โรงละครแห่งชาติ
โรงละครแห่งชาติ ของประเทศไทย
ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังบวร (เดิม) เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า กรุงเทพมหานคร
ประวัติ
กรมศิลปากรได้รับโอนกิจการ โขน ละคร และดนตรี จากสำนักพระราชวัง มาดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ นายธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร เล่าว่าแต่เดิมเมื่อยังไม่มีโรงละครแห่งชาติ มีแต่โรงแสดงของกรมศิลปากร ซึ่งเป็นหอประชุมเก่าของกรมศิลปากร เป็นอาคารสร้างด้วยไม้หลังคามุงด้วยสังกะสี ตั้งอยู่ด้านขวาของพระที่นั่งศิวโมกขพิมานอันเป็นส่วนหนึ่งของหอสมุดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ได้สละทรัพย์ส่วนพระองค์ปรับปรุงหอประชุมขึ้นใหม่ เพื่อสะดวกแก่การแสดงโขนละคร ต่อมาก็ได้มีการซ่อมแซมเพิ่มเติมอีก และเปลี่ยนชื่อจาก จากหอประชุมกรมศิลปากร เป็นโรงละคอนศิลปากร และจัดการแสดงโขนละครได้แต่ในฤดูแล้ง ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม เพราะในฤดูฝนมีฝนตกลงมากระทบหลังคาสังกะสี เกิดเสียงดังกลบเสียงดนตรีและขับร้อง จึงต้องงดการแสดงในฤดูฝน และเกิดไฟไหม้ในคืนวันที่ ๙ พศจิกายน ๒๕๐๓
ทายาทวิจิตรวาทการ ได้เล่าว่า "ท่านก็ปลูกโรงไม้ไผ่เอาผ้าเต็นท์มาขึงเป็นหลังคา รวบรวมเก้าอี้เท่าที่จะหาละครของกรมศิลปากรได้ออกแสดงภายใต้หลังคาผ้าเต็นท์ และเสาไม้ไผ่ แต่เคราะห์ดีก็มีมา โดยที่ในการแสดงครั้งหนึ่ง ท่านเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ ผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในเวลานั้น ได้มานั่งดูการแสดง ท่านเจ้าคุณได้บอกให้หลวงวิจิตรวาทการตั้งงบประมาณสำหรับสร้างโรงละคร ท่านจะช่วยเหลือหาเงินให้ หลวงวิจิตรวาทการตั้งงบประมาณไปสำหรับสร้างโรงละครเป็นจำนวนเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่ได้รับอนุมัติเพียง ๖,๕๐๐ บาท สำหรับสร้างโรงละคร ไม่รู้จะสร้างอย่างไรได้ พอตั้งเสา และมุงหลังคา เงิน ๖,๕๐๐ บาท ก็หมดไป และละครเรื่อง "เลือดสุพรรณ" ได้กำเนิดขึ้นในโรงละครราคา ๖,๕๐๐ บาท นั้นนั่นเอง "เลือดสุพรรณ" ทำให้หมดทุกอย่าง ทำให้โรงละครมีฝารอบขอบชิด มีรูปร่างซึ่งเป็น "หอประชุมศิลปากร" ที่ใช้มาจน ๒๕ ปีให้หลัง การละคร และดนตรีของกรมศิลปากรตั้งตัวขึ้นได้ด้วยละครเรื่องเลือดสุพรรณ
หลวงวิจิตรวาทการ
ต่อมาในสมัยรัฐบาลของ ฯพณฯ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นนายกรัฐมนตรีทางราชการได้ตั้งคณะกรรมการสร้างโรงละครแห่งชาติขึ้น โดยมีพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ปลัดบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ โดยเห็นสมควรให้สร้างที่บริเวณหน้าโรงเรียนนาฏศิลป อันเป็นอาคารที่ทำการของ กระทรวงคมนาคม เดิม ซึ่งมอบให้กรมศิลปากร เมื่อปี ๒๔๙๗ เป็นอาคารจำนวน ๓ หลัง และกรมศิลปากรได้จัดให้อาคาร ๒ หลังด้านในเป็นอาคารเรียนของโรงเรียน ศิลปศึกษาเดิม หรือ โรงเรียนช่างศิลป และวิทยาลัยช่างศิลป ในปัจุบัน เมื่อมีการสร้างโรงละครแห่งชาติ กรมศิลปากรจึงย้ายโรงเรียนช่างศิลปไปอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโรงเรียนนาฏศิลป ในการก่อสร้างโรงละครแห่งชาติมีกรมโยธาเทศบาลในสมัยนั้นรับไปดำเนินการ และมอบให้ บริษัท วิจิตรก่อสร้าง จำกัด ผู้เสนอราคาประมูลต่ำสุด เป็นจำนวนเงิน ๑๒,๔๙๐,๐๐๐ บาท มีการทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๓ โดยฯพณฯ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้เจิมศิลาฤกษ์ และพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ประธานกรรมการเป็นผู้วางศิลาฤกษ์ เมื่อ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๐๕ จึงได้มีการแต่งตั้งจอมพล ถนอม กิตติขจร รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้นเป็นประธานกรรมการต่อมา และได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขหลายเรื่อง รวมทั้งการรื้อที่นั่งชั้นบนออกทั้งหมดแล้วก่อสร้างใหม่โดยให้ผู้ดูสามารถแลเห็นการแสดงได้ทั่วทั้งเวที และมีที่ประทับอยู่ด้านหน้า
โรงละครแห่งชาติเริ่มสร้างในปีงบประมาณ ๒๕๐๔-๒๕๐๘ ค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๖,๔๘๔,๔๖๕ บาท โดยมี นาย อิสสระ วิวัฒนานนท์ เป็นสถาปนิก , ศาสตราจารย์ ดร.รชฎ กาญจนะวณิชย์ เป็นวิศวกร ต่อมามีการดัดแปลงแก้ไข โดยมี มจ.สมัยเฉลิม กฤดากรเป็นสถาปนิกผู้แก้ไข โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก ๔๑,๐๒๑,๗๑๕ บาท
