• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:652c24a5a6a09540a726ed51f6e57890' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div style=\"margin-top: 0px; margin-right: auto; margin-bottom: 0px; margin-left: auto; background-image: url(\'/sites/all/themes/tgv11/images/Page-BgTexture.jpg\'); background-attachment: scroll; background-position: 0% 0%; background-repeat: repeat repeat; padding: 0px\">\n<p>\nศรีธนญชัยนั้น เมื่อขายนกเป็ดน้ำแล้ว ก็เดินทอดน่องชม นกชมไม้เรื่อยมาตามป่าละเมาะ เขาเดินพลางหยุดล้วงชายพกเอาเงินหกตำลึง ที่ได้มาจาก ขายเป็ดมานับ แล้วหัวเราะกับตัวเองอย่างครึ้มอกครึ้มใจ </p>\n<p>&quot; คนเรานี่ลงได้โง่แล้ว มันช่างดักดานจริง ๆ &quot; เขาพูด กับตนเอง &quot; สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ก็เชื่อได้โดยไม่ต้องคิด เออ ! ต่อไปเราจะได้เจอคนโง่อย่างคนที่ ซื้อเป็ดเราอีกไหมน่ะ &quot; เวลาผ่านไปเป็นครู่ เขาก็มาถึงทางเล็ก ๆ ที่จะเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทันทีนั้นเขาต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงร้องให้สะอึกสะอื้นของหญิงคนหนึ่งแว่วมา เขามองซ้าย มองขวาหาเจ้าของเสียงอยู่ครู่หนึ่ง ก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ยืนซบหน้าร้องให้อยู่ ข้างต้นไม้เบื้องหน้า เขารีบเดินเข้าไปหาโดยไม่รอช้า</p>\n<p>      &quot; นี่น้องสาว &quot; เขาร้องถาม &quot; เป็นอะไรไปถึงได้มาร้อง ห่มร้องไห้อยู่อย่างนี้ ? &quot;</p>\n<p>เมื่อได้ยินเสียงร้องถาม หญิงสาวผู้นั้นก็ค่อย ๆหัน หน้าที่อาบน้ำตามามอง ครั้นเห็นพ่อหนุ่มแปลกหน้า ก็ขยับจะถอยหนีด้วยความหวาดหวั่น<br />\n       ศรีธนญชัยหัวเราะเบา ๆ พลางสืบเท้าเข้าไปใกล้ &quot; ไม่ต้อง กลัวข้าหรอกน้องสาว ข้ามิใช่ผู้ร้ายมหาโจรหรือยักษ์มารที่ไหน ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็สงสาร จึงมาถามดู เออมีอะไรจะให้ข้าช่วยหรือปล่าวล่ะ ? &quot;</p>\n<p>      หญิงสาวยกมือปาดน้ำตา จ้องมองหน้าศรีธนญชัยอยู่ครู่ ใหญ่ แล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงเครือว่า &quot; ถึงมีท่านก็ช่วยข้าไม่ได้หรอก &quot;<br />\n&quot; อย่าเพิ่งด่วนสิ้นหวังยังงั้นสิ &quot; ศรีธนญชัยยกมือแตะเรือน ผมของหญิงสาวเบา ๆ แสดงความปราณีสงสารอย่างสุดซึ้ง &quot; เจ้ายังไม่บอกข้าเลยว่า เจ้า มีทุกข์เรื่องอะไร ? &quot;<br />\n      &quot; แต่ทุกข์ของข้าหนักจริง ๆ ไม่มีใครจะช่วยข้าได้หรอก&quot; หญิงสาวพูดพลางยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้<br />\n&quot; ขอเสียเถอะ น้องสาว &quot; ธนญชัยปลอบต่อไป &quot; อย่า ร้องไห้เลย หน้าสวย ๆจะหมองเสียปล่าว บอกข้ามาเถอะ ข้ารับรองว่าถึงยังไงจะพยายาม ช่วยเจ้าให้ได้ เจ้าไม่ต้องกลัว &quot;</p>\n<p>      เมื่อได้รับคำปลอบโยนอย่างอ่อนหวานเช่นนั้น หญิงสาว ก็ใจชื้นขึ้น หล่อนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วหันมามองศรีธนญชัย พลางกล่าวขึ้นด้วยเสียงตะกุก ตะกักว่า &quot; ข้า...ข้า...ข้ากำลังพบกับความลำบากอย่างหนัก จะต้องไปเป็นทาสในเรือนเบี้ย ของคนรวยในเมือง ข้าอยากตาย อยากตายดีกว่าจะไปเป็นทาสเขายังงั้น &quot;</p>\n<p>      &quot; ทำไม เจ้าถึงได้ตกที่นั่งลำบากอย่างนั้นเล่า ? &quot; ศรีธนญชัยรีบรุกต่อไปโดยไม่รอช้า<br />\n&quot; แม่ข้าไปกู้เงินเขามา &quot; หญิงสาวตอบพร้อมสะอื้นไห้จน ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ &quot; โดยสัญญาเขาว่าจะนำเงินไปใช้คืนภายใน ๒ เดือน และเมื่อครบกำหนด แม่ก็ขายไร่นาไปใช้เขาแล้ว แต่เขากลับมาทวงแม่อีก หาว่าแม่ยังไม่ได้ใช้ให้เขา แล้วก็หากแม่ ไม่สามารถจะหาเงินไปให้เขาภายในสามวัน เขาจะมาเอาตัวข้าไปเป็นทาสทำงานใช้จนกว่า แม่จะหาเงินไปให้เขาได้...โธ่ ! เวรกรรมอะไรของข้าก็ไม่รู้ &quot; พูดจบหล่อนก็ปล่อยเสียงโฮออก มาเป็นการใหญ่</p>\n<p>       ศรีธนญชัยเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ถามต่อไปอีก &quot; แม่เจ้ากู้เงินมา เท่าไหร่ ? &quot;</p>\n<p>      &quot; มากทีเดียวละท่าน ตั้ง ๔ ตำลึงแน่ &quot;</p>\n<p>      &quot; สี่ตำลึง ? &quot; ศรีธนญชัย &quot; เท่านั้นเองนะรึ ? ไม่เป็นไร เจ้า เลิกเป็นทุกข์เป็นร้อนได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะจัดการให้ &quot;</p>\n<p>      &quot; หมายความว่า...? &quot; หญิงสาวหันมามองศรีธนญชัยอย่าง งง ๆ</p>\n<p>        ศรีธนญชัยล้วงเงินที่ชายพกมาใส่มือให้ ๔ อัน &quot; นี่นะ เงินสี่ ตำลึงสำหรับใช้หนี้เขา &quot; เขาบอกพร้อมกับหยิบส่งให้อีกสองอัน &quot; และนี่อีก ๒ ตำลึง เจ้าเก็บ ไว้ซื้ออาหารมาให้แม่ &quot;</p>\n<p>      เมื่อได้เงินโดยไม่คาดฝันเช่นนั้น หญิงสาวยิ่งงงงันเป็นที่ สุด &quot; ท่านให้เงินข้าเพื่ออะไร ? &quot; หล่อนถาม<br />\n&quot; เพื่อช่วยให้เจ้าไม่ต้องเป็นทาสเขานะซี &quot; ศรีธนญชัยตอบ พร้อมกับบีบไหล่หล่อนเบา ๆ &quot; เจ้าอย่าคิดอะไร ข้าสงสารและต้องการช่วยเจ้าด้วยความ จริงใจ ไปเถอะ เช็ดน้ำตาเสียให้แห้ง รีบกลับไปบ้านเจ้า และจัดการใช้หนี้เขาเสียให้เรียบ ร้อย ข้าลาละ &quot;</p>\n<p>      พูดจบ ศรีธนญชัยก็ผละจากหญิงสาวผู้น่าสงสารเดินออกจากที่นั่นไป ปล่อยให้ หล่อนมองตามเขาอย่างงุนงง.......