วิธีการแอดมิชชั่น
ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
วิธีการแอดมิชชั่น
ดังนั้นในปีนี้ อาจารย์แนะแนวในหลายๆ ที่จะแนะนำให้นักเรียนบวกค่าเฟ้อถึง ๑๐ % ซึ่งก็ไม่เป็นเรื่องที่ดูเกินกว่าเหตุที่คะแนนในปีนี้จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้สูงมาก จึงมีผลต่อการเลือกอันดับทั้ง ๔ อันดับของน้องๆ เพราะต้องคำนวนถึงคะแนนในส่วนตรงนี้ด้วย
สำหรับการเลือกคณะ ๔ อันดับ พี่หยกก็มีเกณฑ์ในการช่วยพิจารณาง่ายๆ มาฝากกันนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลนี้นะครับ
อันดับ ๑ คะแนนของเราควรมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างน้อย +๑๐ เพื่อให้พอลุ้นกับอันดับนี้ แต่ใครที่อยากลองเสี่ยงเลือกคณะในฝันตัวเองก็ไม่ว่ากันนะครับ สิทธิ์ในการตัดสินใจเป็นของน้องเอง
อันดับ ๒ คะแนนของเราควรมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างน้อย +๑๕ เพื่อให้ได้ลุ้นกับอันดับนี้ แต่ใครจะยิ่งมากกว่าได้ก็ยิ่งดี แต่ใครจะน้อยกว่า +๑๕ ก็ไม่ว่ากันนะครับ
อันดับ ๓ คะแนนของเราควรมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างน้อย +๒๐ เพื่อให้ค่อนข้างปลอดภัยกับอันดับนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยจากความเสี่ยงในการเลือกคณะครับ
อันดับ ๔ คะแนนของเราควรมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างน้อย +๒๖ เพื่อให้ปลอดภัยกับอันดับนี้ อย่างน้อยเราก็จะได้ปลอดภัยกับการเลือก ๔ อันดับครับ
ย้ำว่าวิธีการนี้เป็นวิธีที่เก็บข้อมูลจากสถิติและการพิจารณาส่วนบุคคล ไม่เชื่อ ไม่ใช้ ไม่ว่ากันนะครับ
นอกจากนั้นในส่วนของความนิยมในการเลือกคณะ ปีนี้คณะทางด้านสายศิลป์ค่อนข้างมากแรง ใครที่ไม่ต้องการแข่งขันสูงแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยง อีกทั้งคณะที่ใช้คะแนนเอเนทน้อย ใช้โอเนทเยอะ หรือใช้แต่เพียงโอเนทอย่างเดียวเท่านั้น ก็เป็นอีกประเภทคณะที่ได้รับความนิยม นอกจากนั้นใครที่พยายามเลือกมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค ก็จะมีอัตราการแข่งขันน้อยกว่า คนที่เลือกแต่มหาวิทยาลัยในส่วนกลาง ปัจจุบันคุณภาพของมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดก็ไม่ต่างอะไรกับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แล้ว มิหนำซ้ำสภาพแวดล้อมก็น่าอยู่น่าเรียนกว่ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำไป
สุดท้ายนี้มหาวิทยาลัยไหน คณะใดจะดีที่สุด ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องๆ เองแล้วนะครับ เส้นชัยอยู่ไม่ไกล กำลังใจอยู่ข้างหลัง ความหวังอยู่แค่เอื้อม
การคิดคะแนนในการคัดเลือก
การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง (Admissions) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กำหนดให้พิจารณาคัดเลือกผู้สมัครโดยใช้
1. ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า มีค่าน้ำหนักร้อยละ 10
2. ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ( 3 – 5 กลุ่ม )ให้ค่าน้ำหนัก ร้อยละ 20
3. ผลการสอบทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( O-NET ) ให้ค่าน้ำหนักร้อยละ 35 - 70
4. ผลการสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (A-NET ) และ / หรือวิชาเฉพาะ ไม่เกิน 3 วิชา ให้ค่าน้ำหนักร้อยละ 0 - 35
5. ผลการสอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกาย ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความพร้อมและความเหมาะสม ก่อนรับเข้าศึกษา ไม่คิดค่าน้ำหนักคะแนน
การกำหนดสัดส่วนค่าน้ำหนักระหว่างคะแนนวิชา O-NET วิชา A-NET และ / หรือวิชาเฉพาะให้คิดตามที่ คณะ / ประเภทวิชานั้นๆ กำหนดไว้
การคิดคะแนนสอบวิชา O-NET วิชา A-NET และ / หรือวิชาเฉพาะ
คะแนนทุกวิชาที่นำมาคิดจะต้องผ่านเกณฑ์ที่คณะ / ประเภทวิชานั้นๆ กำหนดไว้ หากไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ จะ ไม่รับพิจารณา
วิธีคิด
1. ให้นำคะแนนสอบวิชา O-NET วิชา A-NET และ / หรือวิชาเฉพาะ ของผู้สมัคร คูณกับค่าน้ำหนัก ของ แต่ละวิชาที่คณะ / ประเภทวิชานั้นๆ กำหนด
2. นำคะแนนที่คูณกับค่าน้ำหนักเรียบร้อยแล้วตามข้อ 1 มารวมกัน จะได้คะแนนรวมวิชา O-NETวิชา A-NET และ / หรือวิชาเฉพาะ
3. คะแนนเต็มแต่ละวิชามีค่าเท่ากับ 100 คูณกับค่าน้ำหนักของวิชานั้นๆ
วิธีการคิดคะแนน
ตัวอย่างการคิดคะแนนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ กำหนดให้สอบ O-NET 5 วิชา และ วิชาเฉพาะ 1 วิชา คือ วิชา 01 02 03 04 05 แต่ละวิชาให้ค่าน้ำหนักร้อยละ 8 และวิชา 38 ให้ค่าน้ำหนักร้อยละ 30
สมมุติให้ผู้สมัครได้คะแนนวิชา 01 = 63.00, 02 = 75.00, 03 = 71.00, 04 = 81.00, 05 = 87.00, 38 = 70.00
วิธีคิด
ขั้นที่ 1 นำคะแนนของผู้สมัครคูณกับค่าน้ำหนักแต่ละวิชา ดังนี้
คะแนน O-NET วิชา 01 ( 63.00 X 8 ) = 504 , วิชา 02 ( 75.00 X 8 ) = 600 , วิชา 03 ( 71.00 X 8 ) = 568 , วิชา 04 ( 81.00 X 8 ) = 648 , วิชา 05 ( 87.00 X 8 ) = 696
คะแนนวิชาเฉพาะ วิชา 38 ( 70.00 X 30 ) = 2100
ขั้นที่ 2 นำคะแนนที่คูณด้วยค่าน้ำหนักแล้วมารวมกัน จะได้คะแนนรวมดังนี้
คะแนน O-NET ( 504+600+568+648+696 ) = 3016 คะแนนวิชาเฉพาะ = 2100
ตัวอย่างการคิดคะแนนในคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะนิติศาสตร์ กำหนดให้สอบ O-NET 3 วิชา และ A-NET 1 วิชา คือ วิชา 01 ให้ค่าน้ำหนัก ร้อยละ 18 วิชา 02 ให้ ค่าน้ำหนัก ร้อยละ 19 วิชา 03 ให้ค่าน้ำหนัก ร้อยละ 18 และวิชา 14 ให้ค่าน้ำหนักร้อยละ 15
สมมุติให้ผู้สมัครได้คะแนนวิชา 01 = 63.00, 02 = 75.00, 03 = 71.00, 14 = 57.00
วิธีคิด
