ทำบุญให้ได้บุญ

ทำบุญให้ได้บุญ

   ท่านทั้งหลายเคยคิดหรือไม่ว่า  บุญที่เราทำไปนั้นได้บุญถึงสิ่งที่เราตั้งใจอุทิศให้หรือไม่? 
หากท่านมีความสงสัยเช่นกันและเพื่อสร้างสัมมาทิฏฐิคือความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่อง"ทำบุญให้ได้บุญ"แล้ว  เรามาศึกษาเรื่องนี้พร้อมกันได้เลยค่ะ
การทำบุญให้ได้บุญ ต้องให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ไม่ต้องการโล่ประกาศเกียรติคุณ ไม่หวังให้ได้ออกโทรทัศน์หรือถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ ถ้าเป็นการให้ทาน ควรให้ด้วยปัญญา เรื่องนี้อาจจะลึกซึ้งมาก แต่ก็พอจะเข้าใจได้ คือต้องรู้ให้แจ้งถึงความจริงว่า การมีทรัพย์สินเงินทองนั้น มันเป็นเพียงของกลางตามธรรมชาติ ที่เราแสวงหามาไว้ในครอบครอง สามารถหยิบมาใช้ นำมาบริโภคได้ขณะที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่ควรที่ใครจะยึดถือกอดรัด หรือแบกหามไว้ว่าเป็นของตน เมื่อรู้แจ้งเช่นนี้ ก็ย่อมทำทานด้วยวัตถุได้ง่ายขึ้นมาก และได้บุญสูงด้วย
ถ้าจะให้บุญสูงขึ้นไปอีก ก็ต้องทำด้วยธรรมทาน คือให้ความรู้ทางธรรมะแก่ผู้อื่น แล้วก็ยังมีทานที่ได้บุญสูงอีกอย่างหนึ่งคือ อภัยทาน ได้แก่การยกโทษให้แก่ผู้ที่ทำบาปต่อเราและไม่ผูกพยาบาทต่อคนคนนั้น 
พอสรุปได้ว่า การทำบุญให้ได้บุญ มีอยู่ 3 ระดับ คือบริจาคให้ทานทั้งวัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน และการถือศีล กำจัดกิเลสอย่างหยาบทางกาย วาจา จากนั้นก็เจริญภาวนา เป็นการกำจัดกิเลสอย่างละเอียดทางใจ รวมแล้วเป็นบุญสูงที่สุด 
คำว่า "บุญ" มีผู้ที่ใหความหมายไว้หลายประการ  เช่น  ตั้งแต่เราเป็นเด็กๆผู้ใหญ่มักจะบอกว่า  พรุ่งนี้ไปทำบุญ  เรามักจะคิดไปว่าการทำบุญคือการนำสังฆทานไปถวายพระหรือการเอาเงินไปใส่กล่องที่ตั้งบริจาครับอยู่ตามมุมของวัด  การนิมนต์พระมาฉันอาหารเพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดสิริมงคลกับชีวิต  หากมองให้ลึกซึ้งลงไปการทำบุญในทางพุทธศาสนาจะหมายถึงการให้ การสละออก  การลดความตระหนี่และการแบ่งปันจากผู้ที่มีมากกว่าถึงผู้ที่มีน้อยกว่าหรือไม่มี
บัดนี้ข้าพเจ้าขอนำเรื่องที่เขียนโดยพระเกษม  อาจิณฺณสีโล  เกี่ยวกับการทำบุญแบบง่ายๆดังที่ตัวท่านเองปฏิบัติมายี่สิบกว่าปีแล้ว
“แก้อาการป่วยของสังคมโลก”
        มีคนถามข้าพเจ้ามามากมายว่า “เพราะเหตุใดสังคมจึงมีแต่ความเดือดร้อน  ยุ่งเหยิงหลายๆประการ  ต่างๆนานา สารพัดรูปแบบ” ในคำถามนี้ ข้าพเจ้าขอตอบรวบยอดทั้งหมดแบบรวบยอดคำตอบว่า ความเดือดร้อนมาหรือน้อยก็ตาม  เป็นผลมาจาก “บาป”ที่เคยทำไว้หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “นายเวร” เมื่อนายเวรเข้าถึงก็มีแต่ความเดือดร้อนนับตั้งแต่นิดหน่อยไปจนถึงมากมายมหาศาล  ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจาก “นายเวร”ทั้งหมด  วิธีการแก้ไขอันดับแรกคือให้ตั้งความคิดอธิษฐานว่า “ขออำนาจพุทธ  ธรรม  สงฆ์  จงบันดาลบุญข้าให้ญาติ  ให้เทวดาที่รักษา  ให้นายเวร  ให้เชื้อโรคข้า”ให้อธิษฐานแบบนี้วันละร้อยครั้งหรือพันครั้งหรือหมื่นรอบ  เมื่ออธิษฐานเช่นนี้  อำนาจพระรัตนตรัยก็จะบันดาลบุญไปสู่มิติทิพย์ตามที่เราขอให้บันดาลไป การอธิษฐานที่ว่านี้  ทำได้ทุกเวลาทุกอิริยาบถ  เมื่อญาติทิพย์ได้บุญ  เมื่อเทวดาที่รักษาได้บุญก็จะรักษาเรา  บันดาลสิ่งที่ดีๆให้เกิดกับเรา   และเมื่อนายเวรได้บุญก็จะเลิกจองเวรเรา  บางกลุ่มก็จะหันกลับมาช่วยเราบางกลุ่มก็จะหลีกหนีจากเราไปเลย  เมื่อเชื้อโรคได้บุญ  พวกที่เป็นผีเชื้อโรคก็จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็จะไม่อยากเกิดในคน  ไม่อยากกินเลือดกินเนื้อคน  จิตของมันก็จะไปเกิดในที่สบายขึ้น  บางกลุ่มก็กลับมารักษาเรา  บางกลุ่มก็ไปสู่ภพที่ดีหลีกหนีเราไปเลยก็มี   นายเวรที่ได้บุญ  ถ้าไม่ยอมอภัย  กรมการปกครองของสวรรค์  กรมการยุติธรรมในสวรรค์ กรมบังคับคดีในสวรรค์และยมโลกย่อมจัดการกับนายเวรที่รับบุญแล้วแต่ไม่ยอมให้อภัยตามหลักความถูกต้อง  ทีนี้ฝ่ายญาติและเทวดาที่รักษาหรือว่า อมนุษย์ทั้งหลายที่สถิตในที่ต่างๆเช่น  ที่ดิน  จอมปลวก  ต้นหญ้า ต้นไม้  ภูเขา  ห้วย  หนอง  คลอง  บึงต่างๆที่มีน้ำ  แม้แต่สถิตในทะเลมหาสมุทร  รวมถึงพวกสถิตในไอน้ำ  กลุ่มเมฆและอากาศ  รวมทั้งพวกที่สถิตในดวงดาวต่างๆในอวกาศ
พวกที่ขอรับบุญจากคนแล้วช่วยคนทำงานทุกระดับชั้น  กลุ่มสูงศักดิ์ก็จะช่วยปกปักรักษาพระราชา  กลุ่มต่ำศักดิ์ลงมาก็จะช่วยปกปักรักษาคณะมนตรีมหาอำมาตย์  กลุ่มต่ำศักดิ์ลงมาอีกก็จะช่วยปกปักรักษาผู้ดูแลเขตแคว้นตามเมืองเล็กเมืองน้อยต่างๆรวมไปถึงคนดูแลเขตหมู่บ้าน  ชานเมือง   ก็จะมีอมนุษย์กลุ่มที่คอยดูแลปกปักรักษาอยู่รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงต่างๆด้วย  เช่น  ช้าง  ม้า  วัว  ควาย  หมู  หมา  เป็ด  ไก่  สัตว์เล็กสัตว์น้อยทั้งหลาย  แม้แต่แมลงต่างๆก็มีผู้รักษามัน  มีผู้อภิบาลรักษาดูแลมันเหมือนกัน  ฉะนั้น  วิธีส่งเสริม  บูชา  สงเคราะห์  อนุเคราะห์  อุปถัมภ์  ค้ำจุน  จะต้องเป็นวิธีที่ช่วยเหลือให้สบายขึ้น  ไม่ใช่วิธีกดบีบให้ทุกข์ทรมาน  ถ้านายเวรเขาทำการหนักนั้นก็ค่อยว่ากันอีกอย่าง
วิธีส่งเสริม  บูชาที่ว่านี้จะบอกวิธีรวบยอดให้ง่ายๆ ข้าพเจ้า(พระเกษม  อาจิณฺณสีโล  วัดป่าสามแยก  อำเภอน้ำหนาว  จังหวัดเพชรบูรณ์)ได้พิสูจน์มาแล้วเป็นเวลา ๒0 ปี  ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ  ตอนแรกข้าพเจ้าทำอยู่คนเดียว  หลายปีเหตุการณ์ก็เปลี่ยนแปลงจากหนักเป็นเบาได้หลายอย่างจึงลองบอกให้ผู้อื่นทำดู  เขาก็ได้ผลเป็นที่พอใจหลายคน  จึงได้แนะนำผู้อื่นอย่างกว้างขวางออกไป  จนข้าพเจ้าได้รับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นหลายสิ่งหลายอย่าง  รวมทั้งได้เห็น  เปรต  ผี  เทวดาหลายกลุ่ม  หลายประเภท  หลายลักษณะ  หลายอาการ  ที่เกิดขึ้นแสดงให้ข้าพเจ้าเห็น  ข้าพเจ้าได้เห็นทั้งพวกศักดิ์ใหญ่  ศักดิ์น้อย  รวมทั้งพวกที่ไม่ศักดิ์ศรีและก็รับทราบว่ายังมีผู้ไม่ได้มาแสดงให้เห็นจะต้องมีอยู่อีกมากมายคณานับไม่ไหว