\n</p>\n<p>ศรีธนญชัยเดินต่อมาเป็นครู่ใหญ่ ท่ามกลางแสงแดดที่แผด กล้าขึ้นทุกที จนใบหน้าเขาชุ่มโชกด้วยเหงื่อ และรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นกำลัง พอดีเหลือบไป เห็นต้นไม้ใหญ่ ต้นหนึ่งยืนตะหง่านอยู่ข้างทาง จึงแวะเข้าไปหมายนะนั่งพักให้หายร้อนสักครู่ แล้วค่อยเดินทางต่อไป...<br />\n  แต่โดยไม่คาดฝัน ทันทีที่เท้าของเขาก้าวเข้าไปภายใต้กิ่ง ไม้อันร่มรื่นนั้น เขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเหลือบไปเห็นร่างของหญิงผู้หนึ่งห้อย โตงเตงลงมาจากกิ่งไม้ในลักษณะคนผูกคอตาย<br />\n       ศรีธนญชัยพยายามรวบรวมสติข่มความหวาดกลัวอยู่เป็นครู่ แล้วจัดแจงปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ปลดเชือกที่คาคบหย่อนร่างผู้หญิงผู้นั้นลงมาจนถึงพื้นดิน แล้ว โจนลงมาแก้เชือกตรงที่รัดคอหล่อนออก จับไหล่หล่อนเขย่าเบา ๆ ด้วยหวังว่า หล่อนคงจะยัง มีชีวิตอยู่ &quot; นี่...น้องสาว...น้องสาว &quot; เขาร้องเรียกแต่...หญิงผู้นั้นแน่นิ่งไม่ไหวติง มิหนำซ้ำยังปล่อยลิ้นห้อยออก มาจุกปาก ตาเหลือกถลน เล่นเอาศรีธนญชัยขยาดหวาดกลัว เขาผุดลุกขึ้น มองซ้ายมองขวา ขยับจะวิ่งหนีแต่แล้วก็ชงัก เมื่อได้ยินเสียงร้องขายผ้าแว่วมาแต่ไกล</p>\n<p>      &quot; ผ้าจ้า ผ้าผ้าสวย ๆ แม่เอ้ย &quot;</p>\n<p>        ศรีธนญชัยมองไปที่คลองตรงหน้า เห็นเรือประทุนลำหนึ่งมุ่ง หน้าจะผ่านมาตรงที่เขายืนอยู่ ทันใดนั้น สมองอันว่องไวของเขาคิดอุบายขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาดีดมือเปาะและยิ้มออกมาได้ &quot; เอาละ เราจะต้องเล่นกลกับเจ้าของเรือผ้านี่สักอย่าง &quot; และแล้ว โดยว่องไว เขาหันมาอุ้มศพหญิงผู้นั้นยืนขึ้น หันหน้าศพเข้าพิงต้นไม้ไว้ คว้าเชือกเส้นเดิมมัด มือหล่อนทั้งสองข้างเหวี่ยงขึ้นไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ แล้วรั้งขึ้นไปพอตึง และวิ่งไปหักกิ่งไม้ขนาดไม้ เรียวอันหนึ่งมาเตรียมไว้<br />\n      พอเรือผ้าใกล้เข้ามา ศรีธนญชัยแสนกลก็เริ่มแผนการเงื้อไม้เรียว ขึ้นหวดหลังศพเป็นการใหญ่</p>\n<p>&quot; นี่ ! นี่ ! ข้าสอนแล้วไม่จำ เป็นสาวเป็นแส้เอาแต่เที่ยวไม่รู้ จักเวล่ำเวลา มันจะใช้ได้ที่ไหน นี่ ! ตายซะอย่าอยู่เลย นี่แน่ นี่แน่ &quot;</p>\n<p>เขากระหน่ำไม้เรียว ลงที่ร่างอันปราศจากวิญญาณของหญิง ผู้นั้นอย่างหนักหน่วง พร้อมกับส่งเสียงตะโกนก้องตลอดเวลา กระทั่ง...เรือขายผ้าลำนั้นผ่านมา ถึง เจ้าของเรือเป็นชายแก่หน้าซื่อ และทันทีที่แกมองขึ้นมาจากคลอง เห็นศรีธนญชัยกำลังเฆี่ยน ตีผู้หญิงอยู่เช่นนั้นก็นึกสงสาร จึงจอดเรือแล้วโดดขึ้นฝั่ง เข้าห้ามศรีธนญชัย</p>\n<p>      &quot; เดี๋ยวก่อน พ่อคุณ &quot;ศรีธนญชัยหันขวับมาทางพ่อค้าผู้เข้ามาขวาง พร้อมกับตวาด ขึ้นอย่างโมโหว่า &quot; เรื่องอะไรของเอ็งวะ ? &quot;<br />\n      &quot; มิใช่เรื่องอะไรของข้าหรอก &quot; พ่อค้าส่ายหน้า &quot; แต่ข้าเห็น เอ็งตีแม่หนูนี่หนักมือก็อดเวทนาไม่ได้ &quot;<br />\n&quot; ทำไม น้องสาวข้า มันริอ่านเที่ยว ไม่ยอมอยู่บ้าน &quot; ศรีธนญชัยย้อนเสียงขุ่น &quot; ข้าลงโทษมัน คนอื่นจะต้องเกี่ยวด้วยเรอะ &quot; ว่าพลางศรีธนญชัยก็ผลักพ่อ ค้าผ้าออกห่าง แล้วหวดไม้เรียวต่อไป ปล่อยให้พ่อค้ามองตามด้วยความเวทนาเต็มทน จนในที่สุด อดทนไม่ได้ จึงยกมือสะกิดไหล่ศรีธนญชัย</p>\n<p>      &quot; นี่พ่อคุณ ยังไง ๆ ก็อย่าได้ถึงขนาดนี้เลยสงสารแกบ้างเถอะ เนื้อหนังขาว ๆ นิ่ม ๆ ยังงี้จะแตกยับเสียหมด &quot;ศรีธนญชัยหันขวับมามองพ่อค้าด้วยตาขุ่นเขียว &quot; สงสารมันไม่ ได้หรอก ต้องเฆี่ยนให้มันเข็ดหลาบ ไม่งั้นจะได้ใจเที่ยวจัดกว่านี้ใครจะเลี้ยงมันไหว &quot;<br />\n      &quot; โธ่ พ่อคุณนึกว่าขอข้าเถอะ &quot; พ่อค้าออด</p>\n<p>\n      &quot; ขอแขอะไร ข้าไม่เข้าใจ ไป ! ไปให้พ้นนะ &quot; ศรีธนญชัยตะคอก พลางลงมือหวดไม้เรียวที่ศพต่อไปอย่างหนัก \n</p>\n<p>ฝ่ายพ่อค้ายิ่งดูยิ่งทนไม่ไหว จึงเข้าไปแย่งไม้เรียวจากศรีธนญชัย &quot; หยุดเถอะ พ่อคุณ ข้าทนดูไม่ได้แล้ว &quot;<br />\n       ศรีธนญชัยมองพ่อค้าตาเขียวอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อ &quot; นี่เอ็ง จะเอายังไงวะ อ้ายจอมยุ่ง &quot;<br />\n      พอค้าพยายามทำใจดีสู้เสือ &quot; ไม่เอายังไงหรอก เออ ! เอา อย่างงี้ดีไหมละ ถ้าเอ็งเลี้ยงไม่ไหว ข้าจะรับไปเลี้ยงเอง &quot;<br />\n       ศรีธนญชัยแค่นหัวเราะ จ้องหน้าพ่อค้าอย่างงง ๆ &quot; เอ็งจะบ้า ไปแล้วรึ ? &quot;<br />\nพ่อค้าส่ายหน้า &quot; ข้าสงสารมัน และที่บ้านข้าก็ไม่มีใครด้วย ยังไงถ้าเอ็งเลี้ยงไม่ไหว ก็ยกให้ข้าไปเลี้ยงเป็นลูกเป็นเมียเถอะ ว่าไงตกลงไหมละ ? &quot;</p>\n<p>      &quot; เอ็งพูดยังกะว่าน้องสาวข้าเป็นขนม จะขอไปกินง่าย ๆ ยังงั้นแหละ &quot;<br />\n      &quot; หมายความว่าเอ็งจะคิดสินสอดละซี ก็ได้ เอ็งจะคิดสัก เท่าไหร่วะ ? &quot;</p>\n<p>       ศรีธนญชัยทำเป็นนิ่งคิดอยู่ครู่ แล้วหันมาถาม &quot; เอ็งจะให้ เท่าไหร่ ? &quot;<br />\n      พ่อค้าเมื่อเห็นสมคะเนดังนั้น ก็ยิ้มแป้น &quot; เอายังงี้ก็แล้วกัน ข้ายกเรือขายผ้าให้เอ็ง เป็นค่าสินสอดพอไหม ? &quot;<br />\n       ศรีธนญชัยทำเป็นอิดออดอยู่ครู่หนึ่ง จนพ่อค้าคะยั้นคะยอ ขึ้นอีก &quot; เถอะน่า พ่อมหาจำเริญ &quot;</p>\n<p>&quot; มันจะสมน้ำสมเนื้อกันหรือ ? &quot; ศรีธนญชัยย้อนถาม &quot; น้องสาว ข้า ข้าเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาวเต็มตัวขนาดนี้ หมดข้าวไปหลายยุ้ง ส่วนเรือเอ็งมีผ้ากี่อัฐ เชียว ? &quot;</p>\n<p>      &quot; งั้นข้าแถมเงินให้เอ็งอีก ๑๐ ตำลึงก็แล้วกัน &quot; พ่อค้าเพิ่ม ราคาให้อีกด้วย หวังจะได้สาวคนสวยไปเป็นเมียให้ได้ &quot; น่ายกให้ข้าเถอะน่า ข้าเกิดมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีลูกมีเมียกับเขาเลย นึกว่าสงสารคนแก่อย่างข้าเถอะ พ่อมหาจำเริญ ข้ารับรองว่าจะ รักและเลี้ยงดูน้องเอ็งให้มีความสุข ไม่ทิ้งไม่ขว้างเด็ดขาด &quot;</p>\n<p>       ศรีธนญชัยยังอิดเอื้อนอยู่อีก เขาหันมามองดูศพด้วยความเป็น ห่วง แล้วหันมาทางพ่อค้า &quot; ก็ได้ แต่เอ็งต้องสัญญานะว่าจะเลี้ยงน้องข้าให้ตลอดรอดฝั่ง มิใช่ พอได้ไปไม่ทันไรก็ทิ้ง &quot;</p>\n<p>      &quot; เออน่า เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก &quot; พ่อค้าตอบอย่างแข็งขัน พลางล้วงเงินออกมาใส่มือให้ศรีธนญชัย แล้วดึงแขนศรีธนญชัยให้ไปลงเรือ &quot; ไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะจัด การแก้มัดแม่หวานใจของข้าเอง แล้วพาไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านเอง &quot;</p>\n<p>       ศรีธนญชัยเดินไปลงเรืออย่างว่าง่าย แต่ไม่วายหันมามองทาง ศพแสดงอาการเป็นห่วงอีกครั้ง<br />\n      พ่อค้าโบกมือให้ศรรีธนญชัยด้วยความตื่นเต้นดีใจ &quot; โชคดีนะ พี่ข้า มีหลานเมื่อไหร่จะพาไปเยี่ยม &quot;</p>\n<p>ครั้นแล้ว ก็หันมาทางศพที่แกเชื่อสนิทใจว่าเป็นน้องสาว ของเจ้าหนุ่ม ที่ถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหล่อนได้ตกมาเป็นสมบัติของ แกโดยชอบธรรมแล้ว &quot; ฮะ ฮะ ไม่นึกเลยว่าจะโชคดีได้เมียสาวอย่างนี้ &quot; แกหัวเราะกับตัวเอง พลางตรงเข้าลูบหลังศพ พร้อมกับรำพันขึ้นอย่างสงสาร &quot; โถ ! แม่คุณทูนหัวของพี่ น่าสงสาร จริง คงเจ็บมากซีนะ เดี๋ยวเถอะพี่จะใส่ยาและบีบนวดให้ แกเข้าโอบหลังด้วยความกระหยิ่มยิ้ม ย่อง แล้วขยับเอื้อมมือไปแก้เชือกที่มือศพ</p>\n<p>      &quot; พี่จะแก้เชือกให้ แล้วไปบ้านกับพี่นะทูนหัว &quot; พ่อค้าพูด พลางแก้เชือก ด้วยความครึ้มอกครึ้มใจแต่พอเชือกหลุด ศพของหญิงสาวก็ทรุดฮวบลงทันที มือกางเท้ากาง ลิ้นห้อยออกมาจุกปากตาเหลือกถลน พ่อค้ารีบปราดเข้าไปประคองพร้อมกับ จับร่างเขย่า &quot; เป็นอะไรไป น้องพี่ เป็นอะไรไปรึเปล่า ? &quot;</p>\n<p>      แกละล่ำละลักถาม และจับหน้าศพหันมา ทันใดนั้น...แก ต้องร้องลั่นออกมาแทบไม่เป็นภาษามนุษย์ รีบทิ้งศพลงกับพื้นทันที</p>\n<p>      &quot; หา ? นี่มัน..มันซี้เลี้ยวนี่หว่า ไอหยา...ผี...ผีหลอก &quot;</p>\n<p>      โดยไม่รอช้า แกรีบเผ่นหนีอย่างไม่คิดชีวิต ปากร้องตะโกน ไปตลอดทาง &quot; ผี ผี ผีหลอก ! ช่วยด้วย ! ผีหลอก &quot;</p>\n<p>พอดีมาถึงคลอง แกก็โจนโครมลงไปในน้ำอย่างไม่รู้จะหลีกหนี ไปไหนได้...แกดำดิ่งลงไปจนถึงพื้นดินใต้น้ำแล้ว โผล่ขึ้นมา แต่เจ้ากรรมบังเอิญโผล่มาตรงที่แก โดดลงไปเมื่อกี้ และเมื่อคลานขึ้นมาเห็นศพยังนอนตาเหลือกถลนอยู่เช่นนั้น แกร้องลั่นขึ้นอีกวาระ หนึ่ง &quot; บักย่า...มันเอาข้าแน่ ช่วยด้วย ? ช่วยด้วยเจ้าข้า &quot;</p>\n<p>\n      และแล้ว...โดยไม่ยอมเสียเวลาแต่น้อย แกรีบใส่ ตีนหมาเผ่นเข้าป่าละเมาะตรงหน้าไปอย่างไม่คิดชีวิต... \n</p>\n</div>\n', created = 1718608311, expire = 1718694711, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:652c24a5a6a09540a726ed51f6e57890' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ศรีธนญชัย ตอน พ่อลูกเขย

