โรคร้ายที่มาพร้อมกับน้ำท่วม
![รูปภาพของ sss27990 รูปภาพของ sss27990](http://202.44.68.33/files/profilepic/picture-54130.jpg)
![](/files/u54130/42nd_20and_208th_0.jpg)
![](/files/u54130/po.gif)
![](/files/u54130/s81bf.jpg)
แม้ว่าฤดูหนาวกำลังจะย่างเข้ามาแล้ว แต่ดูท่าว่าก่อนฤดูฝนจะผ่านไป มันยังส่งท้ายฤดูฝนด้วยภาวะน้ำท่วมที่หลายพื้นที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย และการคมนาคมไปตาม ๆ กัน
แต่นอกจากเรื่องที่อยู่อาศัยและการคมนาคมที่ลำบากแล้ว สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับภาวะน้ำท่วม เห็นจะเป็นเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่มากับน้ำ ซึ่งมันส่งผลต่อสุขภาพของคนเราได้อย่างมากมาย กระปุกดอทคอมวันนี้จึงขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับโรคที่มากับน้ำท่วมมาฝากกัน เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้ระมัดระวัง และปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม 6 โรค ดังนี้
![](/files/u54130/everywhere_heart11.jpg)
![](/files/u54130/6a1ee3f23287b45L.jpg)
โรคฉี่หนู ฉี่หนูเป็นโรคระบาดในคนที่ติดต่อมาจากสัตว์ มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า เลปโตสไปรา (Leptospira sp.) ที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ ตั้งแต่หนู วัว ควาย ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวเลยทีเดียว โดยคนจะสามารถรับเชื้อฉี่หนูนี้เข้าไปทางบาดแผล หรือผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงเยื่อเมือกอย่างตาและปากอีกด้วย
อาการของโรคฉี่หนู มี 2 แบบ คือ 1.แบบไม่รุนแรง จะมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดธรรมดา ปวดหัว ตัวร้อน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้หากผู้ป่วยรู้ตัวและรีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ กับ 2.อาการรุนแรง ที่จะทำให้ตาอักเสบแดง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ และเมื่อเชื้อเข้าไปอยู่ในสมองจะทำให้เกิดอาการเพ้อ ไม่รู้สึกตัว และยิ่งไปกว่านั้นหากติดเชื้อทั่วร่างกายจะทำให้เลือดออกในร่างกายจนเสียชีวิต
การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคฉี่หนู หลีกเลี่ยงการเดินอยู่ในบริเวณน้ำท่วมขัง การเล่นน้ำ โดยเฉพาะในเด็กที่มักจะสนุกสนานไปกับการย่ำน้ำหรือเล่นน้ำในช่วงน้ำท่วม แต่หากจำเป็นต้องเดินผ่านบริเวณน้ำท่วมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ให้รีบเดิน อย่าแช่น้ำจนผิวหนังเปื่อยเพราะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และควรใส่รองเท้าบูททุกครั้งเมื่อเดินลุยน้ำ เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดบาดแผลที่เท้า และป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่บาดแผลที่เท้าหรือน่อง ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์ที่หนีน้ำกัดได้ ส่วนในผู้ที่เริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน ให้รีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน อย่ารอให้อาการหนักเพราะอาจจะรักษาไม่หายและเสียชีวิตก็เป็นได้
![](/files/u54130/20050630_00027557_102300.gif)
![](/files/u54130/everywh555ere_heart1001.jpg)
![](/files/u54130/tong_puk.jpg)
แหล่งที่มา : http://www.thaigoodview.com/files/u7325/tong_puk.jpg