แม้คิดเฉพาะผู้อยู่ใกล้มนุษย์หรือผู้ที่อภิบาลดูแลรักษามนุษย์นี้  ก็คงจะมากคณานับไม่หวาดไหว  จึงอยากให้ทุกคน ขอแต่ได้ทำความดี ยกตัวอย่างเช่น  ได้ให้ทานแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ให้คิดอุทิศบุญทันที  เมื่อได้ให้สิ่งของนั้นแก่สัตว์ใดหรือให้แก่คนใดก็ตาม  ให้คิดทันทีว่า บุญนี้ให้ญาติ ให้เทวดาที่รักษา  ให้นายเวร  ให้เชื้อโรคข้า  ถ้าจะให้เพื่อผู้อื่น  ให้เปลี่ยนคำลงท้ายตรงคำว่า “ข้า” เป็นผู้นั้นๆได้เลย  ยิ่งแล้วถ้าได้ถวายของแก่สงฆ์จงคิดอุทิศทันทีในขณะที่ถวาย  คิดหลายๆรอบ  ก่อนถวายก็คิด  กำลังถวายก็คิด  ถวายเสร็จแล้วก็คิด  ความคิดให้ต่อเนื่องกันนับตั้งแต่ยกของเข้าถวายจนถึงถวายเสร็จ  คิดให้มันได้ประมาณ ๒0 รอบในการคิดอุทิศ  รับรองไม่พลาดแน่  ข้อสำคัญ  ในเวลานั้น “ห้ามพูด” ให้คิดอุทิศบุญดังว่านี้ในการให้หรือถวายสิ่งของ
อีกอันหนึ่ง  ถ้าบ้าน  รถ  ที่ดินหรือสถานที่ใดๆรวมถึงทรัพย์สมบัติทุกอย่างของเราได้ถูกเจิมไว้ด้วยอาคม  เสกเป่าด้วยเวทมนตร์ต่างๆแม้จะใช้อำนาจของพระรัตนตรัยเสกเอาไว้ก็ตาม  จงมลายมนตร์นั้นออกก่อนเพื่อญาติทิพย์จะได้เป็นอิสระแล้วรับบุญที่เราให้ได้อย่างสบาย  ถ้าเขาอยู่ไกลก็ให้ชวนกลับบ้าน  เพื่อจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
วิธีมลายมนตร์คือ  ขออำนาจพุทธ  ธรรม  สงฆ์  จงบันดาลมนตร์ที่ผูกมัดที่สกัดกั้นให้มลายไป  ตั้งใจคิดหลายๆรอบให้ต่อเนื่องและแก้ด้าย  ผ้ายันต์  เหรียญหรือวัตถุใดๆที่ปลุกเสกทุกๆอย่างเอาออกพ้นไป  แล้วชักชวนญาติทิพย์ทั้งหลายของเราเข้าบ้าน  ด้วยการคิดดังนี้
ขออำนาจพุทธ  ธรรม  สงฆ์  จงบันดาลให้บ้าน  รถ  ที่ดิน  ป่าไม้  ต้นไม้หรือทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่เรามีกรรมสิทธิ์ ให้เป็นที่อยู่ให้สบายแก่ญาติทิพย์และเทวดาที่รักษาให้เข้ามาสถิตได้  เมื่อเขาอยู่ในบ้านหรือที่ใดๆที่เกี่ยวกับเราก็ให้อุทิศบุญแก่เขาตามที่บอกนี้  เขาสบายขึ้น  เขาช่วยเราแน่  นี้เป็นการดำรงชีวิตและเป็นการเกี่ยวข้องกันที่ถูกต้องของพวกโลกทิพย์กับมนุษย์
การอธิษฐานถึงอำนาจ   พุทธ  ธรรม  สงฆ์  เรียกว่า  “พึ่ง”   การอุทิศบุญเพื่อญาติและเทวดาที่รักษา เรียกว่า “บูชา” ถ้าเทวดาหรือญาติมีศักดิ์น้อยหรือเสมอกับเรานั้นเรียกว่า “สงเคราะห์”   ถ้าเทวดาหรือญาติมีศักดิ์ต่ำกว่าเรานั้นเรียกว่า “อนุเคราะห์”