ศรีธนญชัยนั้น เมื่อขายนกเป็ดน้ำแล้ว ก็เดินทอดน่องชม นกชมไม้เรื่อยมาตามป่าละเมาะ เขาเดินพลางหยุดล้วงชายพกเอาเงินหกตำลึง ที่ได้มาจาก ขายเป็ดมานับ แล้วหัวเราะกับตัวเองอย่างครึ้มอกครึ้มใจ 

" คนเรานี่ลงได้โง่แล้ว มันช่างดักดานจริง ๆ " เขาพูด กับตนเอง " สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ก็เชื่อได้โดยไม่ต้องคิด เออ ! ต่อไปเราจะได้เจอคนโง่อย่างคนที่ ซื้อเป็ดเราอีกไหมน่ะ " เวลาผ่านไปเป็นครู่ เขาก็มาถึงทางเล็ก ๆ ที่จะเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทันทีนั้นเขาต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงร้องให้สะอึกสะอื้นของหญิงคนหนึ่งแว่วมา เขามองซ้าย มองขวาหาเจ้าของเสียงอยู่ครู่หนึ่ง ก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ยืนซบหน้าร้องให้อยู่ ข้างต้นไม้เบื้องหน้า เขารีบเดินเข้าไปหาโดยไม่รอช้า