อหิวาตกโรค เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio Cholerae ที่แพร่กระจายอยู่ในน้ำดื่มและอาหาร โดยมีแมลงวันเป็นพาหะนำโรค และแน่นอนว่าโรคนี้แพร่ระบาดได้โดยการกินและดื่มอาหารที่มีแมลงวันตอมและมีเชื้ออหิวาตกโรคปะปนอยู่ รวมทั้งอาหารสุข ๆ ดิบ ๆ ด้วย
อาการของโรค ผู้ป่วยจะอุจจาระเหลวเป็นน้ำวันละหลายครั้ง แต่ไม่เกินวันละ 1 ลิตร อาจมีอาการปวดท้องหรืออาเจียนได้ ซึ่งถือว่าเป็นอาการในระยะแรกสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 1-5 วัน แต่หากติดเชื้อขั้นรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเดิน อุจจาระมากและมีลักษณะอุจจาระเป็นน้ำซาวข้าว มีกลิ่นเหม็นคาว และอุจจาระได้โดยไม่ปวดท้องและไม่รู้สึกตัว สามารถหายได้ภายใน 2-6 วันหากได้รับเกลือแร่และน้ำชดเชยน้ำที่เสียไป แต่หากได้รับไม่พอดีกับที่เสียไปแล้ว ผู้ป่วยก็จะมีอาการหมดแรง หน้ามืด อาจช็อคถึงเสียชีวิตได้
การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันอหิวาตกโรค ควรรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ ๆ และดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำต้มสุก รวมถึงรักษาสุขภาพอนามัยด้วยการล้างมือ และภาชนะใส่อาหารให้สะอาดทุกครั้ง แต่ไม่ควรนำน้ำท่วมมาล้าง หรือทำความสะอาดภาชนะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นอหิวาตกโรค หรือหากติดเชื้ออหิวาแล้วก็ควรพบแพทย์และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
![](/files/u54130/xx.gif)
![](/files/u54130/everywhere_he000art1001.jpg)
![](/files/u54130/e0b984e0b882e0b989e0b984e0b897e0b89fe0b0008ade0b8a2e0b894e0b98c.jpg)
ไข้ไทฟอยด์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi ที่อยู่ในน้ำและอาหารเช่นเดียวกับอหิวาตกโรค(โดยมีแมลงวันเป็นพาหะเช่นเดียวกัน) แพร่ระบาดโดยการดื่มน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
อาการของโรค เมื่อได้รับเชื้อนี้เข้าไปจะไม่แสดงอาการทันที แต่จะแสดงอาการหลังจากรับเชื้อประมาณ 1 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัว เบื่ออาหาร มีไข้สูงมาก ท้องร่วง บางรายมีผื่นขึ้นตามตัว แน่นท้อง สามารถหายได้เองภายใน 1 เดือน แต่ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์หลังจากมีอาการแล้ว เพราะอาจจะเสียชีวิตจากภาวะปอดบวมได้
การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันไข้ไทฟอยด์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเชื้อโรคทุกชนิด และนั่นหมายถึงว่า ให้ทานอาหารที่สะอาด อยู่ในภาชนะที่สะอาด รวมถึงล้างมือให้สะอาดก่อนทานทุกครั้ง และควรจะหลีกเลี่ยงอาหารจากร้านค้าข้างถนนที่อยู่ในบริเวณที่ไม่สะอาด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรืออีกทางหนึ่งคือฉีดวัคซีนป้องกันไข้ไทฟอยด์
![](/files/u54130/20050206_004.gif)
![](/files/u54130/everywhere_heart1001.jpg)
![](/files/u54130/00000.jpg)
แหล่งที่มา : https://s-hphotos-snc4.fbcdn.net/hs137.snc4/37199_172750069403409_153027324709017_609286_5496270_n.jpg
โรคตับอักเสบ เป็นภาวะที่มีการอักเสบของเซลล์ตับ ทำให้ตับทำงานผิดปกติ จนทำให้มีอาการเจ็บป่วยได้ และไวรัสตับอักเสบที่มาจากภาวะน้ำท่วม ก็คือไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ที่มีสาเหตุมาจากการทานอาหารที่ไม่สะอาด ไม่ทำให้สุก
อาการของโรค เมื่อแสดงอาการแล้วผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำ ๆ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ปวดตัวแถวชายโครงขวา และมีปัสสาวะเป็นสีชาแก่ เริ่มมีอาการตัวเหลืองตาเหลืองในสัปดาห์แรก และจะหายเป็นปกติภายใน 2-4 สัปดาห์
การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคตับอักเสบ คือ ทานอาหารที่สุกและสะอาด ไม่ใช้แก้วน้ำและช้อนร่วมกับผู้อื่น
![](/files/u54130/bear.gif)
![](/files/u54130/everywhere_heart1001_0.jpg)
![](/files/u54130/e07.jpg)
ตาแดง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis และ Bacterial Conjunctivitis อาจมาจากภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา มักเกิดจากการเอามือที่สกปรกไปขยี้หรือสัมผัสดวงตา รวมถึงใช้ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าเช็ดหน้าไปสัมผัสกับดวงตา
อาการของโรค ผู้ป่วยจะมีอาการคันตาจนหลายรายต้องขยี้บ่อย หรือบางคนแค่เคืองตาเท่านั้น และมีขี้ตามากกว่าปกติ มีลักษณะเป็นหนองและมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้า และมองเห็นได้ไม่ชัดเจน ตามัว หรืออาจปวดตา
การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคตาแดง ควรล้างมือให้สะอาด ไม่ใช่เครื่องสำอาง ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับคนอื่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาในทุกกรณี และอย่าใช้ยาหยอดตาร่วมกับคนอื่น หากเริ่มเคืองตาหรือคันตา ให้รีบปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์
![](/files/u54130/15455_95637.gif)
![](/files/u54130/everywhere_heart11_0.jpg)
![](/files/u54130/e0b.jpg)
ไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในเด็ก มักระบาดในฤดูฝน ที่มีการแพร่พันธุ์ของยุงลาย
อาการของโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูงประมาณ 2-7 วัน เบื่ออาหาร อาเจียนออกมามีสีน้ำตาลปนอยู่ ปวดกล้ามเนื้อ ตัวแดง หรืออาจมีผื่นหรือจุดเลือดตามผิวหนัง หากเข้าสู่ภาวะวิกฤตผู้ป่วยจะไข้ลด มือเท้าเย็น ตัวเย็น ชีพจรเต้นเร็ว อาเจียนมาก ปัสสาวะน้อย ทำให้เข้าสู่ภาวะช็อคได้ หากมีอาการควรรีบพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคตาแดง พยายามอย่าให้ยุงกัดโดยทากันยุงเป็นวิธีที่ดีที่สุด และอย่าปล่อยให้ภาชนะต่าง ๆ ภายในบ้านมีน้ำขังนานเพราะจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง หรือหากเป็นไข้เลือดออกแล้วไม่ควรให้ยุงกัดเพราะจะทำให้แพร่เชื้อไปสู่คน ใกล้ชิดได้ผ่านยุง
![](/files/u54130/aaaaa.gif)
![](/files/u54130/picture2011_1110255413132.jpg)
และสุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าหวังว่าภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจคนไทยทั้งประเทศ ว่าไม่ควรตัดไม่ทำลายป่า ควรจะรักษาทรัพยากรทางธรรมของเราไว้ให้ดี จะได้ไม่เกิดภัยพิบัติเหมือนครั้งนี้ขึ้นอีก
แหล่งอ้างอิง:
http://health.kapook.com/view17971.html
เนื้อหา ภาพประกอบครบถ้วน ดูดี
มีปัญหาเรื่องการจัดข้อความไม่ถูกต้อง การย่อหน้า
และมีเนื้อหาเยอะมาก น่าจะแบ่งเป้นหน้าย่อยๆ จะทำให้ดูน่าอ่านมากขึ้น
อาจจะเพิ่มเติมข้อมูลได้อีก
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
อืม ดีจ้ะ แต่จะเพิ่มเติมอีกก็ได้นะจ้ะ
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
เห็นด้วยกับจัส คั้นแล้วจะดีมากเว้นรผุปนิสนง
แต่ภาพโอเคแล้ว
รูปสวยอ่ะ :)
เนื้อหาทั้งหน้าแน่นเกินไป น่าจะใช้คำสั่ง <!--pagebreak-->คั่นหน้าหน่อยนะคะ ..ด้วยความหวังดี ^^
ภาพและเนื้อหาแน่นมาก :))
สวยดีอ่ะจร้า