ใบงานสังคม
ใบความรู้
เรื่อง การบริหารจิตและเจริญปัญญา
การบริหารจิตและเจริญปัญญา หมายถึง การควบคุมจิตให้มีสมาธิ และทำให้เกิดปัญญา
สติ หมายถึง ความระลึกได้ หรือรู้ตนเองอยู่เสมอว่า กำลังทำอะไร
สมาธิ หมายถึง การทำจิตให้ตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซาน มีจิตจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว
ประโยชน์ของการบริหารจิตและเจริญปัญญา
1. ทำให้จิตใจสงบผ่องใสไม่ขุ่นมั่วความจำดี สมองปลอดโปร่ง
2. เรียนหนังสือได้อย่างมีความสุขเข้าใจบทเรียนได้ตลอด
3. สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข
4. รู้จักไตร่ตรองหาเหตุผลให้รอบคอบก่อนที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด
5. จิตที่เป็นสุข พร้อมที่จะใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
วัฒนธรรมชาวพุทธ เป็นแบบแผนการประพฤติปฏิบัติที่ดีงาม ซึ่งแฝงวิธีการฝึกฝนคุณธรรมด้วยกิจวัตร
และกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดเป็นอุปนิสัยตลอดจนถึงวิธีการดำเนินชีวิตของพุทธศาสนิกชนมา
นานแสนนาน
โดยจัดออกเป็น ๔ หมวด คือ วัฒนธรรมการใช้และดูแลรักษาปัจจัย ๔, วัฒนธรรมการดูแลรักษา
สุขภาพ, มารยาทชาวพุทธ และศาสนพิธี จึงสะดวกต่อการนำไปเป็นแบบแผนในการปฏิบัติตัวและใช้ฝึกอบรม
ปลูกฝังคุณธรรมแก่เยาวชนและบุคคลทั่วไป เพราะเนื้อหาสาระของแต่ละหมวดจะมีหลักปฏิบัติที่ชัดเจน เข้าใจ
ง่าย เมื่อใครลงมือปฏิบัติตามแล้ว คุณธรรมพื้นฐานที่จะเกิดขึ้นทันที คือ
๑. ความรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของตนเองและส่วนรวม มีความสม่ำเสมอในการทำความดี
๒. ความกระตือรือร้นในการฝึกฝนพัฒนาตนเองให้มีทั้งความรู้ ความสามารถ และคุณธรรม
๓. ความอดทนและอดกลั้น
๔. ความมีน้ำใจต่อหมู่คณะและรู้จักสละอารมณ์ที่ขุ่นมัวออกจากใจ
คุณธรรมดังกล่าวนี้ตรงกับหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสสอนไว้ คือ ฆราวาสธรรม ๔ อันเป็น
คุณธรรมเบื้องต้นที่จะเจริญไปเป็นคุณธรรมเบื้องสูงอีกมากมาย
เป้าหมายที่สำคัญในการฝึกปฏิบัติตามวัฒนธรรมชาวพุทธ คือ ฝึกเพื่อละจากความชั่ว แล้วตั้งอยู่ในคุณ-
ธรรมความดี ยังจิตของตนให้ผ่องใสอยู่เสมอ