      " นี่น้องสาว " เขาร้องถาม " เป็นอะไรไปถึงได้มาร้อง ห่มร้องไห้อยู่อย่างนี้ ? "

เมื่อได้ยินเสียงร้องถาม หญิงสาวผู้นั้นก็ค่อย ๆหัน หน้าที่อาบน้ำตามามอง ครั้นเห็นพ่อหนุ่มแปลกหน้า ก็ขยับจะถอยหนีด้วยความหวาดหวั่น
       ศรีธนญชัยหัวเราะเบา ๆ พลางสืบเท้าเข้าไปใกล้ " ไม่ต้อง กลัวข้าหรอกน้องสาว ข้ามิใช่ผู้ร้ายมหาโจรหรือยักษ์มารที่ไหน ข้าเห็นเจ้าร้องไห้ก็สงสาร จึงมาถามดู เออมีอะไรจะให้ข้าช่วยหรือปล่าวล่ะ ? "

      หญิงสาวยกมือปาดน้ำตา จ้องมองหน้าศรีธนญชัยอยู่ครู่ ใหญ่ แล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงเครือว่า " ถึงมีท่านก็ช่วยข้าไม่ได้หรอก "
" อย่าเพิ่งด่วนสิ้นหวังยังงั้นสิ " ศรีธนญชัยยกมือแตะเรือน ผมของหญิงสาวเบา ๆ แสดงความปราณีสงสารอย่างสุดซึ้ง " เจ้ายังไม่บอกข้าเลยว่า เจ้า มีทุกข์เรื่องอะไร ? "
      " แต่ทุกข์ของข้าหนักจริง ๆ ไม่มีใครจะช่วยข้าได้หรอก" หญิงสาวพูดพลางยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้
" ขอเสียเถอะ น้องสาว " ธนญชัยปลอบต่อไป " อย่า ร้องไห้เลย หน้าสวย ๆจะหมองเสียปล่าว บอกข้ามาเถอะ ข้ารับรองว่าถึงยังไงจะพยายาม ช่วยเจ้าให้ได้ เจ้าไม่ต้องกลัว "

      เมื่อได้รับคำปลอบโยนอย่างอ่อนหวานเช่นนั้น หญิงสาว ก็ใจชื้นขึ้น หล่อนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วหันมามองศรีธนญชัย พลางกล่าวขึ้นด้วยเสียงตะกุก ตะกักว่า " ข้า...ข้า...ข้ากำลังพบกับความลำบากอย่างหนัก จะต้องไปเป็นทาสในเรือนเบี้ย ของคนรวยในเมือง ข้าอยากตาย อยากตายดีกว่าจะไปเป็นทาสเขายังงั้น "

