มุ้งน้อย จากป่าใหญ่
ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
มุ้งน้อยจากป่าใหญ่
สวัสดีครับ ผมนายสำนวน นิรัตติมานนท์ ผู้คิดค้นสื่อสิ่งประดิษฐ์ มุ้งน้อยจากป่าใหญ่เพื่อใช้ปลูกผักไร้พิษตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงแบบยั่งยืน เป็นสื่อสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์ สามารถปลูกพืชประเภทผักได้หลายชนิด โดยใช้พื้นที่จำกัด ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำ ประหยัดแรงงาน สามารถเคลื่อนย้าย ได้สะดวก สามารถปลูกพืชผักได้ดีในทุกสภาพพื้นที่แม้กระทั้งบนหลังคาตึก ข้างบ้าน พื้นซีเมนต์ หรือพื้นถนนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และที่สำคัญผักที่ปลูกได้เป็นผักไร้พิษช่วยยืดชีวิตคนให้ยืนยาวได้ อ่านบทกลอนพาเพลินก่อนนะครับ
บทกลอน มุ้งน้อยจากป่าใหญ่
จะอย่างไรชีวาต้องวายวาต ถึงพิฆาตโรคภัยไม่สูญสิ้น
ถ้าร่างกายคงอยู่ขาดวิตามิน ต้องสูญสิ้นชีวาน่าเสียดาย
ไม่กินผักปลูกเองปลอดสารพิษ พรหมลิขิตชีวิตสั้นเป็นมั่นหมาย
หากคงอยู่ชีวิตสู้ไม่สบาย โรคท้าทายกล่ำกลืนทุกคืนวัน
มาปลูกผักกินเองด้วยมุ้งน้อย สุดเลิศลอยเลียนแบบจากไพรสัณฑ์
สุขภาวะสร้างได้ทุกคืนวัน สร้างความฝันให้เป็นจริงกับทุกคน
ถ้าอยากอยู่ชีวาไม่วายวาต ผักสะอาดปลูกได้ทุกแห่งหน
บนถิ่นฐานทำกินถิ่นของตน เกิดเป็นคนควรกินผักรักษากาย
มุ้งน้อยจากป่าใหญ่ เป็นมุ้งที่ประดิษฐ์เลียนแบบระบบนิเวศน์จากธรรมชาติเพื่อใช้ปลูกผักไร้พิษ ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงแบบยั่งยืน โดยใช้แนวคิดที่ว่าเมื่อฝนตกลงมา ป่าไม้จะเก็บรักษาความชื้น รากของต้นไม้จะเก็บกักน้ำ ชะลอการไหลของน้ำแล้วค่อยๆระบายน้ำลงสู่ห้วยหนองคลองบึงทำให้ต้นไม้สามารถเจริญเติบโตอยู่ได้บนภูเขาสูงในช่วงฤดูแล้งก็ไม่เหี่ยวเฉา
จากแนวคิดตรงจุดนี้ ได้พัฒนานำมาออกแบบประดิษฐ์มุ้งน้อยจากป่าใหญ่เพื่อใช้ปลูกผักไร้พิษ โดยใช้ระบบการให้น้ำด้วยหัวสปริงเกอร์แทนฝน ใช้กาบมะพร้าวสับหยาบ แทนรากไม้ในป่า ใช้ผ้ายางสีดำปูรองรับน้ำด้านล่างของมุ้งแทนห้วยหนองคลองบึง จากผลการทดลองพบว่า มุ้งน้อยจากป่าใหญ่สามารถปลูกพืชผักได้ดีทุกชนิดทุกฤดูกาลใช้เวลาน้อย ประหยัดน้ำ ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงานและประหยัดพลังงาน ตามสภาพภูมิอากาศของท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นถั่วไร้ค้าง ผักกาดกวางตุ้ง ผักบุ้งจีน มะเขือ เป็นต้น แต่มีข้อยกเว้น ถ้าเป็นพืชผักที่มีลำต้นขนาดใหญ่ เช่น มะละกอ กล้วย ไม่สามารถปลูกในมุ้งได้
โครงสร้างของมุ้งทำจาก ท่อพีวีซีสีฟ้า หรือสีเทา ขนาด 4 หุน มีข้อต่อ ข้องอ สามทาง สี่ทาง เป็นตัวยึดโครงสร้าง วัสดุที่ใช้ประดิษฐ์มุ้งน้อยจากป่าใหญ่ 1 มุ้งจะประกอบด้วยวัสดุดังนี้
1.ข้องอ จำนวน 32 อัน
2.ข้อต่อสามทาง จำนวน 16 อัน
3.ข้อต่อสี่ทาง จำนวน 8 อัน
4. ลวดเส้นใหญ่ ยาว 2 เมตร จำนวน 4 เส้น
5.ผ้าวากสีขาวหน้ากว้าง 2 เมตร ยาว 6 เมตร จำนวน 2 ผืน เอามาเย็บร้อยให้เป็นผืนเดียวกัน
6.ผ้าวากสีฟ้า หน้ากว้าง 2 เมตร ยาว 3.50 เมตร จำนวน 1 ผืน
