• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:392ed359137a2bc7be82135568957ef5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\"><strong>ห้ามลบ</strong> </span><span style=\"color: #0610f8\">ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.<br />\nหากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล<br />\nซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง</span> <br />\nครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล\n</p>\n<hr id=\"null\" />\n<p>\nในชีวิตประจำวันของเรานั้น มีอีกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเราเสมอ เรื่องนี้อาจจะทำให้เราเห็นข้อจำกัดที่ทำให้เราไม่มีตาที่ดีเหมือนงูหรือแมลงบางชนิด นั่นก็คือเรื่องของแสงสี\n</p>\n<p>\n<br />\nใช่แล้ว อ่านไม่ผิด &quot;แสงสี&quot; ซึ่งถ้าใครที่เรียนศิลปะมาแล้วจะคุ้นกับคำว่าแม่สีมากกว่า แต่แสงสีกับแม่สีคนละอย่างกัน<br />\nแม่สีประกอบด้วยสามสี คือ แดง น้ำเงิน และเหลือง ซึ่งจะทำให้เราผสมแม่สีเหล่านั้นแล้วกลายมาเป็นสีอื่นๆ ตามความต้องการได้ แต่แสงสีเราจับต้องไม่ได้ เราจะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อมันไปกระทบกับอะไรสักอย่างซึ่งเราจะเรียกว่าฉาก เมื่อแสงสีไปกระทบกับฉากจึงจะมองเห็นแสงสีนั้น\n</p>\n<p>\n<br />\nแม่ของแสงสีมีทั้งหมด 3 แสงสีด้วยกัน คือแสงสีแดง แสงสีน้ำเงินและแสงสีเขียว ทำไมมีแค่สามแสงสี นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองแล้วว่า แสงสีต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนั้นเกิดจากการผสมกันของแสงสีทั้งสามนี้ทั้งสิ้น แล้วแสงสีเหล่านี้มาจากที่ไหน คำตอบก็คือดวงอาทิตย์นั่นเอง เพราะดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานที่ให้ทั้งความร้อนและความสว่างแก่โลก ความสว่างนั่นเองก็คือแสง แต่ที่เรามองไม่เห็นแสงสีของอาทิตย์เพราะว่า แสงสีที่มาจากดวงอาทิตย์นั้นเป็นแสงขาว ที่เรียกแสงขาวก็เพราะแสงอาทิตย์ไปกระทบกับฉากสีขาวก็จะเป็นสีขาวนั่นเอง ขณะที่แสงสีแดงตกกระทบฉากสีขาว เราจะมองเห็นเป็นสีแดง เราก็เรียกแสงสีแดงนั่นเอง แต่ถ้าเราเอาแสงสีเขียวและแสงสีแดงปริมาณเท่าๆกันไปฉายผสมกันในจอสีขาวเราจะมองเห็นเป็นสีเหลือง หมายความว่า แสงสีเหลืองที่เราเห็นเกิดจากการรวมกันของแสงสีแดงและแสงสีเขียวในปริมาณที่เท่ากัน\n</p>\n<p>\n<br />\nเราจะเอาเรื่องนี้ไปอธิบายสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวได้ก็ต่อเมื่อเราได้รู้จักการทำงานของตัวเราเกี่ยวกับการรับความรู้สึกของการมองเห็นแสงสีต่างๆก่อน\n</p>\n<p>\n<br />\nดวงตาของเราเป็นอวัยวะที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ภายในดวงตาของเราจะมีส่วนที่รับแสงสีที่มีชื่อว่า เรตินา ส่วนเรตินานี้เองที่จะมีหน่วยรับสัมผัสเกี่ยวกับแสงสี เพราะในเรตินาจะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่รับแสงสีแดง แสงสีเขียว และแสงสีน้ำเงิน เมื่อเรามองไปยังวัตถุที่มีสีแดง แสงสีแดงจะไปกระตุ้นให้เซลล์รับรู้สีแดงในเรตินาทำงาน และส่งกระแสประสาทไปยังสมองแปลความทำให้เรารู้ว่านั่นคือสีแดง<br />\nเมื่อเรามองไปยังวัตถุที่มีสีเหลือง ทั้งแสงสีแดงและแสงสีเขียวจะไปกระตุ้นให้เซลล์ที่รับรู้แสงสีแดง และ แสงสีเขียวให้ทำงาน ทั้งสองจะส่งกระแสประสาทไปยังสมองให้เราแปลความว่าเรามองเห็นสีเหลือง แต่ถ้าไม่มีแสงสีใดไปกระตุ้นให้เซลล์รับแสงสีทำงานเลย เราจะแปลความว่าเป็นสีดำ ตรงข้ามกับสีขาวซึ่งจะเป็นการทำงานของเซลล์รับแสงสีทั้งสามให้ทำงานพร้อมกัน\n</p>\n<p>\n<br />\nคราวนี้เรามาอธิบายการมองเห็นสิ่งต่างๆ จากแสงของดวงอาทิตย์กันบ้าง ตัวอย่างเช่น ใบไม้สดที่เรามองเห็นเป็นสีเขียว ก็อธิบายได้ว่าเมื่อแสงสีที่มาจากดวงอาทิตย์ซึ่งประกอบด้วยแม่แสงสีหลักๆ สามแสงสีคือ แสงสีแดง แสงสีน้ำเงิน และแสงสีเขียว แต่ใบไม้สดมีสารที่เราเรียกว่าคลอโรฟิลล์นั้นทำหน้าที่ดูดกลืนแสงสีแดงและแสงสีน้ำเงินไว้ แต่ไม่ดูดกลืนแสงสีเขียว ทำให้แสงสีเขียวนั้นสะท้องออกจากคลอโรฟิลล์ในใบไม้ เข้าสู่ดวงตา เซลล์รับรู้แสงสีเขียวถูกกระตุ้นให้ทำงาน แปลส่งไปยังสมองบอกว่า ใบไม้มีสีเขียว อย่างนี้เป็นต้น ฉะนั้นถ้าใบไม้มีคลอโรฟิลล์น้อย เราจะมองเห็นสีเขียวน้อยลงด้วย และใบไม้แห้งไม่มีคลอโรฟิลล์ เราจะมองไม่เห็นสีเขียวในใบไม้แห้งเช่นกัน\n</p>\n<p>\n<br />\nหลักการรวมแสงสีที่เราควรรู้จักก็มีดังนี้แสงสีแดง + แสงสีเขียว = แสงสีเหลืองแสงสีแดง + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีม่วงแดงแสงสีเขียว + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีฟ้าแสงสีเขียว + แสงสีแดง + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีขาวส่วนแสงสีอื่น ๆ ที่เรามองเห็นก็จะมีสัดส่วนของแสงสีต่างๆ ที่ไม่เท่ากัน ตามแต่โทน ถ้าโทนร้อนก็หมายถึง มีส่วนผสมของแสงสีแดงมาก โทนเย็นก็มีส่วนผสมของแสงสีน้ำเงินมากนั่นเอง<br />\nหลักการผสมของแสงสีเหล่านี้ ได้นำไปใช้ในการผลิตโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ มือถือ เครื่องฉายดิจิตอลทั้งหลาย และอื่นๆ ที่อาศัยการมองเห็นภาพ\n</p>\n<p>\n<br />\nสัตว์อื่นๆ เช่น งู จะมองเห็นสิ่งอื่นๆด้วยเช่น รังสีอินฟราเรด หรือรังสีความร้อน คนเรามองเห็นแค่รังสีของแสงเท่านั้น รังสีที่ต่ำกว่านี้(รังสีอินฟราเรด) หรือรังสีที่สูงกว่านี้(รังสียูวี) คนเราไม่สามารถรับสัมผัสได้ก็เลยมองไม่เห็นแต่สัตว์มีอวัยวะพิเศษในการรับสัมผัสรังสีที่ว่านี้ทำให้มันมีความพิเศษ งูจะมองเห็นสิ่งมีชีวิตในเวลากลางคืน เพราะสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีรังสีอินฟราเรดแผ่ออกจากร่างกายเสมอ ส่วนแมลงจะมองเห็นรังสียูวี จากใบไม้ ทำให้แมลงรับรู้ได้ว่าใบไม้ไหนที่อ่อนหรือแก่ โดยที่มันไม่ต้องเรียนรู้ แต่ได้จากการรับสัมผัสนั่นเอง<br />\nเมื่อคนเรารู้ดังนี้จึงได้ทำสิ่งประดิษฐ์เลียนแบบสายตางูหรือแมลง เช่น กล้องอินฟราเรดที่ใช้มากในกองทหารที่ต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของศัตรู หรือจะเป็นเครื่องฉายแสงยูวี ที่สามารถตรวจสอบธนบัตรปลอม เป็นต้น\n</p>\n', created = 1715511982, expire = 1715598382, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:392ed359137a2bc7be82135568957ef5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

