ลักษณะของระบอบฟิวดัล
คำว่า “Feudal หรือ “Feudalism” มาจากภาษาลาตินว่า Feudom หรือ Fief แปลว่า ที่ทำกินโดยได้รับอนุญาตจากขุนนาง และจ่ายค่าตอบแทนเป็นแรงงาน หรือวัสดุสิ่งของ กษัตริย์ (King)หรือจักรพรรดิ เป็นผู้ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในระบอบฟิวดัล ที่ดินทั้งหมดในพระราชอาณาเขตเป็นของพระองค์ พระองค์พระราชทานที่ดินส่วนหนึ่งแก่ ขุนนางผู้สูงศักดิ์ (Lord)และ Vassal คือ ผู้ที่จะรับที่ดินไปจากกษัตริย์ในลักษณะเช่า เป็นการเช่าชนิดสืบต่อเป็นมรดกตกทอดในตระกูล เจ้าของที่ดิน คือ พวกขุนนาง (Lord) ตามระบอบฟิวดัลใช้เรียก Lord หรือ Suzerian และผู้อยู่ใต้ใบบุญ หรือผู้อยู่ใต้อำนาจของขุนนางเรียกว่า Vassal และหัวใจสำคัญของระบอบฟิวดัลก็อยู่ที่ความเกี่ยวข้องระหว่างเจ้ากับข้า(Vassal)
พันธะระหว่าง Lord และ Vassal ถือว่าเป็นพันธะอันศักดิ์สิทธิ์ ผูกพันทั้ง 2 ฝ่ายไว้ด้วยหน้าที่ที่มีต่อกัน ถ้าฝ่ายใดทำลายพันธะไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนถือว่าเป็นความผิดฉกรรจ์ หน้าที่สำคัญของ Lord คือ พิทักษ์รักษา Vassal และที่ดินของ Vassalให้ปลอดภัยจากศัตรู ตลอดจนให้ความยุติธรรมและปกป้องคุ้มครองในการพิจารณาคดี อย่างไรก็ตาม Lord ก็มีสิทธิ์ที่จะริบที่ดินคืนได้ถ้า Vassal ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนตามสัญญา หน้าที่ของ Vassal คือ หน้าที่ทางทหาร Vassal จะส่งกองทหารของตนเข้าสมทบในกองทัพของ Lord กองทหารนี้จะต้องเข้ารับหน้าที่ตามเวลาที่กำหนด โดยทั่วไป คือ ปีละ 40 วัน โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด Vassal จะเป็นผู้ออก ในสมัยต่อมาถ้า Vassal ไม่ส่งกองทัพมาช่วยก็อาจส่งเงินจำนวนหนึ่งมาแทนก็ได้ โดย Lord จะนำเงินนี้ไปจ้างทหารที่ฝึกหัดมาเป็นอย่างดีแล้วให้ทำ หน้าที่แทน นอกจากการให้ความช่วยเหลือทางการทหารซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญแล้ว Vassal ยังต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ Lord ในบางกรณีเช่น ในยามที่ Lord มีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างรีบด่วนอีกด้วย กล่าวโดยสรุปจะเห็นได้ว่า ระบอบฟิวดัลเน้นการปกครองที่กระจายอำนาจจากศูนย์กลางออกไปยังส่วนภูมิภาค จากกษัตริย์ออกไปยังขุนนางตามแคว้นต่างๆ และความผูกพันระหว่าง Lord และ Vassal นั้นได้กำหนดไว้อย่างมีระเบียบแบบแผน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัด คำว่าคฤหาสน์ หรือแมนเนอร์ (Manor) เป็นระบบการปกครองในฟิวดัลเจ้าหน้าที่ในเขตปกครอง “คฤหาสน์” เรียก “Lord of the Manor” ขุนนางมีสิทธิ์ครอบครองแมนเนอร์เป็นร้อยๆ ได้ ในแมนเนอร์มีการทำเกษตรกรรมเป็นหลัก แม้แต่แมนเนอร์ที่เล็กที่สุดมีเนื้อที่ประมาณ 300 – 400 เอเคอร์ และอาจประกอบด้วยหมู่บ้านเดียวหรือมากกว่านั้น แต่ละแมนเนอร์มีระบบเศรษฐกจสมบูรณ์ในตัวเอง(Self Sufficiency) ภายในแต่ละแมนเนอร์จะมี Manor - House ของ Lord อยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยคูกั้นเป็นที่อยู่ของครอบครัวเจ้าของที่ดินและอัศวินทั้งหลาย ตลอดจนผู้จัดการดูแลแมนเนอร์ (Bailiff)และพระของหมู่บ้านแมนเนอร์ ถัดจากคูที่ล้อมรอบ Manor-House เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไร่ชาวนา เลยที่อยู่ของชาวไร่ชาวนาออกไปเป็นไร่นา ส่วนที่ดีที่สุดกันไว้เป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้าของที่ดินและพระ ที่เหลือเจ้าของที่ดินจะจัดแบ่งให้พวกไพร่ติดที่ดิน แต่ละครอบครัวทำกินจะขยายหรือโยกย้ายไม่ได้ ถ้าเจ้าของที่ดิน (Lord) ไม่สั่ง
สร้างโดย:
น.ส.วรวรรณ เกตุชลา ชั้น ม.6/3 เลขที่ 18 โรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์
แหล่งอ้างอิง:
http://econ.bu.ac.th/paper/EC213/1-2.doc
ตรวจแล้ว