7.ผ้ายางสีดำ หน้ากว้าง 2 เมตร ยาว 3.50 เมตร จำนวน 1 ผืน
8.ท่อพีวีซีขนาด 4 หุน ยาว 1.50 เมตร จำนวน 16 ท่อน
9.ท่อพีวีซีขนาด 4 หุน ยาว 1 เมตร จำนวน 12 ท่อน
10.ท่อพีวีซีขนาด 4 หุน ยาว 10 เซนติเมตร จำนวน 16 ท่อน
11.หัวสปริงเกอร์ชนิดหัวหมุนน้ำฝอย จำนวน 2 หัว
นำมาประดิษฐ์มุ้งน้อยจากป่าใหญ่ได้ 1 หลัง สามารถบรรจุถุงพลาสติกดินผสมสูตรใหม่ขนาดกลางได้จำนวน 5 แถว จำนวน 50ถุงได้พอดีมีทางเดินตรงกลาง และใช้งานในการปลูกพืชผัก เช่น มะเขือ แตงกวา โหระพา ผักกาดกวางตุ้ง พริก ถั่วนั่งค้างหรือถั่วไร้ค้างเป็นต้นรวมทั้งพืชป่ากินได้ ที่ลำต้นไม่สูงใหญ่จนเกินไปเช่น หัวกลัก บอนส้ม ผักกรูด บุกเตียง เป็นต้น สามารถควบคุมความชื้นและดูแลรักษาได้อย่างลงตัวพืชผักที่ปลูกเจริญเติบโตภายในมุ้งได้เป็นอย่างดี ประหยัดเวลาในการปลูก ประหยัดแรงงานในการดูแลรักษา ประหยัดน้ำ และประหยัดพลังงาน
ต้นทุนการประดิษฐ์มุ้งน้อยจากป่าใหญ่
-ถ้าใช้วัสดุใหม่อย่างดี จะตกหลังละประมาณ 1,000-1,500 บาท
-ถ้าใช้วัสดุใหม่พอใช้งานได้ จะตกหลังละประมาณ 600-1,000 บาท
-ถ้าเป็นวัสดุเก่าซื้อจากร้านขายของเก่ายกเว้นผ้าวากสีฟ้ากับสีขาวไม่มีจำหน่ายที่ร้านขายของเก่าจะตกหลังละประมาณ 400-600 บาท
อย่างหลังนี้แนะนำให้ซื้อมาประดิษฐ์เพราะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้มาก คุณภาพความคงทนแข็งแรงและเวลาในการใช้งานก็พอกับวัสดุใหม่ ต่างกันตรงที่สีสรรไม่สวยงามเท่านั้น
จากการประดิษฐ์และนำมุ้งน้อยจากใหญ่ไปใช้ทดลองปลูกพืชผักที่บ้าน 3/4 หมู่ที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านราชกรูด หมู่ที่ 3 และที่ชุมชน ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง จำนวนทั้งหมด 22 หลังเป็นเวลาจำนวน 3 ปีแล้วได้รับคำยืนยันกลับมาว่ามุ้งน้อยจากป่าใหญ่ยังสามารถปลูกพืชผักไร้พิษได้เป็นอย่างดี ตัวโครงสร้างของมุ้งยังมีความคงทนถาวรและความแข็งแรงเหมือนเดิมโดยไม่ต้องซ่อมแซมหรือปรับเปลี่ยนส่วนไหนแต่อย่างใด
มุ้งน้อยจากป่าใหญ่ สามารถถอดเก็บ เมื่อไม่ต้องการใช้งานและนำมาประกอบใหม่ได้เมื่อต้องการใช้งาน วัสดุที่นำมาประดิษฐ์ก็ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ผลผลิตพืชผักที่ปลูกได้จะไม่มีสารที่เป็นพิษต่อร่างกายเพราะไม่ต้องใช้สารเคมี ในการกำจัดโรคและแมลง จึงเรียกพืชผักที่ปลูกโดยใช้มุ้งน้อยจากป่าใหญ่ ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพและดินผสมสูตรใหม่ว่า "ผักไร้พิษ" ซึ่งก็หมายถึง ผักที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษในการกำจัดโรคและแมลงนั่นเอง(ยกเว้นสารพิษที่พืชผักแต่ละชนิดสร้างขึ้นมาต่อต้านการทำลายของโรคและแมลงตามธรรมชาติ)
http://www.youtube.com/watch?v=MPbOyKG9G0k (คลิกดูการประดิษฐ์มุ้งน้อยจากป่าใหญ่ได้ที่นี่)
การนำมุ้งน้อยจากป่าใหญ่ไปใช้ปลูกผักไร้พิษ ต้องใช้ควบคู่กับ ดินผสมสูตรใหม่ และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษในการกำจัดโรคและแมลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีวิธีการดังนี้