      " ทำไม เจ้าถึงได้ตกที่นั่งลำบากอย่างนั้นเล่า ? " ศรีธนญชัยรีบรุกต่อไปโดยไม่รอช้า
" แม่ข้าไปกู้เงินเขามา " หญิงสาวตอบพร้อมสะอื้นไห้จน ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ " โดยสัญญาเขาว่าจะนำเงินไปใช้คืนภายใน ๒ เดือน และเมื่อครบกำหนด แม่ก็ขายไร่นาไปใช้เขาแล้ว แต่เขากลับมาทวงแม่อีก หาว่าแม่ยังไม่ได้ใช้ให้เขา แล้วก็หากแม่ ไม่สามารถจะหาเงินไปให้เขาภายในสามวัน เขาจะมาเอาตัวข้าไปเป็นทาสทำงานใช้จนกว่า แม่จะหาเงินไปให้เขาได้...โธ่ ! เวรกรรมอะไรของข้าก็ไม่รู้ " พูดจบหล่อนก็ปล่อยเสียงโฮออก มาเป็นการใหญ่

       ศรีธนญชัยเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ถามต่อไปอีก " แม่เจ้ากู้เงินมา เท่าไหร่ ? "

      " มากทีเดียวละท่าน ตั้ง ๔ ตำลึงแน่ "

      " สี่ตำลึง ? " ศรีธนญชัย " เท่านั้นเองนะรึ ? ไม่เป็นไร เจ้า เลิกเป็นทุกข์เป็นร้อนได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะจัดการให้ "

      " หมายความว่า...? " หญิงสาวหันมามองศรีธนญชัยอย่าง งง ๆ

        ศรีธนญชัยล้วงเงินที่ชายพกมาใส่มือให้ ๔ อัน " นี่นะ เงินสี่ ตำลึงสำหรับใช้หนี้เขา " เขาบอกพร้อมกับหยิบส่งให้อีกสองอัน " และนี่อีก ๒ ตำลึง เจ้าเก็บ ไว้ซื้ออาหารมาให้แม่ "

      เมื่อได้เงินโดยไม่คาดฝันเช่นนั้น หญิงสาวยิ่งงงงันเป็นที่ สุด " ท่านให้เงินข้าเพื่ออะไร ? " หล่อนถาม
" เพื่อช่วยให้เจ้าไม่ต้องเป็นทาสเขานะซี " ศรีธนญชัยตอบ พร้อมกับบีบไหล่หล่อนเบา ๆ " เจ้าอย่าคิดอะไร ข้าสงสารและต้องการช่วยเจ้าด้วยความ จริงใจ ไปเถอะ เช็ดน้ำตาเสียให้แห้ง รีบกลับไปบ้านเจ้า และจัดการใช้หนี้เขาเสียให้เรียบ ร้อย ข้าลาละ "

      พูดจบ ศรีธนญชัยก็ผละจากหญิงสาวผู้น่าสงสารเดินออกจากที่นั่นไป ปล่อยให้ หล่อนมองตามเขาอย่างงุนงง.......

ศรีธนญชัยเดินต่อมาเป็นครู่ใหญ่ ท่ามกลางแสงแดดที่แผด กล้าขึ้นทุกที จนใบหน้าเขาชุ่มโชกด้วยเหงื่อ และรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นกำลัง พอดีเหลือบไป เห็นต้นไม้ใหญ่ ต้นหนึ่งยืนตะหง่านอยู่ข้างทาง จึงแวะเข้าไปหมายนะนั่งพักให้หายร้อนสักครู่ แล้วค่อยเดินทางต่อไป...
  แต่โดยไม่คาดฝัน ทันทีที่เท้าของเขาก้าวเข้าไปภายใต้กิ่ง ไม้อันร่มรื่นนั้น เขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเหลือบไปเห็นร่างของหญิงผู้หนึ่งห้อย โตงเตงลงมาจากกิ่งไม้ในลักษณะคนผูกคอตาย
       ศรีธนญชัยพยายามรวบรวมสติข่มความหวาดกลัวอยู่เป็นครู่ แล้วจัดแจงปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ปลดเชือกที่คาคบหย่อนร่างผู้หญิงผู้นั้นลงมาจนถึงพื้นดิน แล้ว โจนลงมาแก้เชือกตรงที่รัดคอหล่อนออก จับไหล่หล่อนเขย่าเบา ๆ ด้วยหวังว่า หล่อนคงจะยัง มีชีวิตอยู่ " นี่...น้องสาว...น้องสาว " เขาร้องเรียกแต่...หญิงผู้นั้นแน่นิ่งไม่ไหวติง มิหนำซ้ำยังปล่อยลิ้นห้อยออก มาจุกปาก ตาเหลือกถลน เล่นเอาศรีธนญชัยขยาดหวาดกลัว เขาผุดลุกขึ้น มองซ้ายมองขวา ขยับจะวิ่งหนีแต่แล้วก็ชงัก เมื่อได้ยินเสียงร้องขายผ้าแว่วมาแต่ไกล

      " ผ้าจ้า ผ้าผ้าสวย ๆ แม่เอ้ย "

        ศรีธนญชัยมองไปที่คลองตรงหน้า เห็นเรือประทุนลำหนึ่งมุ่ง หน้าจะผ่านมาตรงที่เขายืนอยู่ ทันใดนั้น สมองอันว่องไวของเขาคิดอุบายขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาดีดมือเปาะและยิ้มออกมาได้ " เอาละ เราจะต้องเล่นกลกับเจ้าของเรือผ้านี่สักอย่าง " และแล้ว โดยว่องไว เขาหันมาอุ้มศพหญิงผู้นั้นยืนขึ้น หันหน้าศพเข้าพิงต้นไม้ไว้ คว้าเชือกเส้นเดิมมัด มือหล่อนทั้งสองข้างเหวี่ยงขึ้นไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ แล้วรั้งขึ้นไปพอตึง และวิ่งไปหักกิ่งไม้ขนาดไม้ เรียวอันหนึ่งมาเตรียมไว้
      พอเรือผ้าใกล้เข้ามา ศรีธนญชัยแสนกลก็เริ่มแผนการเงื้อไม้เรียว ขึ้นหวดหลังศพเป็นการใหญ่

