ระบบสืบพันธุ์
การตั้งครรภ์และการคลอด
การปฏิสนธิ เป็นการผสมกันระหว่างสเปิร์มกับเซลล์ไข่ซึ่งเริ่มจากสเปิร์มสัมผัสกับชั้นที่ห่อหุมเซลล์ไข่ (jelly coat) จากนั้น
อะโครโซมจะปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยสลายชั้นนี้ จากนั้นสเปิร์มจะมาถึงชั้นวิเทลไลน์ (vitelline) ซึ่งจะมีตัวรับ (receptor) จดจำเฉพาะสปีชีส์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปฏิสนธิข้ามสายพันธุ์ กลไกนี้มีความสำคัญมากในสัตว์ที่ปฏิสนธิภายนอก เมื่อผ่านชั้นวิเทลไลน์
ไปแล้ว เยื่อหุ้มเซลล์ของไข่และสเปิร์มจะหลอมรวมกันนิวเคลียสของสเปิร์มเข้าไปในไซโทพลาสซึมของไข่ เยื่อหุ้มเซลล์ของไข่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันไม่ให้สเปิร์มตัวอื่นเข้ามาปฏิสนธิได้อีก โดยชั้นวิเทลไลน์จะแข็งตัวและแยกต่างหากออกจากเยื่อหุ้มเซลล์ไข่กลายเป็นเยื่อหุ้มหลังปฏิสนธิ (fertilization envelope) นิวเคลียสของไข่และของสเปิร์มจะรวมตัวกันกลายเป็นนิวเคลียสของไซโกตที่มีสารพันธุกรรมเป็น 2n จากนั้นเซลล์ใหม่จะถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวและเตรียมพร้อมสำหรับการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ต่อไป
การตั้งครรภ์ จะเริ่มต้นเมื่อตัวอสุจิเข้าผสมกับไข่ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณท่อนำไข่ตอนปลายใกล้กับรังไข่ โดยปกติ ไข่ 1 ใบจะถูกผสมด้วยอสุจิเพียง 1 ตัวเท่านั้น เพราะเมื่อมีตัวอสุจิตัวหนึ่งเข้าผสมแล้วเยื่อหุ้มเซลล์ของไข่จะหนาขึ้นจนทำให้อสุติตัวอื่นไม่สามารถเข้าผสมได้อีก หลังจากไข่ได้รับการผสมแล้วภายในเวลาประมาณ 10 - 12 ชั่วโมง นิวเคลียสของตัวอสุจิจะเข้าผสมกับนิวเคลียสของไข่ซึ่งเรียกว่าเกิดการปฏิสนธิ ภายหลังการปฏิสนธิประมาณ 30 - 37 ชั่วโมง ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะแบ่งเซลล์จาก 1 เซลล์เป็น 2 เซลล์ เป็น 4 เซลล์และแบ่งต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้กลุ่มเซลล์ เรียกว่า เอ็มบริโอ จากนั้นเอ็มบริโอจะเคลื่อนตัวไปฝังที่ผนังมดลูกต่อไป
การเกิดเอ็มบริโอ (อังกฤษ: Embryogenesis) เริ่มหลังจากปฏิสนธิได้ไซโกตแล้ว ไซโกตจะแบ่งตัวแบบไมโทซิสจาก 1 เป็น 2 และจาก 2 เป็น 4 ไปเรื่อยๆจนได้เป็นเอ็มบริโอที่เป็นกลุ่มของเซลล์ที่เป็นก้อน จากนั้นเอ็มบริโอจะมีการเจริญไปเป็นระยะต่างๆ
1 การเกิดเป็นบลาสตูลา เอ็มบริโอในระยะที่เป็นทรงลูกบอลทึบตันนี้จะจัดตัวเป็นบลาสตูลา (blastula) ซึ่งเป็นก้อนกลม ภายในกลวง บรรจุของเหลวต่างๆ ช่องกลวงนี้เรียกว่า บลาสโตซีล (blastoceal)
2 แกสตรูเลชั่น (gastrulation) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้เกิดการกำหนดเนื้อเยื่อสามชั้นในขั้นตอนต่อไป เนื้อเยื่อเอ็มบริโอจะเห็นเป็นสามช่องอย่างชัดเจน คือเอกโตเดิร์มอยู่นอกสุด มีโซเดิร์มอยู่ตรงกลาง และเอ็นโดเดิร์มอยู่ด้านใน
การแบ่งตัวระหว่างการเจริญของเอ็มบริโอการสร้างอวัยวะ เมื่อเกิดเนื้อเยื่อทั้งสามชั้นขึ้นแล้ว ต่อจากนี้เซลล์ในแต่ละชั้นจะแบ่งตัวต่อไปเป็นอวัยวะดังนี้ เอกโตเดิร์มไปเป็นเนื้อเยื่อบุผิว ระบบประสาท มีโซเดิร์ม ไปเป็นกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อลาย ระบบไหลเวียนเลือดและระบบสืบพันธุ์ เอ็นโดเดิร์ม ไปเป็นระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจ ตับ ตับอ่อน ต่อมไทรอยด์ ต่อมไทมัส ระบบขับถ่ายปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์
หลังจากที่เอ็มบริโอฝังตัวกับผนังมดลูกจะมีการสร้างเยื่อบางๆขึ้น เรียกว่า ถุงน้ำคร่ำ ห่อหุ้มทารก ซึ่งภายในมีของเหลวไว้ป้องกันการกระทบกระเทือน ส่วนเอ็มบริโอก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งอายุประมาณ 8 สัปดาห์ จึงมีลักษณะต่างๆเหมือนทารก จากนั้นอวัยวะต่างๆทั้งอวัยวะภายในและภายนอกจะเจริญต่อไป เพื่อให้สมบูรณ์เต็มที่และพร้อมที่จะทำงาน สำหรับทารกในครรภ์จะได้รับอาหารและแก๊สรวมทั้งการกำจัดของเสียในร่างกายโดยผ่านทางรก รกเป็นส่วนที่ติดต่อกับมดลูกของแม่เชื่อมต่อถึงตัวทารกทางสายสะดือ จะมีเส้นเลือดจากตัวแม่มาหล่อเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ดั่งนั้นการเจริญเติบโต ของทารกในครรภ์จึงขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาสุขภาพของมารดาทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ทารกจะเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์มารดาจนกระทั่งครบกำหนดคลอด โดยใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 9 เดือน หรือ 38 สัปดาห์ หรือ 280 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือน
การคลอดเมื่อครบกำหนด ฮอร์โมนจากต่อใต้สมองจะกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวเป็นระยะๆ ปากมดลูกจะค่อยๆเปิดกว้าง ถุงน้ำคร่ำจะแตก หลังคลอด 2 - 3 วัน มารดาจะมีน้ำนมเกิดขึ้น เรียกนมน้ำเหลือง มีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารสูงเหมาะสำหรับทารกเพราะมีไขมันน้อยกว่านมธรรมดา
อลังการ..อย่างแรง!