ขั้นที่ 1 นำคะแนนของผู้สมัครคูณกับค่าน้ำหนักแต่ละวิชา ดังนี้
คะแนน O-NET วิชา 01 ( 63.00 X 18 ) = 1134 , วิชา 02 ( 75.00 X 19 ) = 1425 , วิชา 03 ( 71.00 X 18 ) = 1278
คะแนน A-NET วิชา 14 ( 57.00 X 15 ) = 855
ขั้นที่ 2 นำคะแนนที่คูณด้วยค่าน้ำหนักแล้วมารวมกัน จะได้คะแนนรวมดังนี้
คะแนน O-NET ( 1134+1425+1278 ) = 3837 คะแนน A-NET = 855
ตัวอย่างการคิดคะแนนในคณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาการออกแบบ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาการออกแบบ กำหนดให้สอบ O-NET 5 วิชา และ วิชาเฉพาะ 2 วิชา คือวิชา 01 02 03 04 05 แต่ละวิชาให้ค่าน้ำหนัก ร้อยละ 7 และวิชา 43 44 แต่ละวิชา ให้ค่าน้ำหนัก ร้อยละ 17.5
สมมุติให้ผู้สมัครได้คะแนนวิชา 01 = 63.00, 02 = 75.00, 03 = 71.00, 04 = 81.00, 05 = 87.00, 43 = 59.00, 44 = 60.00
วิธีคิด
ขั้นที่ 1 นำคะแนนของผู้สมัครคูณกับค่าน้ำหนักแต่ละวิชา ดังนี้
คะแนน O-NET วิชา 01 ( 63.00 X 7 ) = 441 , วิชา 02 ( 75.00 X 7 ) = 525 , วิชา 03 ( 71.00 X 7 ) = 497 , วิชา 04 ( 81.00 X 7 ) = 567, วิชา 05 ( 87.00 X 7 ) = 609
คะแนนวิชาเฉพาะ วิชา 43 ( 59.00 X 17.5 ) = 1032.50 , วิชา 44 ( 60.00 X 17.5 ) = 1050
ขั้นที่ 2 นำคะแนนที่คูณด้วยค่าน้ำหนักแล้วมารวมกัน จะได้คะแนนรวมดังนี้
คะแนน O-NET ( 441+525+497+567+609 ) = 2639 คะแนนวิชาเฉพาะ ( 1032.50+1050 ) = 2082.50
การคิดคะแนน GPAX และ GPA กลุ่มสาระ
ในการคัดเลือก กำหนดให้ใช้ผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า (GPAX)ร้อยละ 10 และผลการ เรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายแยกตามกลุ่มสาระ (GPA กลุ่มสาระ ) ร้อยละ 20การคิดคะแนนส่วนนี้ให้คิดเทียบ คะแนนเต็มเป็น 100 คะแนน
วิธีคิด
1. ให้นำผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) และผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ (GPA กลุ่มสาระ ) คูณด้วย 25 เพื่อแปลงค่าผลการเรียนเฉลี่ยเป็นคะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ( คิดโดยเทียบ GPA = 4 มีค่าเท่ากับ 100 คะแนน ดังนั้น GPA ของผู้สมัครจึงมีค่าเท่ากับ ( GPA ของผู้สมัคร X 100 หารด้วย 4 ) หรือ มีค่าเท่ากับ GPA ของผู้สมัคร คูณด้วย 25 )
2. ให้นำผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) และผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ (GPA กลุ่มสาระ ) ที่แปลงค่าเป็นคะแนน แล้ว คูณกับ ค่าน้ำหนัก ของ GPAX และ GPA กลุ่มสาระตาม ที่คณะ / ประเภทวิชานั้นๆ กำหนด
3. นำค่าคะแนน GPA กลุ่มสาระ ที่แปลงเป็นคะแนนและคูณด้วยค่าน้ำหนักเรียบร้อยแล้ว มารวมกัน จะได้คะแนนรวม GPA กลุ่มสาระ
4. คะแนนเต็ม GPAX เท่ากับ 100 X 10 = 1000 คะแนนเต็ม GPA กลุ่มสาระแต่ละกลุ่ม เท่ากับ 100 คูณด้วย ค่าน้ำหนักของกลุ่มสาระนั้น
