"การอ่าน"
สภากาแฟ ต้นแบบการจัดการแบบ KM
1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์ สัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม
2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม
ลองหันกลับไปมองภาพในอดีตกันอีกสักครั้ง ทุกๆ เช้าตามร้านกาแฟ อาแป๊ะๆๆ กาแฟ ๑ แก้ว ร่ายๆๆๆ อาแป๊ะๆๆ เอ็มร้อย ๑ ขวด ร่ายๆๆ
อาแป๊ะ : ครู คุณครูภา เมื่อวานดูโทรทัศน์แล้วเขาพูดถึงสภาพปัญหาการอ่านของเด็ก มันเกิดปัญหาหรือเป็นยังไงล่ะครู
ครูภา : ก็เดี๋ยวนี้เด็กมันอ่านหนังสือไม่ค่อยแข็งแรง อ่านไม่ชัดเจน
พี่แย้ม : เอ้า! แล้วแบบนี้ครูจะแก้กันยังไง
ครูภา : ทุกๆ โรงเรียนก็กำลังดำเนินแก้ไขปัญหากันอยู่
ครูใหญ่บำนาญ : เอ้าแบบนี้เดี๋ยวเรามาเสนอความคิดพร้อมๆ กัน ส่วนผมมีแบบเรียนเก่าๆ ที่ใช้สอนตั้งแต่คนสมัยเก่าให้อ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี ผมยังใช้ฝึกหลานอยู่ทุกวันนี้ ลองเอาไปใช้ดู
ผู้ใหญ่ลี : ผมก็มีหนังสือวารสารเก่าๆ ที่ยังมีสภาพดีไปให้เด็กอ่านเล่นดูซิ
ลุงเชิด : มาเอาหนังสือพิมพ์ของผมที่อ่านไปแล้วให้เด็กๆ อ่านเล่นกัน
ป้าแช่ม : ฉันมีแผ่นเพลงคาราโอเกะ ที่มีตัวหนังสือขึ้นบนหน้าจอภาพ เอาไปฝึกเด็กๆ อ่านตามได้
พี่แย้ม : เอ้อ...เหมือนลูกสาวพี่ก็มีแบบฝึกคัดไทย อ่านไทย ลองเอาไปถ่ายเอกสารแจกเด็กๆ ดู
อาแป๊ะ : ฮ่าๆๆๆ ของอั๊วก็มี ป้ายโฆษณาที่ปิดตามข้างร้าน ครูมาแกะเอาไปเลย ให้เด็กๆ อ่าน
ครูภา : ขอสรุปแบบนี้ก็แล้วกันนะว่า ขอหมดเลยที่เสนอมาก็แล้วกัน เพื่อให้เด็กได้ฝึกอ่านคำแบบคนสมัยเก่า ฝึกคัดไทย อ่านไทย รู้จักการอ่านหนังสือพิมพ์ วารสาร อ่านป้ายโฆษณาตามสถานที่ต่างๆ มีการพักผ่อนด้วยการฝึกร้องเพลงจากคาราโอเกะ ครบตามที่เสนอมาหรือเปล่า ต้องขอบอกนะว่าวันนี้สภากาแฟมีประโยชน์มากหลาย
นี่คือการเสนอแนวคิดจากสภากาแฟเพียงเรื่องเดียว เราลองมองดูว่าทุกๆวัน จะมีการเสนอสักกี่เรื่องและมีความหลากหลายเพียงใด และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้เป็นอย่างดีจริงๆ ลองมาทำกลุ่มตามแนวทางสภากาแฟ ร่วมเสนอแนวความคิดกัน แล้วนำข้อเสนอของทุกๆ คนมาหลอมรวมกัน สร้างเป็นแนวทางการจัดการเชิงบูรณาการ...และจะเกิดความสมานฉันท์ในหมู่คณะ เพราะเป็นการยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และได้นำความคิดของแต่ละคนไปใช้ประโยชน์ได้...
************************
|
กรณีศึกษา "การอ่าน" ห้างสรรพสินค้าที่มุ่งสร้างเน้นจุดขายที่สามารถดึงดูดคนทุกคนให้เกิดความสนใจ และอยากให้คนที่พบเห็นได้เกิดความอยากลองเข้าไปเยี่ยมชม ทุกท่านลองนึกมโนภาพดูรอบๆ ห้างสรรพสินค้าที่ท่านเคยไปสัมผัสมาแล้ว เด็กหญิงณัชญา คุณครูคะหนูได้ไปดูตรงมุมขนม พอหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าข้างถุงขนมบอกส่วนผสม มี ตรา อย. วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ แสดงว่าปลอดภัยใช่ไหมคะ เหมือนที่เราได้เรียนไปเลยค่ะ เด็กชายบัณฑิต คุณครูครับ ผมเห็นคนเขาเข้าแถวที่ตู้พร้อมถือบัตรการ์ดสี่เหลี่ยมเล็ก และได้เสียบ บัตรการ์ดเข้าตู้ สักครู่ก็มีเงินสดออกมา อย่างนี้เรียกว่า ตู้และบัตร ATM ที่ฝากเงิน ไว้กับธนาคารที่สามารถเบิกเงินในเวลาฉุกเฉินผ่านบัตร ATM ได้ ใช่ไหมครับ เด็กชายสมชาย คุณครูครับ ผมได้เห็นจอคอมพิวเตอร์ รุ่นใหม่ที่แบนเรียบแบบพลาสม่า เล็กกะทัดรัด แต่เสียดายที่โรงเรียนของเรามีงบประมาณไม่พอ มิฉะนั้นนะ จะให้คุณครูซื้อมาให้รุ่นน้องๆได้ดูซะหน่อย เอาไว้รอผมเป็นดอกเตอร์ก่อนแล้วจะเอผ้าป่ามาฝากโรงเรียน เด็กหญิงวิลาวรรณ คุณครูคะ หนูพบกับอาของบัณฑิตด้วยค่ะ คุณอาก็คือน้องของพ่อบัณฑิตใช่ไหมคะ เด็กหญิงนลินี คุณครูคะ หนูเดินไปทางแผนกอาหารสด พบว่าทุกจุดมีการปิดถุงคุมป้องกันแมลง อย่างมิดชิดไม่มีแมลงสักตัว เด็กชายวสันต์ คุณครูครับ ผมเดินไปทางห้องน้ำมีป้ายวงกลมเขียนว่า NO SMOKE ขีดเส้นสีแดงทับ ข้อความแสดงว่า “ห้ามสูบบุหรี่” บริเวณนี้ใช่ไหมครับ เด็กหญิงณัฐพร คุณครูคะ หนูเดินไปที่ร้านหนังสือ พบหนังสือวารสารฉบับหนึ่งพิมพ์คำว่า ประจำวันที่ ๑๒ -๑๘ ต.ค. ๕๑ แสดงว่าเป็นหนังสือวารสารประเภทรายปักษ์ใช่ไหมคะ
คุณครูพรพรรณ เก่งมาก พอก่อนที่ทุกคนตอบมาถูกทั้งหมด เวลาที่ทุกคนไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า ไปซื้อของตลาดเช้ากับคุณพ่อคุณแม่ หรือซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ควรได้เรียนรู้การใช้ชีวิต นำหลักการที่ได้จากการเรียนไปใช้ศึกษาไปพร้อมๆ กัน |
|