" นี่ ! นี่ ! ข้าสอนแล้วไม่จำ เป็นสาวเป็นแส้เอาแต่เที่ยวไม่รู้ จักเวล่ำเวลา มันจะใช้ได้ที่ไหน นี่ ! ตายซะอย่าอยู่เลย นี่แน่ นี่แน่ "

เขากระหน่ำไม้เรียว ลงที่ร่างอันปราศจากวิญญาณของหญิง ผู้นั้นอย่างหนักหน่วง พร้อมกับส่งเสียงตะโกนก้องตลอดเวลา กระทั่ง...เรือขายผ้าลำนั้นผ่านมา ถึง เจ้าของเรือเป็นชายแก่หน้าซื่อ และทันทีที่แกมองขึ้นมาจากคลอง เห็นศรีธนญชัยกำลังเฆี่ยน ตีผู้หญิงอยู่เช่นนั้นก็นึกสงสาร จึงจอดเรือแล้วโดดขึ้นฝั่ง เข้าห้ามศรีธนญชัย

      " เดี๋ยวก่อน พ่อคุณ "ศรีธนญชัยหันขวับมาทางพ่อค้าผู้เข้ามาขวาง พร้อมกับตวาด ขึ้นอย่างโมโหว่า " เรื่องอะไรของเอ็งวะ ? "
      " มิใช่เรื่องอะไรของข้าหรอก " พ่อค้าส่ายหน้า " แต่ข้าเห็น เอ็งตีแม่หนูนี่หนักมือก็อดเวทนาไม่ได้ "
" ทำไม น้องสาวข้า มันริอ่านเที่ยว ไม่ยอมอยู่บ้าน " ศรีธนญชัยย้อนเสียงขุ่น " ข้าลงโทษมัน คนอื่นจะต้องเกี่ยวด้วยเรอะ " ว่าพลางศรีธนญชัยก็ผลักพ่อ ค้าผ้าออกห่าง แล้วหวดไม้เรียวต่อไป ปล่อยให้พ่อค้ามองตามด้วยความเวทนาเต็มทน จนในที่สุด อดทนไม่ได้ จึงยกมือสะกิดไหล่ศรีธนญชัย

      " นี่พ่อคุณ ยังไง ๆ ก็อย่าได้ถึงขนาดนี้เลยสงสารแกบ้างเถอะ เนื้อหนังขาว ๆ นิ่ม ๆ ยังงี้จะแตกยับเสียหมด "ศรีธนญชัยหันขวับมามองพ่อค้าด้วยตาขุ่นเขียว " สงสารมันไม่ ได้หรอก ต้องเฆี่ยนให้มันเข็ดหลาบ ไม่งั้นจะได้ใจเที่ยวจัดกว่านี้ใครจะเลี้ยงมันไหว "
      " โธ่ พ่อคุณนึกว่าขอข้าเถอะ " พ่อค้าออด

      " ขอแขอะไร ข้าไม่เข้าใจ ไป ! ไปให้พ้นนะ " ศรีธนญชัยตะคอก พลางลงมือหวดไม้เรียวที่ศพต่อไปอย่างหนัก 

ฝ่ายพ่อค้ายิ่งดูยิ่งทนไม่ไหว จึงเข้าไปแย่งไม้เรียวจากศรีธนญชัย " หยุดเถอะ พ่อคุณ ข้าทนดูไม่ได้แล้ว "
       ศรีธนญชัยมองพ่อค้าตาเขียวอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อ " นี่เอ็ง จะเอายังไงวะ อ้ายจอมยุ่ง "
      พอค้าพยายามทำใจดีสู้เสือ " ไม่เอายังไงหรอก เออ ! เอา อย่างงี้ดีไหมละ ถ้าเอ็งเลี้ยงไม่ไหว ข้าจะรับไปเลี้ยงเอง "
       ศรีธนญชัยแค่นหัวเราะ จ้องหน้าพ่อค้าอย่างงง ๆ " เอ็งจะบ้า ไปแล้วรึ ? "
พ่อค้าส่ายหน้า " ข้าสงสารมัน และที่บ้านข้าก็ไม่มีใครด้วย ยังไงถ้าเอ็งเลี้ยงไม่ไหว ก็ยกให้ข้าไปเลี้ยงเป็นลูกเป็นเมียเถอะ ว่าไงตกลงไหมละ ? "

      " เอ็งพูดยังกะว่าน้องสาวข้าเป็นขนม จะขอไปกินง่าย ๆ ยังงั้นแหละ "
      " หมายความว่าเอ็งจะคิดสินสอดละซี ก็ได้ เอ็งจะคิดสัก เท่าไหร่วะ ? "

       ศรีธนญชัยทำเป็นนิ่งคิดอยู่ครู่ แล้วหันมาถาม " เอ็งจะให้ เท่าไหร่ ? "
      พ่อค้าเมื่อเห็นสมคะเนดังนั้น ก็ยิ้มแป้น " เอายังงี้ก็แล้วกัน ข้ายกเรือขายผ้าให้เอ็ง เป็นค่าสินสอดพอไหม ? "
       ศรีธนญชัยทำเป็นอิดออดอยู่ครู่หนึ่ง จนพ่อค้าคะยั้นคะยอ ขึ้นอีก " เถอะน่า พ่อมหาจำเริญ "