1.การทำดินผสมสูตรใหม่ ใช้ส่วนผสมดังนี้
1.1 หน้าดินทั่วไป 1 ส่วน
1.2 กาบมะพร้าวสับหยาบ 1 ส่วน
1.3 ปุ๋ยหมักชีวภาพ 1 ส่วน
1.4 มูลสัตว์ 1 ส่วน
วิธีการทำ นำส่วนผสมทั้ง 4 ชนิด มากองรวมกันคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วบรรจุลงภาชนะที่ต้องการเช่น ถุงพลาสติกสีดำที่ใช้เพาะชำต้นไม้ หรือกระถางดินเผา หรือกระถางพลาสติกสีดำ เป็นต้น ก็สามารถนำไปใช้ปลูกผักไร้พิษด้วยมุ้งน้อยจากป่าใหญ่ พืชผักที่ปลูกจะเจริญเติบโตรวดเร็วมาก สามารถย่นระยะเวลาในการปลูกได้ผลเป็นอย่างดี
http://www.youtube.com/watch?v=VwDxtmnrYaw (คลิกดูการทำดินผสมสูตรใหม่ได้ที่นี่)
2.การทำปุ๋ยชีวภาพ ประกอบด้วย
2.1 ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งทำมาจาก เศษอาหารจากครัวเรือน เช่น เศษผัก เศษผลไม้ เศษอาหารต่างๆโดยมีวิธีการทำดังนี้
-เศษอาหารจากครัวเรือน จำนวน 3 กิโลกรัม
-กากน้ำตาลหรือน้ำตาลทราย จำนวน 1 กิโลกรัม
-หัวเชื้อจุลินทรีย์ จำนวน 2 ฝา
-น้ำสะอาด จำนวน 5 กิโลกรัม
วิธีการทำ นำเศษอาหารมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆชั่งน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม คลุกเคล้ากับกากน้ำตาลหรือน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม ผสมด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์ 2 ฝา บรจุใส่กระสอบขนาดเล็กแล้วนำใส่ถังพลาสติก มีฝาปิด ใส่น้ำสะอาด 5 ลิตร หมักทิ้งไว้ ประมาณ 15 วัน ก็สามารถตักน้ำปุ๋ยหมักออกมาใช้รดพืชผักที่ปลูกได้แต่ก่อนที่จะนำน้ำปุ๋ยหมักซีวภาพไปใช้รดพืชผักที่ปลูกต้องผสมน้ำสะอาดอีกครั้งในอัตราส่วน 1: 10 ส่วนในถังหมักก็เติมเศษอาหาร เติม น้ำ ลงไปในภาชนะถังหมักได้เรื่อยๆไม่กำจัดจำนวน และทยอยตักปุ๋ยน้ำหมักออกมาใช้อย่างต่อเนื่องตามขั้นตอนการใช้ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
2.2.ปุ๋ยหมักชีวภาพ ซึ่งทำมาจาก ขยะที่ย่อยสลายได้ เศษวัสพืชจากไร่นาสวน มูลสัตว์ และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
วิธีการทำ นำขยะที่ย่อยสลายได้ เศษวัสพืชจากไร่นาสวนมาวางกองแล้วโรยด้วยมูลสัตว์ทำเป็นชั้นๆประมาณ 3-4 ชั้น ราดด้วยปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 เดือน ก็จะย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ ที่ไม่มีสารพิษเจือปน สามารถนำไปใส่พืชผักที่ปลูก ผลผลิตพืชผักที่ได้ก็จะเป็นผักไร้พิษ เมื่อรับประทานร่างการก็จะไม่เกิดโรคภัย ชีวิตก็จะยืนยาว และประหยัดตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
http://www.youtube.com/watch?v=5V8elD77G3E (คลิกดูการทำปุ๋ยหมักชีวภาพได้ที่นี่)
3.ขั้นตอนการปลูก
3.1.นำดินผสมสูตรใหม่ บรรจุลงภาชนะปลูก แล้วนำไปวางเรียนในมุ้งน้อยจากป่าใหญ่ ให้เป็นแถว วางเรียงแบบประชิด ให้มีทางเดินตรงกลาง พอที่จะเข้าไปปฏิบัติงานได้สะดวก
3.2.ปิดประตูมุ้งโดยใช้ไม้หนีบทิ้งตากแดดไว้ 7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อที่ติดไปกับดินผสม
3.3.หลังตากแดดฆ่าเชื้อ 7 วัน ให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์พอชุ่มแล้วลงมือหยอดเมล็ดผักที่ต้องการ
