ดอกแก้ว

ชื่อสามัญ     Orang jessamine
ชื่อวิทยาศาสตร์  
Muraya paniculata.
การเป็นมงคล    

คนไทยโบราณเชื่ว่า
บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้คนในบ้านมีความดี มีคุณค่าสูง เพราะคำว่า
แก้ว นั้นหมายถึง
 
สิงที่ดีมีค่าสูงเป็นที่นับถือบูชาของบุคคลทั่วไปซึ่งโบราณได้เปรีบเทียบของที่มีค่าสูงนี้เสมือนดั่งดวงแก้วนอกจากนี้คนโบราณยัง
มีความเชื่ออีกว่า
บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใยบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน
เพราะแก้วคือความใสสะ

อาดความสดใสนอกจากนี้ดอกแก้วยังมีสีขาวสะอาดสดใสมีกลิ่นหอมนวลไปไกลและยังนำดอกแก้วไปใช้ในพิธีบูชาพระในพิธี 
ทางศาสนาได้เป็นสิริมงคลยิ่งอีกด้ว

 

ลักษณะทั่วไป     

แก้วเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางลำต้นมีความสูงประมาณ5-10 เมตรเปลือกลำต้นสีขาวปนเทาลำต้นแตกเป็น
สะเก็ดเป็นร่องตามยาวการแตกกิ่งก้านของทรงพุ่มไม่ค่อยเป็นระเบียบใบออกเป็นช่อเป็นแผงออกใบเรียงสลับกันช่อหนึ่งประ
กอบด้วยใบย่อยประมาณ 4-8 ใบใบเป็นมันสีเขียวเข้มขยี้ดูจะมีกลิ่นฉุนแรงขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อยขนาดของใบกว้าง
ประมาณ 2 - 4
เซนติเมตร ยาวประมาณ3-6 เซนติเมตรออกดอกเป็นช่อใหญ่ช่อสั้นออกตามปลายกิ่งหรือยอดช่อหนึ่งมีดอกประ

มาณ 5 - 10 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม
ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ
2 - 3 เซนติเมตร ผลรูปไข่ รี

ปลายทู่ มีสีส้ม ภายในมีเมล็ด 1 - 2 เมล็

 

ตำแหน่งที่ปลูกและปลูกเพื่อ 

 เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย
ควรปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ
เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพธ

 

การปลูกแบ่งเป็น 2 วิธี
1. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน
คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก
 

    30 x 30 เซนติเมตร
ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา
1 : 2 ผสมดินปลูก
การปลูกแบบนี้สามารถปลูกเป็นกลุ่ม
 

     หรือเป็นแถวก็ได้และสามารถตัดแต่งบังคับทรงพุ่มได้ตามความต้องการของผู้ปลูก
2. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคาร
ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด
12 - 16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก
หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน

     อัตรา 1
: 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถาง 1 - 2 ปี/
ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของการเจริญเติบโตของทรงพุ่ม
 

     เพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป

การดูแลรักษา

แสง                         ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ                            ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน / ครั้ง
ดิน                       
ดินร่วนซุย ดินร่วนทราย

ปุ๋ย                         ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1 - 2 กิโลกรัม/ต้น
ใส่ปีละ
4 - 6 ครั้งหรือใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15-15-   15 อัตรา 200- 300 กรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง

การขยายพันธ์          โดยการเพาะเมล็ดและการตอน 

โรคและแมลง           ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลง
เพราะเป็นไม้ที่มึความทนทานต่อสภาพธรรมชาติพอสมควร
 
 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 1105 คน กำลังออนไลน์