• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a74b6f5a1060f3a14ec791718da9290d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter-->\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"67\" width=\"314\" src=\"/files/u53826/878_0.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"52\" width=\"469\" src=\"/files/u53826/rt72.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p>\nโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจตอนบน ที่พบบ่อยตลอดปี เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็กอาจเป็นปีละหลายครั้ง โรคหวัดมักเป็นในฤดูหนาว ฤดูฝน หรือช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง และสามารถติดต่อกันได้ง่ายในสถานที่มีกลุ่มคน เช่น โรงเรียน สถานทีทำงาน เป็นต้น\n</p>\n<p>\nสาเหตุ\n</p>\n<p>\n  • ไข้หวัด เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีอยู่มากกว่า 200 สายพันธุ์ของกลุ่มไวรัสต่างๆ แต่ที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากเชื้อไวรัส กลุ่มไรโนไวรัส (rhinovirus) ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิด และเป็นกลุ่มไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย นอกจานี้ ทีกลุ่มไวรัสโคโรนา (coronavirus) กลุ่มไวรัสเอนเทอโร (enterovirus) เป็นต้น  <br />\n  • ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) มีอยู่ 3 ชนิดใหญ่ เรียกว่า ชนิด เอ บี และ ซี ที่ทำให้เกิดโรคมากกว่าชนิดอื่น ซึ่งแต่ละชนิดยังแบ่งเป็น สายพันธุ์ย่อยอีกมากมาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เอ จะก่อให้เกิดโรคบ่อยที่สุด มีอาการรุนแรงมากกว่า และสามารถกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งมักจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิม โรคไข้หวัดนกที่มีการแพร่ระบาดก็จัดอยู่ในกลุ่มไวรัสชนิดนี้ \n</p>\n<p>\nการเป็นโรคไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ในแต่ละครั้ง จะเกิดจากเชื้อไว้รัสเพียงหนึ่งสายพันธุ์ย่อย เมื่อหายแล้ว ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตัวนั้น และถ้าเป็นหวัดครั้งใหม่ จะเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่หมุนเวียนไป\n</p>\n<p>\nการติดต่อ\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"357\" width=\"400\" src=\"/files/u53826/kkkkkkkkk_0.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 318px; height: 290px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nที่มาของภาพ <a href=\"http://www.healthtourism-chiangrai.com/UserFiles/Image/sneez.jpg\">http://www.healthtourism-chiangrai.com/UserFiles/Image/sneez.jpg</a>\n</p>\n<p>\nเชื้อไวรัสไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ มีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย สามารถติดต่อจากคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่งได้รวดเร็ว โดย\n</p>\n<p>\n  • การหายใจเอาเชื้อโรค ที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไป ซึ่งมาจากการไอหรือจามของผู้ป่วย  <br />\n  • การสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือ เสมหะของผู้ป่วย จากการสัมผัสถูกมือ และสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อหวัด เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ โทรศัพท์ ปากกา เป็นต้น แล้วใช้มือขยี้ตา แคะจมูก หรือเข้าปาก เชื้อหวัดจะเกาะติดเข้าสู่ร่างกายได้ \n</p>\n<p>\nอาการของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"300\" width=\"300\" src=\"/files/u53826/00000000000.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 306px; height: 251px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nที่มาของภาพ  <a href=\"http://static.truelife.com/blog/files/members/22/106216/170200/d0d42b99.jpg\">http://static.truelife.com/blog/files/members/22/106216/170200/d0d42b99.jpg</a>\n</p>\n<p>\n  • ไข้หวัด จะมีอาการคอแห้งและคันคอ คัดจมูก มีน้ำมูกใส จาม และไอ อาจมีหรือไม่มีเสมหะ บางครั้งอาการไออาจนาน 2-3 สัปดาห์ ไข้หวัดในเด็กมักมีไข้ ส่วนผู้ใหญ่อาจะไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำๆ  <br />\n  • ไขัหวัดใหญ่ จะมีอาการคล้ายกับไข้หวัด แต่จะเป็นรวดเร็ว และมีความรุนแรงมากกว่า มักจะมีอาการภายใน 1-4 วัน หลังการติดเชื้อ คือ มีไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-4 วัน จึงค่อยๆ ลดลง ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อและข้อ อ่อนเพลียมากฉับพลัน ปวดกระบอกตา ตาแดง น้ำตาไหล เจ็บคอ คอแดง มีน้ำมูกไหล ไอแห้งๆ อาจไออยู่นาน 1-2 สัปดาห์ หลอดลมอักเสบ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรืออุจจาระร่วงในบางราย ทำให้นอนพักฟื้นหลายวัน <br />\nไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้มีอาการรุนแรง จนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ในคนที่มีโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันเสื่อม เป็นต้น และทำให้มีอาการรุนแรงได้ ในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็กอาจชักจากไข้สูง และหญิงมีครรภ์อาจทำให้แท้งได้ <br />\n \n</p>\n<p>\nการรักษา\n</p>\n<p>\nไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ยังไม่มียารักษาเฉพาะ ผู้ที่ดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง จะแข็งแรงขึ้นและหายป่วยได้เองใน 1-2 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ควรพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาให้อาการทุเลาโดยรวดเร็ว และไม่ภาวะแทรกซ้อน\n</p>\n<p>\nภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่\n</p>\n<p>\nขณะที่ป่วยเป็นไขัหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ถ้าปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง และไม่ได้รับการดูแลรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียไปทำให้เกิด การอักเสบของอวัยวะใกล้เคียง ซึ่งมักเป็นในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ไม่พักผ่อนหรือตรากตรำงานหนัก ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ เช่น\n</p>\n<p>\n  • คออักเสบหรือทอนซิลอักเสบ <br />\n  • ไซนัสอักเสบ <br />\n  • หูชั้นกลางหรือหูชั้นในอักเสบ <br />\n  • กล่องเสียงอักเสบ <br />\n  • หลอดลมอักเสบ <br />\n  • ปอดอักเสบหรือปอดบวม เป็นต้น \n</p>\n<p>\nการดูแลสุขภาพเมื่อเป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"320\" width=\"350\" src=\"/files/u53826/uuuuuuuuuuuuuuuuu_0.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 286px; height: 274px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nที่มาของภาพ  <a href=\"http://ewt.prd.go.th/ewt/region2/images/article/news1178/n20101110103640_10393.jpg\">http://ewt.prd.go.th/ewt/region2/images/article/news1178/n20101110103640_10393.jpg</a>\n</p>\n<p>\n  1. นอนพักผ่อนให้มากๆ ดูแลร่างกายให้อบอุ่น ควรพักอยู่บ้าน และควรแยกนอน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น  <br />\n  2. ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่นๆ ให้มากๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีเสมหะและไอ ช่วยให้เสมหะใส ลดอาการระคายคอและคัดจมูก ระยะนี้ไม่ควรดื่มน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเย็นๆ  <br />\n  3. รับประทานอาหารอ่อนที่มีประโยชน์และย่อยง่าย <br />\n  4. ใช้ผ้าปิดปากและจมูก เวลาไอหรือจาม กระดาษเช็ดน้ำมูกและน้ำลาย ควรใส่ถุงและิทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด  <br />\n  5. ไม่ควรอดนอนหรือตรากตรำทำงานหนัก ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้  <br />\n  6. เมื่อมีอาการไอ เจ็บคอ หรือภาวะแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาให้อาการทุเลาโดยเร็ว และไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอื่นๆ ไม่ควรซื้อยาชุด นอกจากไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นอันตรายได้ <br />\nผู้ที่มีอาการไอ ระยะนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสต่อสิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ หรือหยุดสูบบุหรี่ ควันมลพิษ เป็นต้น เพราะจะทำให้มีอาการรุนแรง<br />\n <br />\n  7. เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน และเด็กโตที่มีไข้นานกว่า 3 วัน ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา \n</p>\n<p>\nการป้องกันการเป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n  1. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน หรือนอนรวมกับผู้ที่เป็นโรคหวัด  <br />\n  2. ไม่คลุกคลีใกล้ชิดหรือใช้ของร่วมกับผู้ที่เป็นโรคหวัด <br />\n  3. ล้างมือบ่อยๆ หลังการสัมผัสสิ่งของที่อาจปนเปื้อน และหลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ตา แหย่จมูกหรือเข้าปาก  <br />\n  4. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ และอย่าตรากตรำงานหนัก  <br />\n  5. ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาล ไม่ควรตากฝนและตากแดดที่ร้อนจัดนานๆ  <br />\n  6. ไม่ควรอยู่ในสถานที่มีคนแออัด โดยเฉพาะเมื่อมีการระบาดของโรคหวัด  <br />\n  7. ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีความเสี่ยงต่อโรคปีละครั้ง ซึ่งวัคซีนจะป้องกันโรคได้ต่อปี \n</p>\n<p align=\"left\">\n</p>', created = 1720171057, expire = 1720257457, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a74b6f5a1060f3a14ec791718da9290d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