" มันจะสมน้ำสมเนื้อกันหรือ ? " ศรีธนญชัยย้อนถาม " น้องสาว ข้า ข้าเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาวเต็มตัวขนาดนี้ หมดข้าวไปหลายยุ้ง ส่วนเรือเอ็งมีผ้ากี่อัฐ เชียว ? "

      " งั้นข้าแถมเงินให้เอ็งอีก ๑๐ ตำลึงก็แล้วกัน " พ่อค้าเพิ่ม ราคาให้อีกด้วย หวังจะได้สาวคนสวยไปเป็นเมียให้ได้ " น่ายกให้ข้าเถอะน่า ข้าเกิดมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีลูกมีเมียกับเขาเลย นึกว่าสงสารคนแก่อย่างข้าเถอะ พ่อมหาจำเริญ ข้ารับรองว่าจะ รักและเลี้ยงดูน้องเอ็งให้มีความสุข ไม่ทิ้งไม่ขว้างเด็ดขาด "

       ศรีธนญชัยยังอิดเอื้อนอยู่อีก เขาหันมามองดูศพด้วยความเป็น ห่วง แล้วหันมาทางพ่อค้า " ก็ได้ แต่เอ็งต้องสัญญานะว่าจะเลี้ยงน้องข้าให้ตลอดรอดฝั่ง มิใช่ พอได้ไปไม่ทันไรก็ทิ้ง "

      " เออน่า เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก " พ่อค้าตอบอย่างแข็งขัน พลางล้วงเงินออกมาใส่มือให้ศรีธนญชัย แล้วดึงแขนศรีธนญชัยให้ไปลงเรือ " ไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะจัด การแก้มัดแม่หวานใจของข้าเอง แล้วพาไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านเอง "

       ศรีธนญชัยเดินไปลงเรืออย่างว่าง่าย แต่ไม่วายหันมามองทาง ศพแสดงอาการเป็นห่วงอีกครั้ง
      พ่อค้าโบกมือให้ศรรีธนญชัยด้วยความตื่นเต้นดีใจ " โชคดีนะ พี่ข้า มีหลานเมื่อไหร่จะพาไปเยี่ยม "

ครั้นแล้ว ก็หันมาทางศพที่แกเชื่อสนิทใจว่าเป็นน้องสาว ของเจ้าหนุ่ม ที่ถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหล่อนได้ตกมาเป็นสมบัติของ แกโดยชอบธรรมแล้ว " ฮะ ฮะ ไม่นึกเลยว่าจะโชคดีได้เมียสาวอย่างนี้ " แกหัวเราะกับตัวเอง พลางตรงเข้าลูบหลังศพ พร้อมกับรำพันขึ้นอย่างสงสาร " โถ ! แม่คุณทูนหัวของพี่ น่าสงสาร จริง คงเจ็บมากซีนะ เดี๋ยวเถอะพี่จะใส่ยาและบีบนวดให้ แกเข้าโอบหลังด้วยความกระหยิ่มยิ้ม ย่อง แล้วขยับเอื้อมมือไปแก้เชือกที่มือศพ

      " พี่จะแก้เชือกให้ แล้วไปบ้านกับพี่นะทูนหัว " พ่อค้าพูด พลางแก้เชือก ด้วยความครึ้มอกครึ้มใจแต่พอเชือกหลุด ศพของหญิงสาวก็ทรุดฮวบลงทันที มือกางเท้ากาง ลิ้นห้อยออกมาจุกปากตาเหลือกถลน พ่อค้ารีบปราดเข้าไปประคองพร้อมกับ จับร่างเขย่า " เป็นอะไรไป น้องพี่ เป็นอะไรไปรึเปล่า ? "

      แกละล่ำละลักถาม และจับหน้าศพหันมา ทันใดนั้น...แก ต้องร้องลั่นออกมาแทบไม่เป็นภาษามนุษย์ รีบทิ้งศพลงกับพื้นทันที

      " หา ? นี่มัน..มันซี้เลี้ยวนี่หว่า ไอหยา...ผี...ผีหลอก "

      โดยไม่รอช้า แกรีบเผ่นหนีอย่างไม่คิดชีวิต ปากร้องตะโกน ไปตลอดทาง " ผี ผี ผีหลอก ! ช่วยด้วย ! ผีหลอก "

พอดีมาถึงคลอง แกก็โจนโครมลงไปในน้ำอย่างไม่รู้จะหลีกหนี ไปไหนได้...แกดำดิ่งลงไปจนถึงพื้นดินใต้น้ำแล้ว โผล่ขึ้นมา แต่เจ้ากรรมบังเอิญโผล่มาตรงที่แก โดดลงไปเมื่อกี้ และเมื่อคลานขึ้นมาเห็นศพยังนอนตาเหลือกถลนอยู่เช่นนั้น แกร้องลั่นขึ้นอีกวาระ หนึ่ง " บักย่า...มันเอาข้าแน่ ช่วยด้วย ? ช่วยด้วยเจ้าข้า "

      และแล้ว...โดยไม่ยอมเสียเวลาแต่น้อย แกรีบใส่ ตีนหมาเผ่นเข้าป่าละเมาะตรงหน้าไปอย่างไม่คิดชีวิต... 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 776 คน กำลังออนไลน์