ รวมทั้งจักรพรรดิที่ถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าที่ชาวโรมันต้องให้ความเคารพยำเกรงเหนือสิ่งอื่นใด และต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด
คริสตศาสนาเดิมเป็นศาสนาที่สวนกับแนวความคิดและสวนกระแสโรมัน ที่ยกย่องเชิดชูจักรพรรดิดุจเทพเจ้า ได้รับรับการต่อต้านจากชาวโรมันเป็นอย่างมากจนต่อมามีการตรึงไม้กางเขนพระเยซู และประหารชีวิตสาวกด้วยวิธีการต่างๆนานาที่โหดร้ายทารุณ เพื่อสกัดมิให้ความเชื่อถือที่มีต่อจักรพวรรดิเสื่อมถอยลง
นับแต่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนเมื่อปี ค.ศ. 29 สานุศิษย์ได้รวมตัวกันอย่างลับๆ
และค่อยๆเปิดเผยออกมาโดยประกาศการฟื้นคืนชีพของพระเยซู และได้เสด็จดำเนินมาหาพวกเขาเพื่อให้ประกาศศาสนาคอยไป ทำให้ประชาชนเกิดความศรัทธาในการเผยแพร่คำสอน การเผยแผ่ของสาวกได้ดำเนินไปพร้อมกับการต่อต้านของกลุ่มยิวผู้นับถือศาสนายูดาห์ ซึ่งเป็นยิวด้วยกัน และจักรวรรดิโรมันที่มีจักรพรรดิเป็นเทพเจ้า
สาวกจำนวน 4 คน เรียกตนเองว่าผู้เผยแผ่ ได้เขียนหลักคำสอนขึ้นมามีชื่อว่าคัมภีร์ใหม่
แบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ตอน เกือบทั้งหมดจะเป็นชีวประวัติของพระเยซูและจดหมายเหตุเน้นคำสอนของพระเยซูเป็นสำคัญ เช่น คำพยากรณ์ ถึงวันสิ้นโลกของนักบุญเซนต์จอห์นที่สามารถสร้างความเชื่อถือในหมู่สามัญชนได้ และต่อมาได้เผยแผ่เข้าสู่ชนชั้นปกครองในเวลาต่อมา
3.ด้านการแพทย์ ชาวโรมันมีความสามารถทางด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศัลยกรรมหรือการผ่าตัด สาธารณสุข มีการประดิษฐ์คีมและปากคีบเพื่อช่วยในการศัลยกรรมผ่าตัด สามารถผ่าตัดท่อนทอนซิล คอพอก นิ่ว และผ่าตัดทำคลอดหน้าท้อง เชื่อกันว่าจูเลียต ซีซ่าร์ เป็นทารกคนแรกที่คลอดวิธีนี้จึงเรียกการผ่าตัดแบบนี้ว่าการผ่าแบบซีซ่าร์
มีการสร้างโรงพยาบาลเพื่อบำบัดโรคจากการสงครามและจิตใจ มีความก้าวหน้าทางวิทยศาสตร์ การแพทย์ แบบใหม่ๆ ที่เน้นความผาสุกและความสบายแก่มนุษย์เป็นหลัก
4.วรรณกรรม ภาษาโรมัน คือต้นแบบของภาษาละติน เป็นมรดกชิ้นสำคัญของโลกที่รับมาจากจักรวรรดิโรมันเพราะเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วจักรวรรดิ แม้จักรวรรดิจล่มสลายไปแล้ว แต่ยังเป็นภาษาสำคัญต่อวิวัฒนาการอารยธรรม
โรมันได้นำเอาวรรณกรรมมาจากกรีก และได้ผลิตผลงานด้านการคิดสร้างสรรค์ไว้น้อยแต่มุ่งในด้านการนำสิ่งที่กรีกคิดไว้ไปปฏิบัติ ทำให้ชาวโรมันประสบความสำเร็จในการสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ใช้สอยเป็นส่วนใหญ่ โดยการนำเอาอารยธรรมเฮลนิสติคออกไปเผยแพร่ ทั่วจักรวรรดิ
5.สถาปตยกรรม สิ่งที่โรมันได้สร้างไว้มีมากมาย ได้แก่การสร้างถนนในกรุงโรมและถนนเชื่อจักรวรรดิ คือ แอพเพนเวย์ที่สามารถติดต่ออย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วได้ ทุกฤดูกาล มีการสร้างท่อส่งน้ำ วิศวกรรมโยธาประสบความสำเร็จในการทำคอนกรีตที่มีความคงทน แข็งแรง จากส่วนผสมจากทราย ปูน ซิลิกา หิน ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ
สิ่งก่อสร้างได้แก่โรงละคร สะพาน ที่อาบน้ำสาธารณะ อัฒจันทร์ชมกีฬา โดยนิยมสร้างโดยการนำเอารูปโค้งมาใช้ เพื่อความแข็งแรง และคลอบคลุมเนื้อที่กว้างขึ้น ส่วนหัวเสานิยมประดับตกแต่งตามแบบคอรินท์ปรากฏที่กรีกให้เห็นจนถึงปัจจุบัน คือ โครอสเซี่ยมของจักรพรรดิติตุส ตึกรัฐสภารูปโมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 142 ฟุต สร้างถวายจักรพรรดิออกัสตุส
6.ประติมากรรม รับแบบอย่างมาจากกรีก เช่น การแกะสลักบนหัว ส่วนการแกะสลักคนทั้งตัวมักทำเฉพาะจักรพรรดิเท่านั้น

สร้างโดย: 
น.ส.สุพรรณิกา ไชยจงมี ม.6/3 เลขที่ 19
รูปภาพของ silavacharee

 

ตรวจแล้ว

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 598 คน กำลังออนไลน์