แสงสีกับชีวิตประจำวัน

ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง

ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล


ในชีวิตประจำวันของเรานั้น มีอีกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเราเสมอ เรื่องนี้อาจจะทำให้เราเห็นข้อจำกัดที่ทำให้เราไม่มีตาที่ดีเหมือนงูหรือแมลงบางชนิด นั่นก็คือเรื่องของแสงสี


ใช่แล้ว อ่านไม่ผิด "แสงสี" ซึ่งถ้าใครที่เรียนศิลปะมาแล้วจะคุ้นกับคำว่าแม่สีมากกว่า แต่แสงสีกับแม่สีคนละอย่างกัน
แม่สีประกอบด้วยสามสี คือ แดง น้ำเงิน และเหลือง ซึ่งจะทำให้เราผสมแม่สีเหล่านั้นแล้วกลายมาเป็นสีอื่นๆ ตามความต้องการได้ แต่แสงสีเราจับต้องไม่ได้ เราจะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อมันไปกระทบกับอะไรสักอย่างซึ่งเราจะเรียกว่าฉาก เมื่อแสงสีไปกระทบกับฉากจึงจะมองเห็นแสงสีนั้น


แม่ของแสงสีมีทั้งหมด 3 แสงสีด้วยกัน คือแสงสีแดง แสงสีน้ำเงินและแสงสีเขียว ทำไมมีแค่สามแสงสี นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองแล้วว่า แสงสีต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนั้นเกิดจากการผสมกันของแสงสีทั้งสามนี้ทั้งสิ้น แล้วแสงสีเหล่านี้มาจากที่ไหน คำตอบก็คือดวงอาทิตย์นั่นเอง เพราะดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานที่ให้ทั้งความร้อนและความสว่างแก่โลก ความสว่างนั่นเองก็คือแสง แต่ที่เรามองไม่เห็นแสงสีของอาทิตย์เพราะว่า แสงสีที่มาจากดวงอาทิตย์นั้นเป็นแสงขาว ที่เรียกแสงขาวก็เพราะแสงอาทิตย์ไปกระทบกับฉากสีขาวก็จะเป็นสีขาวนั่นเอง ขณะที่แสงสีแดงตกกระทบฉากสีขาว เราจะมองเห็นเป็นสีแดง เราก็เรียกแสงสีแดงนั่นเอง แต่ถ้าเราเอาแสงสีเขียวและแสงสีแดงปริมาณเท่าๆกันไปฉายผสมกันในจอสีขาวเราจะมองเห็นเป็นสีเหลือง หมายความว่า แสงสีเหลืองที่เราเห็นเกิดจากการรวมกันของแสงสีแดงและแสงสีเขียวในปริมาณที่เท่ากัน


เราจะเอาเรื่องนี้ไปอธิบายสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวได้ก็ต่อเมื่อเราได้รู้จักการทำงานของตัวเราเกี่ยวกับการรับความรู้สึกของการมองเห็นแสงสีต่างๆก่อน


ดวงตาของเราเป็นอวัยวะที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ภายในดวงตาของเราจะมีส่วนที่รับแสงสีที่มีชื่อว่า เรตินา ส่วนเรตินานี้เองที่จะมีหน่วยรับสัมผัสเกี่ยวกับแสงสี เพราะในเรตินาจะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่รับแสงสีแดง แสงสีเขียว และแสงสีน้ำเงิน เมื่อเรามองไปยังวัตถุที่มีสีแดง แสงสีแดงจะไปกระตุ้นให้เซลล์รับรู้สีแดงในเรตินาทำงาน และส่งกระแสประสาทไปยังสมองแปลความทำให้เรารู้ว่านั่นคือสีแดง
เมื่อเรามองไปยังวัตถุที่มีสีเหลือง ทั้งแสงสีแดงและแสงสีเขียวจะไปกระตุ้นให้เซลล์ที่รับรู้แสงสีแดง และ แสงสีเขียวให้ทำงาน ทั้งสองจะส่งกระแสประสาทไปยังสมองให้เราแปลความว่าเรามองเห็นสีเหลือง แต่ถ้าไม่มีแสงสีใดไปกระตุ้นให้เซลล์รับแสงสีทำงานเลย เราจะแปลความว่าเป็นสีดำ ตรงข้ามกับสีขาวซึ่งจะเป็นการทำงานของเซลล์รับแสงสีทั้งสามให้ทำงานพร้อมกัน