ตัวอย่างการคิดคะแนน GPAX และ GPA กลุ่มสาระ ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ กำหนดให้ใช้ GPA กลุ่มสาระ 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มสาระภาษาไทย (21) , สังคม (22) , ภาษาต่างประเทศ (23) , คณิตศาสตร์ (24) , วิทยาศาสตร์ (25) ) โดยคิดค่าน้ำหนัก กลุ่มสาระ 21 = 2.5, 22 = 2.5, 23 = 5, 24 = 5, 25 = 5
สมมุติให้ผู้สมัครมีผลการเรียนเฉลี่ย ( GPAX ) = 2.93 , ผลการเรียนเฉลี่ยกลุ่มสาระ 21 = 3.10 , 22 = 2.72 ,23 = 3.33, 24 = 2.69 , 25 = 3.65
วิธีคิด
ขั้นที่ 1 นำค่า GPAX และ GPA กลุ่มสาระ ของผู้สมัคร คูณด้วย 25 จะได้คะแนนดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) ( 2.93 X 25 ) = 73.25
คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ กลุ่มสาระภาษาไทย ( 3.10 X 25 ) = 77.50, สังคม ( 2.72 X 25 ) = 68.00 , ภาษาต่างประเทศ ( 3.33 X 25 ) = 83.25 , คณิตศาสตร์ ( 2.69 X 25 ) = 67.25, วิทยาศาสตร์ ( 3.65 X 25 ) = 91.25
ขั้นที่ 2 นำคะแนน GPAX และ คะแนน GPA กลุ่มสาระ คูณด้วยค่าน้ำหนักตามที่คณะ / ประเภทวิชากำหนด ดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) ( 73.25 X 10 ) = 732.50
คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ กลุ่มสาระภาษาไทย ( 77.50 X 2.5 ) = 193.75 , สังคม ( 68.00 X 2.5 ) = 170.00 , ภาษาต่างประเทศ ( 83.25 X 5 ) = 416.25, คณิตศาสตร์ ( 67.25 X 5 ) = 336.25 , วิทยาศาสตร์ ( 91.25 X 5 ) = 456.25
ขั้นที่ 3 นำค่า GPA ที่แปลงเป็นคะแนนและคูณด้วยค่าน้ำหนักเรียบร้อยแล้วมารวมกันจะได้คะแนนรวมดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) = 732.50
คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ (GPA กลุ่มสาระ ) ( 193.75+170.00+416.25+336.25+456.25 ) = 1572.50
ตัวอย่างการคิดคะแนน GPAX และ GPA กลุ่มสาระ ในคณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาการออกแบบ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาการออกแบบ กำหนดให้ใช้ GPA กลุ่มสาระ 3 กลุ่ม คือ ภาษาไทย (21) , สังคม (22) ,ภาษาต่างประเทศ (23) โดยคิดค่าน้ำหนักกลุ่มสาระ 21 = 6, 22 = 6, 23 = 8
สมมุติให้ผู้สมัครมีผลการเรียนเฉลี่ย ( GPAX ) = 2.93 , ผลการเรียนเฉลี่ยกลุ่มสาระ 21 = 3.10 , 22 = 2.72 ,และ 23 = 3.33
วิธีคิด
ขั้นที่ 1 นำค่า GPAX และ GPA กลุ่มสาระ ของผู้สมัคร คูณด้วย 25 จะได้คะแนนดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) ( 2.93 X 25 ) = 73.25
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ ประกอบด้วยกลุ่มสาระภาษาไทย ( 3.10 X 25 ) = 77.50 , กลุ่มสาระ สังคม ( 2.72 X 25 ) = 68.00 , กลุ่มสาระ ภาษาต่างประเทศ ( 3.33 X 25 ) = 83.25