โรคที่มากับน้ำท่วม วิธีการป้องกันดูแลตนเอง วิธีการรักษา <FLOOD>

รูปภาพของ sss28223

 

 

โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจตอนบน ที่พบบ่อยตลอดปี เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็กอาจเป็นปีละหลายครั้ง โรคหวัดมักเป็นในฤดูหนาว ฤดูฝน หรือช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง และสามารถติดต่อกันได้ง่ายในสถานที่มีกลุ่มคน เช่น โรงเรียน สถานทีทำงาน เป็นต้น

สาเหตุ

  • ไข้หวัด เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีอยู่มากกว่า 200 สายพันธุ์ของกลุ่มไวรัสต่างๆ แต่ที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากเชื้อไวรัส กลุ่มไรโนไวรัส (rhinovirus) ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิด และเป็นกลุ่มไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย นอกจานี้ ทีกลุ่มไวรัสโคโรนา (coronavirus) กลุ่มไวรัสเอนเทอโร (enterovirus) เป็นต้น 
  • ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) มีอยู่ 3 ชนิดใหญ่ เรียกว่า ชนิด เอ บี และ ซี ที่ทำให้เกิดโรคมากกว่าชนิดอื่น ซึ่งแต่ละชนิดยังแบ่งเป็น สายพันธุ์ย่อยอีกมากมาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เอ จะก่อให้เกิดโรคบ่อยที่สุด มีอาการรุนแรงมากกว่า และสามารถกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งมักจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิม โรคไข้หวัดนกที่มีการแพร่ระบาดก็จัดอยู่ในกลุ่มไวรัสชนิดนี้ 

การเป็นโรคไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ในแต่ละครั้ง จะเกิดจากเชื้อไว้รัสเพียงหนึ่งสายพันธุ์ย่อย เมื่อหายแล้ว ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตัวนั้น และถ้าเป็นหวัดครั้งใหม่ จะเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่หมุนเวียนไป

การติดต่อ

 

ที่มาของภาพ http://www.healthtourism-chiangrai.com/UserFiles/Image/sneez.jpg

เชื้อไวรัสไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ มีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย สามารถติดต่อจากคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่งได้รวดเร็ว โดย

  • การหายใจเอาเชื้อโรค ที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไป ซึ่งมาจากการไอหรือจามของผู้ป่วย 
  • การสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือ เสมหะของผู้ป่วย จากการสัมผัสถูกมือ และสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อหวัด เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ โทรศัพท์ ปากกา เป็นต้น แล้วใช้มือขยี้ตา แคะจมูก หรือเข้าปาก เชื้อหวัดจะเกาะติดเข้าสู่ร่างกายได้ 

อาการของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

ที่มาของภาพ  http://static.truelife.com/blog/files/members/22/106216/170200/d0d42b99.jpg

  • ไข้หวัด จะมีอาการคอแห้งและคันคอ คัดจมูก มีน้ำมูกใส จาม และไอ อาจมีหรือไม่มีเสมหะ บางครั้งอาการไออาจนาน 2-3 สัปดาห์ ไข้หวัดในเด็กมักมีไข้ ส่วนผู้ใหญ่อาจะไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำๆ 
  • ไขัหวัดใหญ่ จะมีอาการคล้ายกับไข้หวัด แต่จะเป็นรวดเร็ว และมีความรุนแรงมากกว่า มักจะมีอาการภายใน 1-4 วัน หลังการติดเชื้อ คือ มีไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-4 วัน จึงค่อยๆ ลดลง ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อและข้อ อ่อนเพลียมากฉับพลัน ปวดกระบอกตา ตาแดง น้ำตาไหล เจ็บคอ คอแดง มีน้ำมูกไหล ไอแห้งๆ อาจไออยู่นาน 1-2 สัปดาห์ หลอดลมอักเสบ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรืออุจจาระร่วงในบางราย ทำให้นอนพักฟื้นหลายวัน
ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้มีอาการรุนแรง จนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ในคนที่มีโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันเสื่อม เป็นต้น และทำให้มีอาการรุนแรงได้ ในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็กอาจชักจากไข้สูง และหญิงมีครรภ์อาจทำให้แท้งได้
 

