การออกแบบเว็บไซต์
องค์เว็บไซต์ คืออะไร
เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น
ส่วนประกอบของเว็บไซต์
องค์ประกอบที่ควรพิจารณาในการจัดทำเว็บไซต์ มีดังนี้
1. ส่วนการออกแบบ คนส่วนใหญ่ หรือ ผู้ที่รับผิดชอบงานส่วนการทำเว็บไซต์ ส่วนใหญ่จะมาเน้นการออกแบบด้าน Graphic และ Animation มากถึงมากที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนที่มองเห็น เป็นหน้าเป็นตาก็เลยใส่ใจมากเป็นพิเศษ โดยลืมคำนึงถึงข้ออื่นถัดๆมา ขอให้สวยไว้ก่อน แต่ที่หนักที่สุดก็คือ ทำตามความชอบส่วนตัวของผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจหรือตรวจรับงาน
ต้องเข้าใจว่า เว็บไซต์เป็นเครื่องมือ เป็นสื่อ ซึ่งเป็นได้มากกว่า โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นสื่อสองทาง ถ้าเน้นส่วน Graphic Design อย่างเดียว เว็บไซต์นั้นก็จะทำหน้าที่คล้ายสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น
2. ส่วน Interactive หรือส่วน Dynamic ซึ่งก็คือ ส่วนที่ต้องมีการพัฒนาโปรแกรม เช่น ระบบสมาชิก ระบบจัดการและแสดงรายการสินค้า ระบบข่าว Web Board ฯลฯ เพื่อให้เกิดการตอบโต้กับผู้ใช้งาน หรือ เพื่อการสื่อสารกับลูกค้า เช่น การ update ข่าว สินค้าใหม่ เป็นต้น
3. รายละเอียด ข้อมูล เนื้อหา การนำเสนอ ตามประสบการณ์ของบริษัทรัชชอป จำกัด เห็นข้อนี้เป็นอุปสรรคและปัญหาต่อการพัฒนาให้เว็บไซต์ให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้ามากที่สุด เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ ขาดการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น เช่น รายละเอียด รูปภาพ ของสินค้าและบริการ ที่เป็นเอกสาร หรือสิ่งที่จำเป็นอื่นๆ เพื่อให้ง่ายสำหรับสื่อสารต่อพนักงานและลูกค้าของตนเอง คือ องค์ความรู้ส่วนใหญ่ขององค์กร ไม่ได้ถูกสรุปหรือรวบรวม เพื่อให้ง่ายต่อการนำเสนอและถ่ายทอด ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
ส่วนประกอบของเว็บเพจที่สำคัญ
1. ส่วนหัว (Page Header) น่าจะอยู่บริเวณบนสุดของหน้าเว็บเพจ เป็นส่วนที่แสดงชื่อ เว็บไซต์ โลโก้ แบนเนอร์โฆษณาลิงก์สำหรับข้ามไปยังหน้าเว็บอื่น
2. ส่วนเนื้อหา (Page Body) จะอยู่บริเวณตอนกลางของหน้าเว็บเพจ ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงเนื้อหาภายในหน้าเว็บเพจนั้น โดยประกอบด้วยข้อความ ข้อมูล ภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น
3. ส่วนท้าย (Page Footer) จะอยู่บริเวณด้านล่างสุดของหน้าเว็บเพจ ส่วนมากใช้สำหรับลิงก์ข้อความสั้น ๆ เข้าใจง่ายหรือจะมีชื่อเจ้าของเว็บไซต์ อีเมลแอดเดรสของผู้ดูแลเว็บไซต์สำหรับติดต่อกับทางเว็บไซต์
ประโยชน์ของเว็บไซต์
1. ส่งเสริมศักยภาพทางด้านธุรกิจ
การมีเว็บไซต์สามารถช่วยในการเพิ่มเสริมศักยภาพของธุรกิจของคุณ ให้แข่งแกร่งมากยิ่งขึ้นได้ เนื่องจากเป็นโลกที่เปิดกว้างทางด้านข้อมูล ทำให้สินค้าและบริการของคุณเป็นที่รู้จักในท้องตลาดมากยิ่งขึ้นไปได้
2. การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ง่ายมากยิ่งขึ้น
คุณสามารถที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตนเองและ สามารถที่จะทำให้กลุ่มลูกค้าของคุณค้นเว็บของคุณเจอผ่าน Search Engine โดยกลุ่มคำที่เจาะจงกับธุรกิจของคุณได้ เป็นการเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่กำลังสนใจกับสินค้าและบริการของคุณ ให้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ตาม
3. ช่วยให้คุณขายสินค้าได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน
เว็บไซต์เปรียบเสมอร้านค้าออนไลน์หรือสำนักงาน ที่ใครๆก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมและค้าหาข้อมูลของสินค้าได้ โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนเปิดหน้าร้านที่ต้องมีการเช่าห้องและมีค่าใช้จ่ายสูงอีกด้วย
4. ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรของคุณ
สมัยนี้บริษัทที่ไม่มีเว็บเป็นของตนเองเปรียบเสมือน บริษัทที่มันต่อโลกภายนอก การมีเว็บไซต์บริษัทสามารถแสดงให้กลุ่มลูกค้าของคุณเข้าใจถึงภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทได้ และเว็บไซต์ยังช่วยในการสร้างความรู้สึกประทับใจกับผู้เยี่ยมชมได้อีกด้วย
5. ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์
จะดีหรือไม่ถ้าคุณไม่ต้องเสียค่าโฆษณาที่แพงๆ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ โดยคุณหันมาสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเอง ลงทุนสร้างเว็บแค่ครั้งเดียวแต่ใครๆก็สามารถที่จะเข้ามาเยี่ยมชมได้โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากมาย เสียเพียงค่าบริการรายปีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
6. ช่วยให้คุณเป็นเหมือนที่ปรึกษาของลูกค้า
คุณสามารถให้คำปรึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ให้กับลูกค้าของคุณ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยอาจจะเป็นการฝากข้อความเอาไว้ก็ได้ โดยที่คุณไม่ต้องมีทีมคอยรับโทรศัพท์ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีปัญหาต่างๆ
7. สามารถอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าได้
จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว หากลูกค้าของคุณมีปัญหาหรือข้อสงสัยในสินค้าและบริการ และสามารถที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ ผ่านการอ่านบทความช่วยเหลือบนเว็บไซต์ของคุณ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจในการดูและลูกค้าให้กับกลุ่มลูกค้าของคุณมากยิ่งขึ้นด้วย
โปรแกรมสำเร็จที่ได้จากเว็บไซต์
โปรแกรมเท็กเอดิเตอร์ (Text Editor) ในการเขียนภาษา HTML
โปรแกรม Dreamweaver ที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจ
โปรแกรมแตกแต่งภาพ เช่น โปรแกรม Photoshop
โปรแกรมสร้างภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ เช่น โปรแกรม Flash
โปรแกรมสร้างเสียงเพลงต่าง ๆ เช่น โปรแกรม Sound Force
ขอบคุณแหล่งที่มา http://school.obec.go.th/kudhuachang/les07.htm
http://courseware.bodin.ac.th/computer/EnhancedLevel3/webConstruct_m3/page5_webIngredians.html