อันตราย !!!!! โคที่มาพร้อมกับน้ำท่วมมมมมมมมมม
โรคเครียด เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางด้านความกังวล ผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการ วิตกกังวลมากเกินปกติ บางคนมีอาการ นอนไม่หลับ ใจสั่น ตื่นเต้น ตกใจง่าย เหงื่อออกมากผิดปกติ ปวดศีรษะ แน่นหน้าอก แน่น ท้อง ชาตามตัว
ตัวอย่างของโรคเครียด เช่น โรควิตกกังวล Generalized Anxiety Disorder โรคกลัว Phobia โรคย้ำคิดย้ำทำ Obsessive Compulsive Disorder โรคแพนนิก Panic disorder โรดเครียดที่มีอาการทางกาย Somotoform
disorder โรคเครียดภวังค์ Dissociative Disorder จะเห็นได้ว่า โรคเครียด เป็นโรคที่มีอาการหลากหลาย มาก มักพบว่าผู้ป่วยหลายคน
มีอาการทางกาย และไปรักษากับแพทย์ทางอายุรกรรม ซึ่งจะตรวจไม่พบ สาเหตุทางร่างกายใด ๆ
สาเหตุ โรคเรียด มีสาเหตุมาจากปัจจัยร่วมระหว่าง ทางด้านร่างกาย และ ความเครียดจากการปรับตัว
- ทางร่างกาย ผู้ป่วยโรคเครียด ก้านสมองจะมีความไวกว่าปกติ ทำให้รู้สึกกังวล และ มีการทางระบบ ประสาทอัตโนมัติ เร็วเกิน ไป จึงมีอาการ
ใจสั่น เหงื่อออก ชีพจรเต้นเร็ว นอนไม่หลับ ส่วนระดับสารเคมีในสมองพวก นอร์อีพิเนพฟรินสูง ( Norepinephrin ) นอกจากนี้ ยา หรือ
สารบางชนิด ทำให้เกิดอาการเครียดได้ เช่น กาแฟ ชา เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ คาเฟอีน โสม หรือแม้แต่ยาแก้หวัด ยาลดน้ำหนัก
- ทางจิตใจ สาเหตุสำคัญคือ ความเครียดที่เกิดจากกิจวัตรประจำวัน บุคลิกภาพ ของผู้ป่วยเองก็มีความ สำคัญไม่น้อย ผู้ป่วยที่มีนิสัยวิตกกังวล
ง่าย ย่อมทำให้เกิดอาการเครียดได้ง่าย ความสำคัญ โรคเครียด แม้ว่าไม่เกิดอันตราย กับตัวผู้ป่วยเอง แต่ผู้ป่วยที่มี อาการเครียด พยายามไปหา
แพทย์หลาย ๆ ท่าน บางครั้งต้องใช้เครื่องมือตรวจพิเศษ ก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ ทำให้อาจเกิดโรคแทรกซ้อนจากการตรวจพิเศษ เสียเวลา
เสียค่าใช้จ่ายในการรักษา ผู้ป่วยโรคเครียดนาน ๆ อาจจะเปลี่ยนไปเป็นโรคซึมเศร้า นอกจากนี้ คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยก็ไม่ดี การนอนไม่หลับ
ปวดเมื่อย ทำให้ประสิทธภาพของการทำงานลดลง
การรักษา
ขึ้นอยู่กับโรคเครียด ว่าเป็นโรคใด เพราะพยากรณ์โรคต่างกัน
1. การรักษาโดยการใช้ยา ยามีประสิทธิภาพสูงมากในการรักษา โดยเฉพาะระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่เครียดมานาน หลังจากได้รับประทานยา
คลายกังวล จะรู้สึกอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วใน 3 – 4 วัน ปัญหาในการใช้ยาคือ ผู้ป่วยต้องใช้ยาเป็นประจำ ไม่สามารถหยุดยาได้ ซึ่งเกิดจากโรค
เครียดส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับตัวในชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยได้แต่ทานยาเพื่อบรรเทาอาการ ไม่ได้ปรับปรุงบุคลิกหรือการปรับตัวเอง โดยทั่วไป
แล้ว ยาคลายกังวล ในปริมาณไม่สูงนัก ไม่มีผลเสพติดทางร่างกาย ผู้ป่วยสามารถหยุดยาได้ โดยไม่มีอาการถอนยาแต่อย่างใด
ตัวอย่างยาคลายกังวลที่ใช้คือ ไดอะซีแพม Diazepam
2. การรักษาโดยใช้จิตบำบัด โดยเน้นการรักษาแบบจิตบำบัดแบบจิตวิเคราะห์ สามารถ เพื่อทำให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัว ชีวิตประจำวันได้
ปรับปรุงบุคลิกภาพตนเอง ให้มีความยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
3. การรักษาโดยใช้พฤติกรรมบำบัด ในกรณีโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือ โรคกลัว สามารถใช้วิธีนี้ ช่วยในการฝึก เพื่อลดพฤติกรรมดังกล่าวได้
4. อื่น ๆ สันทนาการต่าง ๆ ทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย เช่น งานอดิเรกต่าง ๆ ฟังเพลง เล่นกีฬาเบา ๆ ปลูกต้นไม้ การใช้หลักศาสนา ซึ่งแล้วแต่
ความพอใจของแต่ละคน ย่อมทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้
แหล่งที่มา http://www.moreschool.net/education/picture/edu-20081210003941.jpg
- « แรก
- ‹ หน้าก่อน
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- ถัดไป ›
- หน้าสุดท้าย »
แหล่งอ้างอิง:
http://www.klanghospital.go.th/index.php/9.html
เนื้อหา ภาพประกอบครบถ้วน
ปรับปรุงเรื่องการจัดข้อความที่ยังไม่ดีนัก การเว้นวรรค การขึ้นบรรทัดใหม่ไม่ถูกต้อง
อาจจะเพิ่มเติมข้อมูลได้อีก
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
สดใสมากอ่ะ ดูโอ้
เริ่ด เริ่ด
รวมๆแล้ว 'น่าร็อคอ้าาาา' เนื้อหาอ่านง่ายสบายตา รูปก็น่ารักอะไรเช่นนี้ :D
ภาพ และสีสันสวยงามจร่ะ
ชอบสีสันจังจ้า :)))
เนื้อหาเยอะดี
ตกแต่งสวยอ่ะ
อืม ดีจ้ะ แต่จะเพิ่มเติมอีกก็ได้นะจ้ะ
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
เนื้อหามาเต็ม!!
บลอคน่ารักคิขุ
ตกแต่งสวย เนื้อหาเยี่ยม
สวยงามค่ะ ตบมือ ;)
แหล่มเลย (Y)
เนื้อหาดี มีสาระมากๆ สีสวยยย :P
บลอกมีสีสันดีๆ :) เนื้อหาเยอะจ้า
สุดยอด~.. น่ารักมากมายเลยอ๊ะ
เนื้อหาแน่นปี้ก!! เยี่ยม - -+
น่ารักกกกกกก
อ่านง่ายยย
แอนใส่ชื่อด้วยดิ ^^