สถิติ
สถิติ(Statistic)
ค่าตัวเลขที่เกิดจากการคำนวณมาจากกลุ่มตัวอย่าง(Sample) หรือคิดมาจากนิยามทางคณิตศาสตร์ เช่นคำนวณหาค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน ค่าที่คำนวณได้เรียกว่าค่าสถิติ ( A Statistic) ส่วนค่าสถิติทั้งหลายเรียกว่า ค่าสถิติหลาย ๆ ค่า (Statistics)
วิชาการแขนงหนึ่งที่จัดเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ และเป็นทั้งวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ และยังหมายรวมถึงระเบียบวิธีการสถิติอันประกอบไปด้วยขั้นตอน 4 ขั้นตอนที่ใช้ในการศึกษาได้แก่
การเก็บรวบรวมข้อมูล(Collection of Data)
การนำเสนอข้อมูล(Presentation of Data )
การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of Data)
การตีความหมายของข้อมูล (Interpretation of Data )
2. ข้อมูล(Data) หมายถึง รายละเอียดข้อเท็จจริงของสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรม
และนามธรรมซึ่งตรงกับสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการศึกษา
3. ประเภทของวิชาสถิติ แบ่งประเภทตามลักษณะของข้อมูลได้เป็นสองประเภทคือ
3.1 สถิติเชิง3.2 อนุมาน(Inductive Statistics) หมายถึง3.3 สถิติที่ใช้จัดกระทำกับข้อมูลที่ได้มาเพียง3.4 บาง3.5 ส่วนของ3.6 ข้อมูลทั้ง3.7 หมด
3.8 สถิติเชิง3.9 บรรยาย(Descriptive Statistics) หมายถึง3.10 สถิติที่ใช้จัดกระทำกับข้อมูลที่ได้มาเฉพาะเรื่อง3.11 ใดเรื่อง3.12 หนึ่ง3.13
4. การนำเสนอข้อมูล หมายถึง การจัดระบบข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ เป็นประเภท
ตามลักษณะของการวิจัย เพื่อความชัดเจนในการวิเคราะห์ข้อมูลและการแปล
ความหมายของข้อมูล
5. การแจกแจงความถี่ (Frequency distribution table) จำแนกออกเป็น 2
ลักษณะ คือ
5.1 แจกแจง5.2 ข้อมูลเป็นตัว ๆ ไป ใช้กับข้อมูลดิบที่มีจำนวนไม่มากนัก
5.3 แจกแจง5.4 ข้อมูลเป็นช่วง5.5 คะแนน (อันตรภาคชั้น) เช่น
คะแนน
|
จำนวนนักเรียน
|
20-29 30-39 40-49 50-59 60-69 รวม
|
8 12 17 10 8 55
|
หลักการสร้างตารางแจกแจงความถี่
พิจารณาจำนวนข้อมูลดิบทั้งหมดว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด
หาค่าสูงสุดหรือต่ำสุดของข้อมูลดิบที่มีอยู่
หาค่าพิสัยของข้อมูลนั้นจากสูตร
พิสัย = ค่าสูงสุด - ค่าต่ำสุด
พิจารณาว่าจะแบ่งเป็นกี่ชั้น(นิยม 5 - 15 ชั้น)
หาความกว้างของแต่ละอันตรภาคชั้น จากสูตร
ความกว้างของอันตรภาคชั้น = พิสัย
จำนวนชั้น
นิยมปรับค่าให้เป็น 5 หรือ 10
ควรเลือกค่าที่น้อยที่สุด หรือค่าที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้นให้เป็นค่าที่
สังเกตได้ง่าย ๆ
6. ฮิสโตแกรม (Histogram) หรือแท่งความถี่ คือ การแจกแจงความถี่ข้อมูลโดย
ใช้กราฟแท่ง เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรมของข้อมูลมากยิ่งขึ้นและง่ายต่อการ