4.การดูแลรักษา
4.1.ในระหว่างที่หยอดเมล็ดพันธุ์ผักไปแล้วปิดมุ้งให้สนิท ให้น้ำทุกวันๆละ 2 ครั้ง เช้าเย็น พอประมาณไม่แห้งหรือชื้นแฉะจนเกินไป
4.2.หลังจากหยอดเมล็ดแล้วถ้าไม่จำเป็นไม่ควรเข้าไปในมุ้งเพราะแมลงอาจจะตามเข้าไปขยายพันธุ์ได้
4.3.หลังจากที่ผักงอกได้ 7วัน ให้ใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพรด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะรดช่วงเช้าหรือเย็นก็ได้ อัตราส่วนผสมของปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพที่ใช้รด 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร ไม่ควรใช้มากกว่านี้เพราะจะทำให้พืชผักที่ปลูกเน่าและเสียหายได้
4.4.ถ้าเห็นวัชพืชงอกในภาชนะปลูกไม่ต้องกำจัด ค่อยกำจัดพร้อมกับการเก็บเกี่ยวผักไปบริโภคหรือจำหน่ายเพราะถ้ากำจัดในช่วงที่พืชผักกำลังเจริญเติบโตอาจทำความเสียหายแก่พืชผักที่ปลูกได้
http://www.youtube.com/watch?v=n3EXxNQ3eXE (คลิกดูการปลูกผักไร้พิษตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงได้ที่นี่)
5.การเก็บเกี่ยวผลผลิต
5.1.ถ้าเพื่อการบริโภคในครัวเรือน ผักบางชนิดไม่นิยมใช้วิธีการถอน นิยมใช้วิธีการตัดเช่น ผักบุ้ง คะน้าเป็นต้น เพราะผักพวกนี้สามารถแตกยอดอ่อนให้เรารับประทานได้หลายครั้งและเป็นการประหยัดรายจ่ายและเมล็ดในการปลูกด้วย
5.2.ถ้าเพื่อการจำหน่าย นิยมใช้วิธีการถอน
5.3.ในขณะที่เก็บเกี่ยวผลผลิตผักให้กำจัดวัชพืชที่งอกในภาชนะปลูกออกไปด้วยแล้วเติมดินผสมสูตรใหม่ในภาชนะปลูกให้พอดีพร้อมที่จะปลูกผักรุ่นต่อไปได้โดยไม่ต้องพักมุ้งและตากแดด
ข้อดีข้อเสียของการปลูกผักไร้พิษด้วยมุ้งน้อยจากป่าใหญ่ ดินผสมสูตรใหม่ และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพมีดังนี้
ข้อดี
1.ผักที่ได้เป็นผักไร้พิษไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษในการกำจัดโรคและแมลง
2.ประหยัดน้ำเวลาและแรงงานในการดูแลรักษา
3.ประหยัดเงินลงทุนเพราะลงทุนครั้งเดียวใช้งานได้ยาวนาน
4.การเจริญเติบโตของพืชเร็วกว่าการปลูกด้วยวิธีอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าปลูกผักบุ้งจีนด้วยวิธีการอื่นๆจะต้องใช้เวลาประมาณ 21-22 วัน จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้แต่ถ้าปลูกด้วยวิธีการดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะใช้เวลาประมาณ 14-15 วันเท่านั้น
5.ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
6.ปลูกได้ในทุกสถานที่ ใช้พื้นที่จำกัด
7.สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับตนเอง ครอบครัว และชุมชน
8.ผักที่ปลูกได้มีคุณภาพดี มีน้ำหนัก รสชาติดี
9.ผู้ปลูกมีสุขภาพดี มีชีวิตที่ยืนยาว เพราะได้รับประทานผักไร้พิษ
ข้อเสีย
1.การเปิดมุ้งบ่อยๆอาจทำให้แมลงเข้าไปทำลายพืชผักที่ปลูกได้
2.การให้น้ำมากเกินไปอาจทำให้พืชผักที่ปลูกเสียหายได้เพราะมุ้งมีคุณสมบัติพิเศษในการเก็บรักษาความชื้นสูง
3.การกำจัดวัชพืชในภาชนะปลูกอาจทำให้ชงักการเจริญเติบโตของพืชผักที่ปลูก