และการอุทิศบุญบุญให้นายเวรและเชื้อโรคนี้เป็นการใช้หนี้ที่เราเคยทำไว้ก่อนที่นายเวรและเชื้อโรคเข้าจะมาทำเรา  และเมื่อนอนหลับได้ฝันเห็นผู้ให้อุทิศบุญให้ผู้นั้น  ฝันเห็นสัตว์ใดให้อุทิศบุญให้สัตว์นั้น  ฝันเห็นวัตถุสิ่งของใดให้อุทิศบุญให้ผู้ที่เนรมิตวัตถุสิ่งของให้เห็นนั้น  รวมทั้งหมดนี้  เป็นการพึ่ง  บูชา  สงเคราะห์  อนุเคราะห์  ใช้หนี้ครบเรียบร้อยแล้ว  การดำรงชีวิตให้ทำตามนี้  แล้วทุกท่านจะปลอดภัย
หมายเหตุ
นายเวร  มีตั้งแต่เชื้อโรค  สัตว์เล็กสัตว์น้อย  ผีแมลง  ผีสัตว์ใหญ่  เปรต  ปีศาจ  เทวดา  ยักษ์  คนธรรพ์  กุมภัณฑ์  นาค  ครุฑ
อสูร  มาร  พรหม  เงือก  กินนรา  ฯลฯแม้แต่ในอสัญญีพรหมก็มีนายเวรเรา
ญาติ   ก็มีทุกภูมิเหมือนกันกับนายเวร
ถ้าอุทิศบุญให้      ฝ่ายญาติเมื่อเห็นนายเวรขยับตัว  ฝ่ายญาติเราก็เริ่มขยับตัวเหมือนกัน  ถ้านายเวรได้บุญแล้วกลับมาเป็นพวก  เราก็จะสบายใจขึ้น  ญาติทิพย์ของเราก็จะมีพวกพ้องมากขึ้น  ภัยพิบัติอันเกิดแต่แรงบันดาลก็จะหมดไป
การอุทิศบุญแบบนี้  การอธิษฐานแบบนี้  กำไรบุญจะเกิดขึ้นมากมาย  เพราะเป็นการทำบุญด้วยบุญ
ถ้าเป็นคนในศาสนาอื่น  พึงใช้อำนาจของศาสดาตนบันดาลบุญอุทิศแบบเดียวกัน  บุญจะสำเร็จได้เหมือนกัน  เช่น คนในศาสนาคริสต์ให้อธิษฐานว่า “ขออำนาจพระบิดาและพระเยซู  จงบันดาลบุญให้ข้า.......”  แบบเดียวกัน  คนนับถือศาสนาอิสลาม ,ฮินดูและทุกศาสนาพึงทำตามแบบเดียวกันนี้  ได้ผลแน่นอน
ทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน
๑.คำว่า “อุทิศบุญ  เอาบุญให้  ส่งบุญ  โอนบุญ  จ่ายบุญ”มีความหมายอย่างเดียวกัน  วิธีปฏิบัติคือ ขณะที่เรากำลังทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เมื่อมีบุญเกิดขึ้นในใจแล้ว  ให้รีบอุทิศบุญทันทีโดยการคิดในใจว่า  ให้บุญนี้ถึงแก่ผู้ที่เราต้องการให้เขาได้รับบุญซึ่งโดยมากก็ได้แก่ พวกญาติที่ตายจากโลกนี้ไปแล้วเกิดในโลกทิพย์หรือพวกที่มีกายทิพย์อยู่แล้ว เช่น ผี เปรต เทวดา เป็นต้น
๒.คำว่า “เบิกบุญ”  คือ เมื่อเราได้ทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่งเสร็จไปแล้วและปฏิบัติตามวิธีในข้อ ๑ ไม่ทัน (ไม่ได้อุทิศบุญในทันที)  หากเราต้องการนำเอาบุญนั้นกลับมาใช้ประโยชน์อีก  ก็สามารถใช้วิธี “เบิกบุญ”กลับมาได้  โดยให้คิดในใจว่า
“ขออำนาจพุทธ  ธรรม  สงฆ์”  ก่อนที่จะเบิกบุญทุกครั้ง
หมายเหตุ   ที่ให้คิดว่า  “ขออำนาจพุทธ  ธรรม  สงฆ์” สั้นๆ โดยไม่มีคำว่า “พระ” นำหน้านั้น  เพื่อให้คิดจ่ายบุญไวและกระชับขึ้น  ไม่มีเจตนาลบหลู่แต่อย่างใด  ก็เหมือนกับที่เราภาวนาว่า “พุทโธ” โดยไม่มีคำว่า “พระ” นำหน้านั่นแหละ  แต่ถ้าใครยังติดในการว่า “พระ”นำหน้าอยู่ก็ใช้ได้ตามถนัด

สร้างโดย: 
นางสาวธิดา จันทร์กระจ่าง

ขอบพระคุณมากครับ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 511 คน กำลังออนไลน์