จักรวรรดิโรมันหลังยุคออกุสตุส
ผู้นำจักรวรรดิหลังยุคออกุสตุส
ออกุสตุสสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 14 เมื่อมีพระชนม์ได้ 76 พรรษา หลังจากนั้นพรินซิเพท (คือรัฐบาลของพรินเซบส์) รวมศูนย์มากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ระบบราชการขยายตัว และการปกครองส่วนภูมิภาคดำเนินไปด้วยดี อัตราภาษีต่ำและการจัดเก็บมีการประเมินอย่างดี กฎหมายมีมนุษยธรรมมากขึ้น พสกนิกรที่อยู่ห่างไกลได้รับความเจริญรุ่งเรืองและมีสันติสุขอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนด้วยพระปรีชาญาณของออกุสตุส
ในศตวรรษที่ 2 มีการปรับปรุงคุณภาพผู้นำจักรวรรดิ ผู้ปกครองโรมระหว่าง ค.ศ. 96 – 180 ได้สมญาว่า “จักรพรรดิที่ดี 5 องค์” คือ เนอร์วา ทราจัน เฮเดรียน แอนโตนินุส และ มาร์คุส ออเรลิอุส ลักษณะเด่น คือ จักรพรรดิมีความคิด และรับผิดชอบต่อทุกข์ – สุข ของจักรวรรดิ มีการปกครองที่เป็นธรรม รักษาความสงบสุขของพลเมือง ส่งเสริมความก้าวหน้าทางวัตถุและการป้องกันพรมแดนจากการรุกราน จักรพรรดิแต่ละองค์จะไม่ใช้หลักการสืบสันตติวงศ์ทางสายเลือด แต่จะรับชายหนุ่มที่มีความสามารถดีเด่นมาเป็น โอรสบุญธรรมและผู้สืบราชบัลลังก์ (แม้ว่าในทางทฤษฎี สภาเซเนท จะเลือกพรินเซบส์) เมื่อ มาร์คุล ออเรลิอุส จงใจเลือกโอรสคือ คอมโมดุสผู้ไร้ความสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิ ทำให้ยุคที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นจักรพรรดิที่ดีสิ้นสุดลง
จักรวรรดิโรมันภายใตต้ระบบพรินซิเพทนี้นับตั้งแต่การเถลิงอำนาจของออกุสตุสจนถึงมาร์คุส ออเรลิอุสนั้นได้ครอบครองดินแดนขนาดใหญ่ ภาระในการป้องกันพรมแดนอันยาวเหยียดตกอยู่กับกองทัพที่ได้รับการฝึกอย่างดี การคมนาคมภายในนั้นมีถนนหนทางที่ดีเยี่ยมซึ่งเชื่อมโรมเข้ากับแคว้นต่าง ๆ เส้นทางการค้าทางทะเลก็ได้รับความคุ้มครองจากกองทัพเรือโรมัน ระยะเวลา 2 ศตวรรษแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองตั้งแต่สมัยออกุสตุสจนถึง มาร์คุส ออเรลิอุส ได้รับสมญาว่า PAX ROMANA หรือสันติภาพโรมัน
ภายใต้การพิทักษ์ของสันติภาพโรมัน ความรุ่งเรืองทางการค้า สถาบันโรมันและวัฒนธรรมคลาสสิคได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางทั่วจักรวรรดิโรมัน เมื่อแคว้นที่อยู่ห่างไกลมีความเป็นโรมันมากขึ้น ความหมายของ “โรม” และ “โรมัน” ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากประชาชนในดินแดนส่วนใหญ่ของอิตาลี ไปจนถึงแคว้นต่าง ๆ ที่ได้สัญชาติโรมันด้วย โรมันได้พัฒนาเมืองเป็นหน่วยหลักในการปกครอง บางเมืองสามารถพัฒนาตนเองเป็นศูนย์กลางการค้าและหัตถกรรม แต่บางเมืองไม่อาจพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจได้ ส่วนใหญ่เมืองทางตะวันออกจะเจริญทางด้านการค้า และมีอุตสาหกรรมพื้นเมืองขนาดย่อมในตัวเมือง แต่เศรษฐกิจหลักโดยส่วนรวมของโรมัน คือ เกษตรกรรม ทาส จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการเป็นแรงงาน อย่างไรก็ตามสังคมโรมันรวมถึงชาวนาที่ยากจนและยาจกที่อดอยากเสมอ
ตรวจแล้ว