การบริโภคผักไร้พิษ ช่วยให้สุขภาพดี ยืดชีวีให้ยืนยาวทุกคนน่าจะหันมามองและให้ความสนใจในเรื่องนี้ให้มาก คนเราถ้าสุขภาพดี อะไรๆก็ดีหมดประสิทธิภาพในการทำงานก็สูงขึ้น ประหยัดรายจ่ายทุกช่องทางสร้างชีวิตให้สบายอยู่ได้ในสังคมด้วยความสงบสุข การปลูกผักไร้พิษตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงด้วยมุ้งน้อยจากป่าใหญ่ ดินผสมสูตรใหม่ และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ มิใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากจนเกินไปสามารถทำได้ทุกคนเพียงแต่ขอให้ทุกคนที่สนใจมีความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดออม และอดทนคุณภาพชีววิตของทุกคนก็จะดีขึ้นเองได้
การทดลองหาประสิทธิภาพของมุ้งน้อยจากป่าใหญ่นอกเหนือจากการปลูกผักไร้พิษ
เป็นการทดลองนำมุ้งน้อยจากป่าใหญ่ไปใช้เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ต้นพิกุลที่เพาะด้วยเมล็ดและดินผสมสูตรใหม่และปุ๋ยนำหมักชีวภาพในเรื่องของการเจริญเติบโต ที่ใช้ต้นพิกุลในการทดลองเป็นเพราะว่าต้นพิกุลเป็นพืชที่เจริญเติบโตช้า และอัตรารอดในการเพาะขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดในสภาพทั่วๆไปที่ไม่ใช้มุ้งน้อยจากป่าใหญ่อัตรารอดน้อยมาก
จากการทดลองต้นพิกุลสามารถเจริญเติบโตได้ดีและอัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็วอัตรารอดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงแม้ว่าเป็นช่วงฤดูแล้งฝนไม่ตกแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของมุ้งใกล้เคียงกับระบบนิเวศน์ของป่าใหญ่มาก
(หากท่านใดมีความสนใจที่จะศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ นายสำนวน นิรัตติมานนท์ โรงเรียนบ้านราชกรูด หมู่ที่3 ตำบลราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง 85000 หรือโทร. 0896518693 ยินดีให้คำปรึกษาและรายละเอียดเพิ่มเติมโดยไม่หวังผลตอบแทนแต่อย่างใดและถ้าหากท่านใดมีความประสงค์จะนำแบบอย่างการปลูกผักไร้พิษด้วยวิธีการนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และชุมชน ก็ยินดีมอบให้ด้วยใจ ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ขอเพียงให้คนเรามีสุขภาพดีและมีชีวิตที่ยืนยาวอยู่ในสังคมด้วยความสงบสุขก็เพียงพอกับความต้องการแล้วขอขอบคุณคุณครูพูนศักดิ์ ลักกทัตติยกุล ที่ให้โอกาสและเวลาในการนำเสนอผลงานและผู้ทีสนใจทุกๆท่านที่เข้าเยี่ยมชม ขอให้ท่านมีความสุขตลอดปีใหม่นี้ด้วยเทอญ จากใจ นายสำนวน นิรัตติมานนท์ ครู คศ.3 โรงเรียนบ้านราชกรูด)
Very good very good มีรายละเอียดครบถ้วนดีมากครับ
ไม่แน่นะ อาจมีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นชอบก็ำได้นะครับ อิ๊ๆ
ครูคร้าบ ครูสอนวิชา การงานอาชีพฯ กับ สังคมศึกษาแจ๋วมากๆ-
เลยครับ อื๊ๆ ไม่ได้โม้ (แต่ว่า อย่า โกรธ กันนะคร้าบ)
ก็ OK อยู่น่ะค่ะ มีเนื้อหาครบถ้วน สมกับเป็นคุณครูโรงเรียนบ้านราชกรูด แต่เสียอยุ่นิดเดียว คือไม่มีรูปของ ด.ญ ธันยพร พันดวง 555
ล้อเล่นสนุกๆ (แต่ถ้จะทำจริงๆก็ไม่ว่ากัน) 555+++++