ดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ที่ศูนย์กลางของระบบสุริยะซึ่งถือกำเนิดขึ้นมากว่า 4.6 พันล้านปี ดวงอาทิตย์มีมวลมากกว่ามวลรวมของดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะ
ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในดาราจักรทางช้าง
ดวงอาทิตย์อยู่ในดาราจักรทางช้างเผือกโดยห่างจากศูนย์กลางดาราจักรทางช้างเผือกประมาณ 24000-26000 ปีแสง การโคจรรอบดาราจักร 1 รอบใช้เวลา 225-250 ล้านปี ด้วยความเร็วเฉลี่ยในการโคจร 251 กิโลเมตรต่อวินาที ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับดาวฤกษ์อื่นๆ บนฟ้า แต่เนื่องจากดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด เราจึงสังเกตเห็นดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่
ขนาดของดวงอาทิตย์เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์อื่นๆ ในระบบสุริยะ
ขนาดของดวงอาทิตย์เมื่อเทียบกับดาวฤกษ์อื่นๆ
โครงสร้างของดวงอาทิตย์
องค์ประกอบทั้งหมดของดวงอาทิตย์นั้นประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 71 เปอร์เซนต์(โดยน้ำหนัก) และ ฮีเลียม 27 เปอร์เซนต์ ดวงอาทิตย์มีโครงสร้างภายในที่แบ่งออกได้เป็น 3 ชั้น โดยแต่ละชั้นนั้นอาจมีขอบเขตการแบ่งจากกันได้ไม่ชัดเจนนัก แกนกลางของดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้านองศาเซลเซียสจะเป็นชั้นที่เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันโดยเปลี่ยนอะตอมของไฮโดรเจนไปเป็นฮีเลียมด้วยอัตรา 4.4 ล้านตันต่อวินาที ซึ่งปฏิกิริยานิวเคลียร์ดังกล่าวจะปลดปล่อยพลังงานปริมาณมหาศาลในรูปของโฟตอนที่แผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาจากแกนกลางผ่านชั้นถัดมาของดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าเล็กน้อยคือชั้นเขตแผ่รังสีความร้อน
เขตแผ่รังสีความร้อน (radiative zone) จะมีอุณหภุมิประมาณ 5 ล้านองศาเซลเซียส โดยพลังงานจากแกนกลางของดวงอาทิตย์จะใช้เวลากว่า 1 ล้านปีในการเดินทางผ่านเขตแผ่รังสีความร้อนนี้ออกมายังส่วนนอกสุดของดวงอาทิตย์ ส่วนโครงสร้างชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์คือ เขตพาความร้อน (convective zone) ซึ่งชั้นนี้จะเริ่มตั้งแต่พื้นผิวที่มองเห็นของดวงอาทิตย์ลงไปจนความลึก 200000 กิโลเมตร พลังงานจะส่งผ่านชั้นนี้ออกไปยังพื้นผิวของดวงอาทิตย์โดยการพาความร้อน
ชั้นบรรยากาศ
พื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่ปรากฏให้เราเห็นเรียกว่าชั้นโฟโตสเฟียร์ (photosphere) เป็นชั้นที่แสงสว่างถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์สู่อวกาศ ชั้นโฟโตสเฟียร์นี้อาจมีความหนาเป็นสิบถึงหลายร้อยกิโลเมตร โดยส่วนบนสุดจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าส่วนที่อยู่ลึกลงไปทำให้เมื่อเราถ่ายภาพดวงอาทิตย์จะเห็นบริเวณขอบของดวงอาทิตย์มีความสว่างน้อยกว่าส่วนที่อยู่บริเวณตรงกลาง บริเวณบางส่วนของชั้นโฟโตสเฟียร์นั้นอาจมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าบริเวณรอบข้างซึ่งทำให้ปรากฏเป็นจุดดำบนดวงอาทิตย์ (sunspots) โดยจุดดำบนดวงอาทิตย์เหล่านี้ไม่ใช่ลักษณะที่มีอยู่อย่างถาวรมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาดได้ สามารถเกิดขึ้นและสลายตัวได้ตลอดเวลา จุดเหล่านี้อาจจะมองเห็นเป็นจุดดำแต่แท้ที่จริงแล้วบริเวณเหล่านี้มันมีอุณหภูมิสูงถึง 4300-4800 องศาเซลเซียส (ซึ่งเย็นกว่าบริเวณอื่นๆ ที่มีอุณหภูมิประมาณ 5500 องศาเซลเซียส)
ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์อยู่ถัดจากชั้นโฟโตสเฟียร์ขึ้นไปคือชั้นโครโมสเฟียร์ (chromosphere) เป็นชั้นที่มีความหนา 2000 กิโลเมตร ที่บริเวณบนสุดของชั้นนี้จะมีอุณหภูมิประมาณ 20000 องศาเซลเซียส เหนือขึ้นไปจากชั้นโครโมสเฟียร์จะเป็นเขตเปลี่ยนผ่าน (transition region) ซึ่งเป็นชั้นบางๆ มีความหนาประมาณ 200 กิโลเมตร ชั้นนี้จะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากชั้นบนสุดของชั้นโครโมสเฟียร์ที่มีอุณหภูมิประมาณ 20000 องศาเซลเซียสไปเป็นอุณหภูมิกว่า 1 ล้านองศาเซลเซียสที่บริเวณบนสุดของชั้นนี้ซึ่งเชื่อมต่อกับชั้นโคโรนา (corona) ของดวงอาทิตย์
ในระหว่างการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเราสามารถเห็นโคโรนาได้ด้วยตาเปล่า
ชั้นโคโรนาเป็นชั้นบรรยากาศนอกสุดของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีปริมาตรมากกว่าปริมาตรของดวงอาทิตย์เสียอีก โคโรนาจะขยายไปในอวกาศในรูปแบบของลมสุริยะ (solar wind) ซึ่งเป็นอนุภาคความเร็วสูงที่ถูกปล่อยมาจากดวงอาทิตย์ทุกทิศทุกทางตลอดเวลา อุณหภูมิเฉลี่ยของโคโรนาและลมสุริยะคือประมาณ 1-2 ล้านองศาเซลเซียส แต่อย่างไรก็ตามส่วนที่ร้อนที่สุดอาจมีอุณหภูมิถึง 8-20 ล้านองศาเซลเซียส