และเนื่องจากเวทีของโรงละครแห่งชาติสูงมาก เพื่อใช้ในการยกฉาก ความสูงของเวทีจากระดับพื้นดินถึงยอดอาคารสูงถึง ๓๘.๕๐ เมตร อาคารมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมพุ่งขึ้นไปในอากาศ ดูไม่สวยงาม จึงมีการสร้างอาคาร ๕ ชั้น หลังคาทรงไทยเชื่อมต่อกับส่วนเวทีของโรงละครแห่งชาติ ขึ้นทั้ง ๒ ด้าน ทั้งทางด้านขวา( ทิศตะวันออก ) และด้านซ้าย ( ทิศตะวันตก ) โดยอาคารทางด้านขวา(ด้านตะวันออก)มีห้องประชุมเล็ก ซึ่งกลายมาเป็น โรงละครเล็กในภายหลัง การก่อสร้างเพิ่มเติมนี้มี นาย อิสสระ วิวัฒนานนท์ เป็นสถาปนิก , นาย ไพรัช ชุติกุล เป็นวิศวกร บริษัท รัตภูมิ เป็นผู้ก่อสร้าง โดยมีค่าใช้จ่ายอีก ๑๐,๗๐๙,๓๕๐ บาท ในขณะที่การก่อสร้างโรงละครและการแก้ไขต่างๆดำเนินการใกล้จะเสร็จแล้วนั้น ฯพณฯ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ถึงแก่อสัญกรรม ฯพณฯ จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งจอมพล ถนอม ได้แต่งตั้ง พันเอก พระยาศรีวิศาลวาจาเป็นประธานกรรมการคนที่ ๓
เมื่อการก่อสร้างดำเนินมาได้ระยะหนึ่ง ทางคณะกรรมการก่อสร้างโรงละครได้กราบบังคมทูลพระกรุณาอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโรงละครแห่งชาติที่กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการก่อสร้างโรงละครแห่งชาติเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๐๗ และโปรดเกล้าพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยแนะนำแก้ไขเพิ่มเติมหลายประการ หลังจากนั้นโรงละครแห่งชาติแล้วเสร็จ และทำพิธีเปิดเป็นทางการได้ในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๐๘ โดยมี ฯพณฯ จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกอบพิธีเปิด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงนาฏศิลปไทยในวโรกาสพิธีเปิดโรงละครแห่งชาติ ในคืนวันที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘ ซึ่งได้มีการจัดแสดงรวม ๓ ชุด คือ ๑.รำดอกไม้เงินดอกไม้ทองถวายพระพร ๒.การแสดงละครเรื่องสังข์ศิลป์ชัย ตอนชุบสังข์ศิลป์ชัย ๓.โขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุด รามาวตาร ซึ่งนับเป็นปฐมฤกษ์ของการดำเนินกิจการโรงละครแห่งชาติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โรงละครแห่งชาติ เป็นส่วนราชการอยู่ในบังคับบัญชาของกรมศิลปากร มีฐานะเป็นนิติบุคคลซึ่งไม่เข้าลักษณะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
โรงละครแห่งชาติเป็นองค์กรของรัฐที่มีการบริหารงานแบบไม่หวังผลกำไร ดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของกลุ่มโรงละครแห่งชาติ เป็นหน่วยงานในสังกัด สำนักการสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม มี นาย ยงยุทธ ไหวพริบ เป็นหัวหน้ากลุ่ม ปัจจุบันโรงละครแห่งชาติ มีอยู่รวมทั้งหมดจำนวน ๓ แห่ง โดยอยู่ในส่วนกลาง ๑ แห่ง และอยู่ในส่วนภูมิภาค ๒ แห่ง มีฐานะเป็นฝ่าย ในสังกัดโรงละครแห่งชาติ
โรงละครแห่งชาติ
ส่วนกลาง
โรงละครแห่งชาติ (ส่วนกลาง ) ตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๒ ถ.ราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐ โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๒๒ - ๑๐๙๒,๐ - ๒๒๒๔ - ๑๓๔๒ โรงละครแห่งชาติเริ่มสร้างในปีงบประมาณ ๒๕๐๔
อาคารของโรงละครแห่งชาติ กรุงเทพฯ แบ่งเป็น ๓ ส่วน โดยปีกขวาเป็นโรงละครเล็ก ปีกซ้ายเป็นห้องทำงานฝ่ายช่าง ตรงกลางเป็นโรงละครใหญ่ ในปี ๒๕๔๙ - ๒๕๕๐ นี้ โรงละครใหญ่ปิดซ่อม จะเปิดใช้ได้ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๒
ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ สำนักการสังคีตได้จัดการแสดงที่ โรงละครแห่งชาติ ( โรงเล็ก ) และในปีพุทธศักราช ๒๕๕๑ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจะย้ายสถานที่จัดการแสดงไปยัง โรงละครศรีอยุธยา หอวชิราวุธานุสรณ์ ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นการชั่วคราว
http://hellones.exteen.com/images/theatre.jpg
http://www.rmutphysics.com/CHARUD/oldnews/143/scientist/ba8.JPG