การรักษา

ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ยังไม่มียารักษาเฉพาะ ผู้ที่ดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง จะแข็งแรงขึ้นและหายป่วยได้เองใน 1-2 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ควรพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาให้อาการทุเลาโดยรวดเร็ว และไม่ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

ขณะที่ป่วยเป็นไขัหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ถ้าปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง และไม่ได้รับการดูแลรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียไปทำให้เกิด การอักเสบของอวัยวะใกล้เคียง ซึ่งมักเป็นในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ไม่พักผ่อนหรือตรากตรำงานหนัก ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ เช่น

  • คออักเสบหรือทอนซิลอักเสบ
  • ไซนัสอักเสบ
  • หูชั้นกลางหรือหูชั้นในอักเสบ
  • กล่องเสียงอักเสบ
  • หลอดลมอักเสบ
  • ปอดอักเสบหรือปอดบวม เป็นต้น 

การดูแลสุขภาพเมื่อเป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

 

ที่มาของภาพ  http://ewt.prd.go.th/ewt/region2/images/article/news1178/n20101110103640_10393.jpg

  1. นอนพักผ่อนให้มากๆ ดูแลร่างกายให้อบอุ่น ควรพักอยู่บ้าน และควรแยกนอน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น 
  2. ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่นๆ ให้มากๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีเสมหะและไอ ช่วยให้เสมหะใส ลดอาการระคายคอและคัดจมูก ระยะนี้ไม่ควรดื่มน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเย็นๆ 
  3. รับประทานอาหารอ่อนที่มีประโยชน์และย่อยง่าย
  4. ใช้ผ้าปิดปากและจมูก เวลาไอหรือจาม กระดาษเช็ดน้ำมูกและน้ำลาย ควรใส่ถุงและิทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด 
  5. ไม่ควรอดนอนหรือตรากตรำทำงานหนัก ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 
  6. เมื่อมีอาการไอ เจ็บคอ หรือภาวะแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาให้อาการทุเลาโดยเร็ว และไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอื่นๆ ไม่ควรซื้อยาชุด นอกจากไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นอันตรายได้
ผู้ที่มีอาการไอ ระยะนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสต่อสิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ หรือหยุดสูบบุหรี่ ควันมลพิษ เป็นต้น เพราะจะทำให้มีอาการรุนแรง
 
  7. เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน และเด็กโตที่มีไข้นานกว่า 3 วัน ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา 

การป้องกันการเป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

 

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน หรือนอนรวมกับผู้ที่เป็นโรคหวัด 
  2. ไม่คลุกคลีใกล้ชิดหรือใช้ของร่วมกับผู้ที่เป็นโรคหวัด
  3. ล้างมือบ่อยๆ หลังการสัมผัสสิ่งของที่อาจปนเปื้อน และหลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ตา แหย่จมูกหรือเข้าปาก 
  4. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ และอย่าตรากตรำงานหนัก 
  5. ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาล ไม่ควรตากฝนและตากแดดที่ร้อนจัดนานๆ 
  6. ไม่ควรอยู่ในสถานที่มีคนแออัด โดยเฉพาะเมื่อมีการระบาดของโรคหวัด 
  7. ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีความเสี่ยงต่อโรคปีละครั้ง ซึ่งวัคซีนจะป้องกันโรคได้ต่อปี 

รูปภาพของ sss28305

ใหม่
เนื้อหาดีและรูปก็ดูสวยดีนะ ตกแต่งดีมากเลย

รูปภาพของ sss28268

ภาพประกอบ เหมาะสมนะ เนี่ย

รูปภาพของ sss28222

เนื้อหาละเอียด อ่านเข้าใจง่ายจ๊ะ

รูปภาพของ sss28236

สวยดีจ้าาา :)

รูปภาพของ sss28230

เนื้อหาอ่านง่ายดีจ้า

รูปภาพของ sss28225

ภาพเยอะ ชัดเจนเห็นภาพดีอะ
อ่านง่ายดี

รูปภาพของ ssspoonsak

อืม ดีจ้ะ แต่จะเพิ่มเติมอีกก็ได้นะจ้ะ

ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

รูปภาพของ sss28265

เนื้อหาละเอียดดีมากเลยค่ะ :)

รูปภาพของ sss28288

 

ระวังไม่ให้เป็น น่าจะดีกว่ามาตามรักษานะเนี่ย --"

555+

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่า ^^ 

รูปภาพของ sss28217

ทำได้สวยน่ารักดีค่ะ เนื้อหารัดกุมเข้าค่ะ

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 612 คน กำลังออนไลน์