คราวนี้เรามาอธิบายการมองเห็นสิ่งต่างๆ จากแสงของดวงอาทิตย์กันบ้าง ตัวอย่างเช่น ใบไม้สดที่เรามองเห็นเป็นสีเขียว ก็อธิบายได้ว่าเมื่อแสงสีที่มาจากดวงอาทิตย์ซึ่งประกอบด้วยแม่แสงสีหลักๆ สามแสงสีคือ แสงสีแดง แสงสีน้ำเงิน และแสงสีเขียว แต่ใบไม้สดมีสารที่เราเรียกว่าคลอโรฟิลล์นั้นทำหน้าที่ดูดกลืนแสงสีแดงและแสงสีน้ำเงินไว้ แต่ไม่ดูดกลืนแสงสีเขียว ทำให้แสงสีเขียวนั้นสะท้องออกจากคลอโรฟิลล์ในใบไม้ เข้าสู่ดวงตา เซลล์รับรู้แสงสีเขียวถูกกระตุ้นให้ทำงาน แปลส่งไปยังสมองบอกว่า ใบไม้มีสีเขียว อย่างนี้เป็นต้น ฉะนั้นถ้าใบไม้มีคลอโรฟิลล์น้อย เราจะมองเห็นสีเขียวน้อยลงด้วย และใบไม้แห้งไม่มีคลอโรฟิลล์ เราจะมองไม่เห็นสีเขียวในใบไม้แห้งเช่นกัน


หลักการรวมแสงสีที่เราควรรู้จักก็มีดังนี้แสงสีแดง + แสงสีเขียว = แสงสีเหลืองแสงสีแดง + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีม่วงแดงแสงสีเขียว + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีฟ้าแสงสีเขียว + แสงสีแดง + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีขาวส่วนแสงสีอื่น ๆ ที่เรามองเห็นก็จะมีสัดส่วนของแสงสีต่างๆ ที่ไม่เท่ากัน ตามแต่โทน ถ้าโทนร้อนก็หมายถึง มีส่วนผสมของแสงสีแดงมาก โทนเย็นก็มีส่วนผสมของแสงสีน้ำเงินมากนั่นเอง
หลักการผสมของแสงสีเหล่านี้ ได้นำไปใช้ในการผลิตโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ มือถือ เครื่องฉายดิจิตอลทั้งหลาย และอื่นๆ ที่อาศัยการมองเห็นภาพ


สัตว์อื่นๆ เช่น งู จะมองเห็นสิ่งอื่นๆด้วยเช่น รังสีอินฟราเรด หรือรังสีความร้อน คนเรามองเห็นแค่รังสีของแสงเท่านั้น รังสีที่ต่ำกว่านี้(รังสีอินฟราเรด) หรือรังสีที่สูงกว่านี้(รังสียูวี) คนเราไม่สามารถรับสัมผัสได้ก็เลยมองไม่เห็นแต่สัตว์มีอวัยวะพิเศษในการรับสัมผัสรังสีที่ว่านี้ทำให้มันมีความพิเศษ งูจะมองเห็นสิ่งมีชีวิตในเวลากลางคืน เพราะสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีรังสีอินฟราเรดแผ่ออกจากร่างกายเสมอ ส่วนแมลงจะมองเห็นรังสียูวี จากใบไม้ ทำให้แมลงรับรู้ได้ว่าใบไม้ไหนที่อ่อนหรือแก่ โดยที่มันไม่ต้องเรียนรู้ แต่ได้จากการรับสัมผัสนั่นเอง
เมื่อคนเรารู้ดังนี้จึงได้ทำสิ่งประดิษฐ์เลียนแบบสายตางูหรือแมลง เช่น กล้องอินฟราเรดที่ใช้มากในกองทหารที่ต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของศัตรู หรือจะเป็นเครื่องฉายแสงยูวี ที่สามารถตรวจสอบธนบัตรปลอม เป็นต้น

สร้างโดย: 
hbman

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 303 คน กำลังออนไลน์