วิเคราะห์ หรือตีความหมายข้อมูล
7. ค่ากลางของข้อมูล มีทั้งหมด 6 ชนิด
7.1 ค่าเฉลี่ยเลขคณิตหรือตัวกลาง7.2 เลขคณิต(arithmetic mean)
7.3 มัธยฐาน(median)
7.4 ฐานนิยม(mode)
7.5 ตัวกลาง7.6 เรขาคณิต(geometric mean)
7.7 ตัวกลาง7.8 ฮาโมนิค (harmonic mean)
7.9 ตัวกึ่ง7.10 กลาง7.11 พิสัย(mid-range)
8. ค่าเฉลี่ยเลขคณิตหรือตัวกลางเลขคณิต(arithmetic mean)
หลักในการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
นำข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน
นำผลรวมที่ได้จากข้อ 1 มาหารด้วยจำนวนข้อมูลทั้งหมด
ผลหารที่ได้ในข้อ 2 คือ ค่าเฉลี่ย
9. มัธยฐาน(median) คือ ค่ากลางของข้อมูลที่อยู่กึ่งกลางของข้อมูลทั้งหมดหลัง
จากเรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปมากหรอจากมากไปน้อย
ตัวอย่าง จงหาค่ามัธยฐานของข้อมูล 3 , 7 19, 25, 12, 18 , 10 วิธีทำ เรียงข้อมูลจากน้อยไปมากได้ 3 , 7, 10, 12, 18, 19, 25
ข้อมูลมีทั้งหมด 7 ตัวเรียงข้อมูลแล้วตัวเลขที่อยู่ตรงกลางคือตัวเลขตำแหน่งที่ 4 \ตัวเลขตำแหน่งที่ 4 คือ 12 เป็นมัธยฐาน
10. ฐานนิยม(mode) คือ ค่ากลางของข้อมูลที่มีความถี่สูงสุดในชุดข้อมูลนั้น
ตัวอย่าง จงหาฐานนิยมของข้อมูลชุดนี้ 3, 2, 5, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 5
วิธีทำ ข้อมูลมี 2 จำนวน 1 ค่า มี 3 จำนวน 8 ค่า มี 5 จำนวน 2 ค่า
\ ฐานนิยมของข้อมูลคือ 3
11.ค่าเฉลี่ยกรณีแจกแจงความถี่
11.1 ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
เมื่อ f คือ ความถี่ (จำนวน)
อายุ(ชั่วโมง) จำนวน
118-122 2
123-127 8
128-132 15
133 137 11
138-142 3
143-147 1
รวม 40
วิธีทำ
อายุ(ชั่วโมง) จุดกึ่งกลาง(x) จำนวน(f) fx
118-123 120 2 240
123-128 125 8 1000
128-133 130 15 1950
133 137 135 11 1485
138-143 140 3 420
143-148 145 1 145
รวม 40 5240
\ อายุเฉลี่ยของหลอดไฟฟ้าเท่ากับ 131 ชั่วโมง
9.2 การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตรวม
ในการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตรวมของข้อมูลหลายกลุ่มเมื่อทราบค่าเฉลี่ยเลขคณิตของข้อมูลแต่ละกลุ่ม
ข้อมูลกลุ่มที่ 1 มีค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ x1 และจำนวนข้อมูลเท่ากับ n1
ข้อมูลกลุ่มที่ 2 มีค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ x2 และจำนวนข้อมูลเท่ากับ n2
ข้อมูลกลุ่มที่ 3 มีค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ x 3 และจำนวนข้อมูลเท่ากับ n3
ข้อมูลกลุ่มที่ k มีค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ xk และจำนวนข้อมูลเท่ากับ nk
ค่าเฉลี่ยเลขคณิตรวม ( x รวม) = n1 x1 + n2 x2 + n3 x3 + ….+ nK xK
n1 + n2 + n3 + ……..+ nK