ขั้นที่ 2 นำคะแนน GPAX และ คะแนน GPA กลุ่มสาระ คูณด้วยค่าน้ำหนักตามที่คณะ / ประเภทวิชากำหนด ดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) ( 73.25 X 10 ) = 732.50
คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ กลุ่มสาระภาษาไทย ( 77.50 X 6 ) = 465.00 , สังคม ( 68.00 X 6 ) = 408.00 , กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ ( 83.25 X 8 ) = 666.00
ขั้นที่ 3 นำค่า GPA ที่แปลงเป็นคะแนนและคูณด้วยค่าน้ำหนักแล้วมารวมกันจะได้คะแนนรวมดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) = 732.50
คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ (GPA กลุ่มสาระ ) ( 465.00+ 408.00+666.00 ) = 1539
ตัวอย่างการคิดคะแนน GPAX และ GPA กลุ่มสาระ ในคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะนิติศาสตร์ กำหนดให้ใช้ GPA กลุ่มสาระ 3 กลุ่ม คือภาษาไทย (21) , สังคม (22) , ภาษาต่างประเทศ (23) โดยคิดค่าน้ำหนักกลุ่มสาระ 21 = 7, 22 = 6, 23 = 7
สมมุติให้ผู้สมัครมีผลการเรียนเฉลี่ย ( GPAX ) = 2.93 , ผลการเรียนเฉลี่ยกลุ่มสาระ 21 = 3.10 , 22 = 2.72 ,และ 23 = 3.33
วิธีคิด
ขั้นที่ 1 นำค่า GPAX และ GPA กลุ่มสาระ ของผู้สมัคร คูณด้วย 25 จะได้คะแนนดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) ( 2.93 X 25 ) = 73.25
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ ประกอบด้วยกลุ่มสาระภาษาไทย ( 3.10 X 25 ) = 77.50 , กลุ่มสาระ สังคม ( 2.72 X 25 ) = 68.00 , กลุ่มสาระ ภาษาต่างประเทศ ( 3.33 X 25 ) = 83.25
ขั้นที่ 2 นำคะแนน GPAX และ คะแนน GPA กลุ่มสาระ คูณด้วยค่าน้ำหนักตามที่คณะ / ประเภทวิชากำหนด ดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) ( 73.25 X 10 ) = 732.50
คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ กลุ่มสาระภาษาไทย ( 77.50 X 7 ) = 542.50 , กลุ่มสาระสังคม( 68.00 X 6 ) = 408.00 , กลุ่มสาระ ภาษาต่างประเทศ ( 83.25 X 7 ) = 582.75
ขั้นที่ 3 นำค่า GPA ที่แปลงเป็นคะแนนและคูณด้วยค่าน้ำหนักเรียบร้อยแล้วมารวมกันจะได้คะแนนรวมดังนี้
คะแนน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) = 732.50
คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยตามกลุ่มสาระ (GPA กลุ่มสาระ ) ( 542.50+ 408.00+582.75 ) = 1533.25
การคิดคะแนนรวม
คะแนนรวม = คะแนน GPAX + คะแนน GPA กลุ่มสาระ + คะแนน O-NET + คะแนน A-NET และ / หรือ คะแนนวิชาเฉพาะ
ตัวอย่าง
สมมุติผู้สมัครมีผลการเรียนเฉลี่ย ( GPAX ) = 2.93 , GPA กลุ่มสาระ 21 = 3.10 , 22 = 2.72 , 23 = 3.33 , 24 = 2.69 , 25 = 3.65 , คะแนน O-NET วิชา 01 = 63.00 , 02 = 75.00 , 03 = 71.00 , 04 = 81.00 , 05 = 87.00 ,
คะแนน A-NET วิชา 14 = 57.00 , คะแนนวิชาเฉพาะ 38 = 70.00 , 43 = 59.00, 44 = 60.00