"โรคตาแดง"โรคที่มากับน้ำำที่ไม่ควรมองข้าม
![รูปภาพของ sss28264 รูปภาพของ sss28264](http://202.44.68.33/files/profilepic/picture-504.jpg)
![](/files/u504/1186_0.gif)
![](/files/u504/280.jpg)
โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา (conjuntiva)
ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน
หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis
ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส
มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์
ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง
การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
![](/files/u504/04.jpg)
ที่มาภาพ : http://img.kapook.com/image/health/eye_.jpg
อาการของโรคตาแดง
- คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
- ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
- -ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
- -ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
- -ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
![](/files/u504/30_20101021122404_.jpg)
-
ตาแดงเป็นข้างหนึ่งหรือสองข้าง
- -เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
- -เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้างสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
- -ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกาแพทย์
-
อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
- ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
![](/files/u504/2.jpeg)
การป้องกันโรคตาแดง
![](/files/u504/4.jpg)
- 1.อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
- 2.อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
- 3.ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
- 4.ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
- 5.อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
- 6.อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
- 7.ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
- 8.อย่าสัมผัสมือ
- 9.เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค
![](/files/u504/185.jpg)
การรักษาตาแดงด้วยตัวเอง
- 1.ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
- 2.ล้างมือบ่อยๆ
- 3.อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
- 4.ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
- 5.อย่าใส่ contact lens ช่วงที่มีตาแดง
- 6.เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน
หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
- 1.ตามัวลง
- 2.ปวดตามากขึ้น
- 3.กรอกตาแล้วปวด
- 4.ไข้
- 5.ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
- 6.น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
- 7.แพ้แสงอย่างมาก
แหล่งอ้างอิง:
http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/eye_ent/conjuntivitis/conjuntivitis.htm
อืม ดีจ้ะ แต่จะเพิ่มเติมอีกก็ได้นะจ้ะ
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
เนื้อหาทีประโยชน์มากๆๆเลย
ขอบคุณที่นำความรู้และประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังนะจ้ะ
ดีๆๆ ได้ความรู้เยอะเลยย ^^ เจ๋งงง
โอ๊ะ!!! อย่างงี้ต้องระวัง
อุ้วว้าวววว เยี่ยมมมมมมมม ^^